ล่าสุดมีข่าวดีสำหรับผู้คนทั่วโลกว่า “ยารักษาโควิด-19” ที่ถูกคิดค้นโดยผู้ผลิตยา Merck นั้นมีผลการทดลองที่น่าพอใจ ลดการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 50% นับเป็นความก้าวหน้าที่สดใสของมนุษยชาติที่ต้องตกอยู่สถานการณ์โรคระบาดมานานเกือบ 2 ปี อัตราการเสียชีวิตรวมทั่วโลก เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 เฉียด 5 ล้านคนไปแล้ว
ในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการคิดค้นวัคซีนขึ้นมา เพื่อนำมาฉีดป้องกันการแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้โดยมีประสิทธิภาพดีในระดับหนึ่งและทั่วโลกก็กำลังเร่งมือเพื่อให้ประชาชนในประเทศเข้าถึงการฉีดวัคซีนในเปอร์เซ็นที่เยอะขึ้นด้วยความหวังที่จะให้ประเทศของตนนั้น กลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ แต่การฉีดวัคซีนก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ความเสี่ยงในกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว หรือ ผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนยี่ห้อต่าง ๆ ที่มีผลข้างเคียงแตกต่างกันไป
ยาเม็ด ‘โมลนูพิราเวียร์’ (Molnupiravir) ทางเลือกใหม่ต่อสู้ COVID-19
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีความหวังใหม่ที่อาจทำให้ทั่วโลกสามารถฟื้นตัวจากโรคระบาดเร็วขึ้น นั่นคือยาต้าน COVID-19 ชนิดเม็ดอย่าง ‘โมลนูพิราเวียร์’ (Molnupiravir) โดยเมื่อวันศุกร์ ที่ 1 ต.ค. 2564 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานผลทดสอบยาต้าน COVID-19 ชนิดเม็ดโมลนูพิราเวียร์ที่พัฒนาโดยบริษัท Merck&Co ร่วมกับผู้พัฒนาอย่าง Ridgeback Biotherapeutics ซึ่งเป็นการรักษาทางเลือกที่อาจช่วยลดความเสี่ยงในการต้องเข้าไปนอนโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจาก COVID-19 ลงถึง 50% โดยเฉพาะในผู้ที่มีข้อจำกัดในการเข้ารับการฉีดวัคซีน
ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นยาเม็ดสำหรับรักษาโรค COVID-19 ซึ่ง Merck ระบุว่ามีประสิทธิภาพในการต้านไวรัส COVID-19 ทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา โดย Merck ศึกษาและทดสอบการใช้ยาต้านไวรัสดังกล่าวในกลุ่มตัวอย่างรวม 775 คน เน้นไปที่ผู้ที่เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือผู้ที่เสี่ยงเสียชีวิตจากการติดเชื้อ COVID-19 และมีปัญหาสุขภาพข้างเคียง เช่น มีภาวะอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจ และมีอายุมากกว่า 60 ปี พบว่ามีเพียง 7.3% ที่ต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลและไม่พบผู้เสียชีวิตเลย
โดย Merck เองก็กำลังจะยื่นเรื่องขออนุญาตใช้ยาต้าน COVID-19 ชนิดเม็ดนี้เป็นกรณีฉุกเฉิน คาดการณ์ว่าจะได้รับอนุมัติประมาณเดือน พ.ย. 2564 โดยตั้งเป้าจะผลิตให้ได้ 10 ล้านโดสภายในปีนี้
