Sell in May วลีติดหูที่นักลงทุนทั้งตลาดหุ้นกับเหตุการณ์ที่เชื่อว่ามักมีแรงเทขายในเดือน พ.ค. ของทุกปีทำให้ตลาดหุ้นมีผลตอบแทนที่ไม่ค่อยสู้ดีอย่างชัดเจน ต้นปี 2022 ดัชนี SET Index อยู่ราว ๆ 1,600 – 1700 จุด มาตลอด แต่พอล่วงเข้าต้นเดือน พ.ค. ก็ร่วงไปถึง 1,582 จุด เลยทีเดียว
พี่ทุยได้รวบรวมข้อมูลผลตอบแทนดัชนี SET Index, SET50 และ SET100 ระหว่างปี 2015-2020 พบว่าดัชนี SET, SET50 และ SET100 มีผลตอบแทนเฉลี่ย -0.78%, -1.02% และ -0.73% ตามลำดับ ด้านความน่าจะเป็นที่ผลตอบแทนในเดือน พ.ค. จะเป็นบวกของทั้ง 3 ดัชนี อยู่ที่เพียง 33.33% เท่านั้น สถิติที่ว่านี้แสดงให้เห็นว่าปรากฎการณ์ Sell in May ในตลาดหุ้นไทยยังคงเกิดขึ้นอย่างทั่วถึงทั้งหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก
ตลาดหุ้นไทยมักปรับตัวขึ้นในเดือน เม.ย. ไปก่อนแล้ว โดยดัชนี SET มีค่าเฉลี่ยผลตอบแทน 3.37% และความน่าจะเป็นที่ผลตอบแทนจะเป็นบวกอยู่ที่ 66.67% หนึ่งในสาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยมีผลตอบแทนที่น่าสนใจในเดือน เม.ย. เพราะเป็นเดือนที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีกำหนดการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี ซึ่งมักเป็นไตรมาสที่ถูกคาดหมายว่าผลประกอบการจะออกมาโดดเด่นกว่าไตรมาสที่ 2 และ 3 จากอานิสงส์ของทั้งการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายช่วงปลายปีก่อนถึงต้นปีใหม่
นอกจากนั้นการจ่ายเงินปันผลที่เกิดขึ้นหลังเปิดเผยผลประกอบการซึ่งจะตรงกับช่วงเดือน พ.ค. ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในเดือน เม.ย. ทั้งเพื่อเก็งกำไรและรอรับเงินปันผล
เหตุผลที่ทำให้เกิด Sell in May
1. มีการเปิดเผยผลประกอบการและจ่ายเงินปันผลแล้ว แรงซื้อที่เข้ามาเก็งกำไรและรอรับเงินปันผลจึงเปลี่ยนเป็นแรงเทขายในเดือน พ.ค.
2. ในส่วนทางด้านค่าเงินบาทก็มีแนวโน้มอ่อนค่าในเดือน พ.ค. เช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเคลื่อนย้ายเงินที่ได้จากการปันผลออกนอกประเทศ
ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในช่วงต่าง ๆ
เมื่อเราดูผลตอบแทนระหว่างเดือน มิ.ย. ถึง ก.ย. ของดัชนี SET, SET50 และ SET100 เราจะเห็นว่าความน่าจะเป็นที่ผลตอบแทนจะเป็นบวกเพิ่มขึ้นมาที่ 66.67% แต่พี่ทุยเห็นว่าผลตอบแทนระหว่างเดือน มิ.ย. ถึง ก.ย. ในปี 2015 ของดัชนี SET ติดลบถึง 9.83% ซึ่งเกิดความไม่สงบทางการเมืองจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในแดนลบ เช่นเดียวกับปี 2020 ซึ่งมีแรงเทขายตลอดเดือน มิ.ย. ถึง ก.ย. หลังดัชนี SET ปรับตัวขึ้นมาอย่างแรงในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ปี 2016-2019 ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งหมด
ขณะที่เดือน ต.ค. ถึง ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีปรากฎการณ์ Santa Claus Rally ผลตอบแทนของดัชนี SET, SET50 และ SET100 มีค่าเฉลี่ยที่ 1.40%, 1.35% และ 1.18%
ความน่าจะเป็นที่ผลตอบแทนระหว่างเดือน ต.ค. ถึง ธ.ค. จะเป็นบวกของทั้ง 3 ดัชนี อยู่ที่ 50%
พี่ทุยพบว่าเดือน ต.ค. ถึง ธ.ค. เป็นช่วงที่มีข้อมูลมีความน่าสนใจมาก เพราะผลตอบแทนในแต่ละปีมีความผันผวนค่อนข้างมาก เช่น ผลตอบแทนดัชนี SET ของปี 2015 อยู่ที่ -4.52%
แต่ในปี 2016 และ 2017 กลับขึ้นมาที่ 4.03% และ 4.81% จากนั้นปี 2018 กลับไป -10.96% หลังตลาดการเงินทั่วโลกกังวลว่า Fed อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปี 2019 มีผลตอบแทน -3.50% ส่วนปี 2020 ซึ่งเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวจากการอนุมัติวัคซีน ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นถึง 17.16%
ช่วงปลายปีมักเป็นช่วงที่นักลงทุนในตลาดหุ้นให้ความสำคัญกับมุมมองทางเศรษฐกิจและคาดการณ์ผลประกอบการของปีถัดไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยในเชิงบวกต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามหากปีใดที่มีมุมมองหรือข่าวในเชิงลบก็จะส่งผลกระทบอย่างมากเช่นกัน นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความเคลื่อนไหวที่ผันผวนในช่วงปลายปี
การตัดสินใจลงทุนนั้นนอกจากใช้สถิติแล้วยังต้องค้นหาข้อมูลทั้งในระดับมหภาค ปัจจัยพื้นฐาน และข่าวสารในแต่ละช่วงเวลาเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ ขณะเดียวกันเมื่อดูผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ยิ่งทำให้การปรับตัวลงของตลาดหุ้นจาก Sell in May เป็นโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจเลยทีเดียว