หุ้นเทคสหรัฐฯ 2024 ร่วงแรงยังน่าลงทุนมั้ย?

หุ้นเทคสหรัฐฯ 2024 ร่วงแรงยังน่าลงทุนมั้ย?

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • หุ้นเทคฯ สหรัฐฯ ร่วงหนักในช่วงต้นเดือน ส.ค. จากความกังวลว่า สหรัฐฯ จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต ทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย รวมทั้งย้าย Sector ลงทุน ประกอบกับบางส่วนขายทำกำไรหลังราคาขึ้นมามาก
  • นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2023 ราคาหุ้น 7 นางฟ้า ซึ่งเป็นหุ้นเทคฯ ที่มูลค่าตลาดสูงสุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ราคารปรับขึ้นมามาก โดยเฉพาะ Nvidia ที่ขึ้นมามากกว่า 600% 
  • หากจะลงทุนหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ ระยะสั้น แนะนำให้พักก่อน เพราะหุ้นอยู่ในช่วงปรับฐานและมีความผันผวนรออยู่ในระยะถัดไป แต่ถ้าจะลงทุนยาว ก็ถือเป็นโอกาสในการทยอยเข้าไปเก็บสะสม อย่างไรก็ตาม ควรกระจายความเสี่ยงลงทุนสินทรัพย์ที่รับมือเศรษฐกิจถดถอยได้เอาไว้ด้วย

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เปิดเดือน ส.ค. ก็บันเทิงสุด ๆ เมื่อหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Apple และ Nvidia นำทีมร่วง ทำเอาหุ้นในประเทศอื่น ๆ ร่วงตามกันระนาว สร้างปรากฎการณ์ Black Monday หุ้นร่วงหนักวันจันทร์ไปเรียบร้อย เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. 2024 แล้วรูปการณ์แบบนี้ หุ้นเทคสหรัฐฯ 2024 จะยังน่าลงทุนมั้ย วันนี้พี่ทุยจะมาวิเคราะห์ให้ฟัง

สรุปเหตุผลที่ หุ้นเทคสหรัฐฯ 2024 ปรับลดลงแรง 

ต้องบอกว่า กลุ่มหุ้นเทคสหรัฐฯ ไม่ได้เพิ่งร่วงในเดือน ส.ค. แต่เริ่มปรับลดลงบ้างตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ที่เป็นช่วงของการทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ผ่านมาแล้ว 

  • นักลงทุนกำลังสับเปลี่ยนเงินลงทุนไปยัง Sector อื่น โดยเฉพาะหุ้นคุณค่าที่เป็นหุ้นขนาดเล็ก
  • นักลงทุนขายทำกำไรหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ 
  • ตลาดกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะกลางจะเกิดภาวะถดถอย เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด จึงหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยแทน 
  • ตลาดตื่นตกใจ หลัง  Berkshire Hathaway ขายหุ้น Apple ที่ถืออยู่ในพอร์ตออกมาครึ่งหนึ่ง  
  • Nvidia เลื่อนเปิดตัวชิป AI ใหม่ ทำให้นักลงทุนคาดหวังกับการเติบโตที่มาจาก AI น้อยลง 
  • นักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน จะรุนแรงขึ้น กรณี Donald Trump ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง เดือน พ.ย. นี้ ซึ่งอาจกระทบซัพพลายเชนกลุ่มเทคฯ 

การปรับตัวของหุ้น 7 นางฟ้า

มาดูกันดีกว่าว่า หุ้นเทคฯ ชั้นนำในกลุ่ม 7 นางฟ้า หรือ Magnificent 7 ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap.) มากที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ละตัวเป็นอย่างไรกันบ้าง โดยเฉพาะในสถานการณ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. 2024

สำนักข่าว Reuters ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. 2024 หุ้น Apple ถูกเทขายออกมาอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจถดถอย บวกด้วยข่าวที่ Berkshire Hathaway ขายหุ้น Apple ที่มีอยู่ในพอร์ตออกมาครึ่งหนึ่ง ขณะที่ภาพรวมหุ้นนางฟ้าทั้ง 7 ปรับลดลงถ้วนหน้า 