ซึ่งสหรัฐฯ เตรียมสั่งจองโมลนูพิราเวียร์แล้ว 1.7 ล้านโดส และเบื้องต้น Merck ได้ทำสัญญากับฐานการผลิตยาหลายแห่งในอินเดียเรียบร้อยแล้ว เพื่อกระจายยาต้าน COVID-19 ชนิดเม็ดอย่างโมลนูพิราเวียร์ให้ไปถึงประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางต่าง ๆ ที่อาจจะยังมีปัญหาด้านการเข้าถึงวัคซีน COVID-19
ไทยเองก็มีความเคลื่อนไหวเหมือนกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานรัฐบาลไทยกำลังเจรจากับบริษัท Merck เพื่อซื้อยายาโมลนูพิราเวียร์ 200,000 ชุด โดยคาดว่าจะได้รับยาในเดือน ธ.ค. 2564 และหากบริษัทเมอร์คคิดราคายาโมลนูพิราเวียร์ในระดับเดียวกับสหรัฐฯ ที่ราคาเม็ดล่ะ 600 บาท โดยผู้ป่วย 1 คน จะใช้ยาทั้งหมด 40 เม็ด ต่อ 1 ชุด คาดว่ารัฐบาลไทยจะต้องใช้งบ 4,600 ล้านบาทเพื่อซื้อยา แต่ Merck&Co มีแผนกำหนดราคายาตามเกณฑ์รายได้ของประเทศ ดังนั้น จึงต้องรอดูกันต่อไปว่า หากเป็นประเทศกำลังพัฒนาแบบไทยอาจจะมีโอกาสได้ราคายาที่ถูกลงกว่าสหรัฐฯ หรือไม่
หุ้นวัคซีนทั่วโลกปรับตัวลดลงจาก ยารักษาโควิด-19
จากข่าวนี้เองทำให้ราคาหุ้น (1 ต.ค. 2564) ของ Merck&Co ตั้งแต่ตอนเปิดตลาดถึงตอนปิดตลาด บวกขึ้นมาที่ 8.37% ดัชนีอ้างอิงสหรัฐฯ Dow jones, S&P500, Nasdaq ที่เป็นดัชนีภาพรวมตลาด ต่างก็ปิดบวกตาม ๆ กัน
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นถูกค้นพบ ลองคิดดูว่าถ้าเป็นแล้วไม่ตาย มียารักษาให้หายได้ ก็จะทำให้คนเริ่มกลัวโควิดกันน้อยลง ก็ไม่แปลกเลยที่เหล่าหุ้นบริษัทผลิตและคิดค้นวัคซีนหลาย ๆ เจ้าจะถูกเทขายลงมาจากความต้องการวัคซีนที่น้อยลง
ถึงแม้ผลประกอบการและอัตรากำไรของบริษัท Merck&Co ตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2564 ที่อยู่ในช่วงวิจัยและคิดค้นยานั้นค่อนข้างทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่หากยามีประสิทธิภาพจริง อาจจะเป็นปัจจัยบวกที่ไปเปลี่ยนปัจจัยพื้นฐานให้สามารถดันราคาหุ้นของ Merck&Co ให้เป็นไปได้ในทางที่ดี
โดยนอกจาก Merck&Co ที่กำลังทดสอบและพัฒนายาต้านไวรัสชนิดเม็ดนี้แล้ว ยังมีผู้พัฒนาวัคซีน COVID-19 อย่าง Pfizer เองก็กำลังศึกษาผลลัพธ์ของยาต้านไวรัสชนิดเม็ด 2 ตัว รวมถึง Roche บริษัทด้านเภสัชกรรมสัญชาติสวิสก็กำลังศึกษาวิจัยทางเลือกใหม่ในการรับมือและรักษาผู้ป่วย COVID-19 เช่นกัน
พี่ทุยคิดว่ายิ่งเราหาตั้งวิธีการป้องกันและวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เศรษฐกิจกลับมาสู่สภาวะปกติได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อ COVID-19 สามารถรักษาให้หายและมีวิธีป้องกันแบบเดียวกับไข้หวัดใหญ่เมื่อไหร่ เราก็สามารถเขียนหน้าประวัติศาสตร์ได้ทันทีเลยว่าวิกฤต COVID-19 ได้จบลงแล้ว
อ่านเพิ่ม
รูปล่าง ของ mobile