สำหรับ Apple, Tesla, Alphabet และ Amazon ลดลงมากกว่า 4% ในวันเดียว ขณะที่ Nvidia ลดลงไป 7% ส่วน Microsoft และ Meta Platforms ลดลง 3% จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายมหาศาลเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และทำให้โดยภาพรวมมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของหุ้น 7 นางฟ้าโดยรวมหายไปกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ LSEG 

คราวนี้ลองมาดูข้อมูลกันว่า ก่อนจะร่วงหนักขนาดนี้ หุ้นนางฟ้าทั้ง 7 ทำผลงานมายังไงบ้าง นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2023 – 4 ส.ค. 2024

สรุปเหตุผลที่ หุ้นเทคสหรัฐฯ 2024 ปรับลดลงแรง 

ที่มา : Morningstar ข้อมูล ณ วันที่ 4 ส.ค. 2024 

ถ้าดูข้อมูลจาก Morningstar.co.uk โดยย้อนดูสถิติการปรับตัวของหุ้น 7 นางฟ้า รวมเวลา 1 ปี กับอีกประมาณ 7 เดือนกว่าๆ ก็จะพบว่า หุ้น 7 นางฟ้าปรับตัวขึ้นมามากทีเดียว ถึงแม้จะเริ่มร่วงในช่วงปลายทาง

แต่โดยรวม สถิติการปรับขึ้นก็ยังสูงอยู่ โดยเฉพาะ Nvidia ที่ปรับตัวขึ้นมา 634.45% ทิ้งห่างหุ้นอื่น ๆ ในกลุ่ม ดังนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากใครที่เข้าไปลงทุนในหุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ทั้งลงทุนโดยตรง และลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ ที่มีน้ำหนักในหุ้น 7 นางฟ้าค่อนข้างมาก จะขายทำกำไรออกมา  

ส่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยจริงหรือ

เมื่อพิจารณาในมุมเศรษฐกิจ ว่า ทำไมนักลงทุนถึงกังวลว่าสหรัฐฯ จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย พี่ทุยพบว่า ตัวเลข GDP ที่แท้จริง ซึ่งหักเงินเฟ้อออกไปแล้ว ล่าสุดในไตรมาสที่ 2/2024 ก็ยังออกมาดี  ขยายตัว 2.8% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันเอาไว้ด้วยซ้ำ

เพียงแต่เมื่อดูว่า GDP ขยายตัวจากฝั่งไหน ระหว่างผู้บริโภคกับผู้ผลิต ก็พบว่า ฝั่งผู้บริโภค ความต้องการฟื้นตัวจากที่เคยอ่อนแอในไตรมาสแรก แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย สอดคล้องกับข้อมูลยอดค้าปลีกที่ยังอ่อนแอ ซึ่งสะท้อนว่า ผู้ที่มีรายได้น้อยยังมีปัญหาอยู่ 

ส่วนฝั่งผู้ผลิต พบว่า ยอดสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ซึ่งมีส่วนทำให้ GDP เติบโต ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะมันแปลว่า บริษัทซื้อสินค้ามาสต็อกเอาไว้ แต่ยังไม่สามารถขายได้ และนี่เองที่เป็นสัญญาณทำให้นักลงทุนกังวลว่า จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต เมื่อบวกกับการส่งออกของสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มได้รับผลลบจากการที่เงินดอลลาร์แข็งค่า ประกอบกับความต้องการในตลาดโลกที่อ่อนแอด้วย ก็ยิ่งทำให้นักลงทุนกังวลกันไปใหญ่ 

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสัญญาณที่น่ากังวลด้านเศรษฐกิจ ก็ยังมีข่าวดีลงเหลืออยู่ จากการที่ภาคธุรกิจใช้จ่ายลงทุนด้าน AI กันต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการสนับสนุนของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผ่านร่างกฎหมาย Inflation Reduction Act (IRA) ที่ให้สิทธิประโยชน์จูงใจบริษัทสหรัฐฯ ลงทุนในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โครงสร้างพื้นฐาน และการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

ขณะที่ภาคธุรกิจเองก็มีการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้น ทั้งการลงทุนในซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ประมวลผลข้อมูล การวิจัยและพัฒนา ซึ่งล้วนเป็นตัวแปรที่จะช่วยให้ผลประกอบการในอนาคตของกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนเหล่านี้ออกมาดีขึ้น

หุ้นเทคสหรัฐฯ 2024 ยังลงทุนต่อไปได้มั้ย

พอเจอหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ ที่เคยขึ้นดี ขึ้นแรง กำไรงาม ร่วงต่อเนื่องขนาดนี้ ผู้ลงทุนก็เลยเริ่มมีคำถามกันว่า เอาไงต่อดีล่ะ จะยังลงทุนหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ ต่อไปดีมั้ย หรือจะลี้ภัยดี 

ทั้งนี้ พี่ทุย รวบรวมมุมมองของบริษัทจัดการลงทุนยักษ์ใหญ่ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นที่ว่าเราจะลงทุนหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ ต่อดีมั้ยมาให้แล้ว ดังนี้ 

  • BlackRock 

สินทรัพย์เสี่ยงน่าจะฟื้นตัวได้ หลังจากความกังวลประเด็นเศรษฐกิจถดถอยเริ่มลดลง โดยยังให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ อยู่ เนื่องจากมองว่า ยังแรงขับเคลื่อนจาก AI ขณะที่แรงเทขายหุ้นที่มีออกมาในช่วงนี้ ในอีกด้านหนึ่งก็ถือเป็นโอกาสการเข้าซื้อ  

  • Goldman Sachs

Goldman Sachs มองว่า การปรับลดลงของหุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดจากการที่นักลงทุนเริ่มเกิดคำถามว่า พวกเขาประเมินมูลค่าบริษัทขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเทคฯ สูงเกินไปรึเปล่า บวกกับความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการลงทุนด้าน AI จำนวนมหาศาลในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ว่าจะช่วยให้รายได้สูงขึ้น หรือมีผลผลิตสูงขึ้นจริงหรือไม่

และด้วยความที่หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของดัชนี S&P500 ดังนั้นพอหุ้นกลุ่มนี้ถูกเทขายออกมาด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ก็เลยทำให้ตลาดโดยรวมลดลง ขณะที่ การเลือกตั้งสหรัฐฯ สร้างความผันผวนให้กับตลาด 

ทั้งนี้ หากพิจารณาข้อมูลในอดีต จะพบว่า ในช่วงที่ตลาดตกต่ำลง ก็ถือเป็นโอกาสการลงทุน เนื่องจาก เมื่อ S&P500 ปรับตัวลงไป 5% ก็มักจะมีแรงซื้อกลับและทำให้ราคาสูงขึ้นถึง 80% ในช่วง 3 เดือนถัดมา ฉะนั้น ก็อาจจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีก็ได้ ถ้าจะเข้าซื้อในช่วงที่ราคาตก  

  • Julius Baer

นักลงทุนอยู่ในช่วงสับเปลี่ยนการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ไปยังหุ้นขนาดเล็ก แต่เรายังไม่มั่นใจว่า การเปลี่ยนกลุ่มครั้งนี้ มีความยั่งยืนหรือไม่ ขณะที่ สถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ ยังคงสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่อไป 

อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวม เรายังเชื่อว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง เนื่องจาก สหรัฐฯ ยังมีเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง และมีสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการลงทุน แต่ หุ้น 7 นางฟ้า ที่เป็นหุ้นกลุ่มผู้นำ อาจจะมีรายได้เติบโตชะลอตัวลง ในขณะที่ หุ้นขนาดกลาง คาดว่ายังมีรายได้เติบโตแข็งแกร่ง และ หุ้นที่อยู่นอกเหนือจากกลุ่ม 7 นางฟ้าเหล่านี้ น่าจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนด้าน AI ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ การฟื้นฟูอุตสาหกรรม และการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

  • ClearBridge Investment (บริษัทลงทุนในกลุ่ม Franklin Templeton)

หุ้น 7 นางฟ้า ที่เคยได้เปรียบกลุ่มอื่น ๆ มีกำไรต่อหุ้นเติบโตแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา อาจจะเริ่มไม่มีข้อได้เปรียบในประเด็นนี้แล้ว ในอนาคต ขณะที่ ตลาดจะเริ่มพิจารณาการเติบโตของกำไรมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนหุ้นผู้นำตลาดใน 12-18 เดือนข้างหน้า 

อัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้นของ 7 หุ้นนางฟ้า ในส่วนของประเด็นที่นักลงทุนกังวลกับภาวะฟองสบู่ในหุ้นเกี่ยวกับ AI ในปัจจุบันนั้น เราไม่เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนไปลงทุนหุ้นกลุ่มอื่นในระยะยาว เพราะว่า จริง ๆ แล้วความก้าวหน้าที่รวดเร็วของ AI เชิงสร้างสรรค์ และการพัฒนาโมเดลที่มีความสามารถมากขึ้น มีส่วนทำให้โครงสร้างพื้นฐานและบริการ AI ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย 

ทั้งนี้ มองว่าเราไม่ควรปล่อยให้อารมณ์การลงทุนระยะสั้นมาบั่นทอนแนวทางการลงทุนระยะยาว โดยเรายังควรมีหุ้นเทคโนโลยีเป็นส่วนหลักของพอร์ตโฟลิโออยู่เสมอ 

มาถึงตรงนี้ พี่ทุย มองว่า ถ้าคิดจะลงทุนฟันกำไรแค่สั้น ๆ ณ เวลานี้ เบรกไว้ก่อนดีกว่า เพราะนี่เป็นเวลาที่หุ้นเทคฯ สหรัฐฯ กำลังปรับฐาน และหลังจากนี้ก็ยังมีปัจจัยที่ทำให้หุ้นเทคฯ ผันผวนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed หรือการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่ใกล้เข้ามาทุกที

แต่ถ้าคิดจะลงทุนยาว ๆ แบบไม่หวั่นไหวกับความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระยะข้างหน้า พี่ทุยก็มองว่า เป็นช่วงเวลาที่ยังทยอยเข้าไปเก็บสะสมแต้มได้เรื่อยๆ 

อย่างไรก็ตาม พี่ทุยไม่แนะนำให้ใส่เงินลงทุนเต็มเหนี่ยวไปที่หุ้นเทคฯ สหรัฐฯ เท่านั้น แต่เพื่อให้พอร์ตลงทุนมีโอกาสเติบโตแบบที่แข็งแกร่งมากขึ้น ก็ควรจะแบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นด้วย

ทั้งสินทรัพย์ที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอย และสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตได้ท่ามกลางสภาวะถดถอย อย่างเช่น หุ้นคุณค่า หรือกลุ่มที่ธุรกิจมีความแข็งแกร่ง ทนทานกับสภาวะเศรษฐกิจทุกรูปแบบ มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งกลุ่มนี้ การปรับตัวอาจจะไม่หวือหวา แต่ก็จะปรับตัวแบบมีเสถียรภาพมากกว่า 

ขณะที่ หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐฯ ก็เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เพราะที่ผ่านมา การปรับตัวยังตามหลังหุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่อยู่หลายขุม ทำให้มูลค่าหุ้น ยังดูต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งถ้าในเดือน ก.ย. นี้ Fed ลดดอกเบี้ยลงจริง ตามที่ตลาดคาดการณ์ กลุ่มหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐฯ นี่แหละที่จะได้ประโยชน์จากการทำผลการดำเนินงานได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากจะมีต้นทุนการเงินที่ต่ำลง

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile