ช่วงนี้มีหุ้น IPO ที่น่าสนใจหลายตัวจ่อจะเข้าตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดย “เงินติดล้อ” หรือ TIDLOR ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจ แถมยังจัดสรรแบบ Small Lot First เหมือนกับหุ้น OR ในช่วงก่อนหน้านี้อีกด้วย โดยจะพร้อมให้เราได้จองกันผ่านช่องทางออนไลน์ในวันที่ 22-26 เมษายน 2564 ที่จะถึงนี้
“เงินติดล้อ” ทำธุรกิจอะไร ?
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการทางการเงินให้กับลูกค้ารายย่อย ด้วยชื่อเงินติดล้อ ทำให้รายย่อยสามารถเข้าถึงง่าย และเข้าใจบริการได้อย่างชัดเจน เพราะรายย่อยในไทยนั้นมีจำนวนไม่ใช่น้อยแต่ติดปัญหาสำคัญในการเข้าถึงสินเชื่อทางการเงิน ซึ่ง “เงินติดล้อ” เองก็มีจุดยืนที่ชัดเจนในการสร้างโอกาสทางการเงินให้กับลูกค้าในแบบที่ให้มีความรู้ความเข้าใจทางการเงิน เพื่อความเป็นธรรมและโปร่งใส และอาจส่งผลโอกาสที่จะเกิดหนี้เสียที่จะน้อยลงอีกด้วย
นอกจากนี้เงินติดล้อยังเป็นผู้บุกเบิกการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีมาใช้อย่างการใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในหลาย ๆ ช่องทาง แถมยังมีเครือข่ายสาขาที่มากกว่า 1,000 สาขา ครอบคลุม 74 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นอีกจุดแข็งสำคัญของเงินติดล้อเลยทีเดียว โดยปัจจุบันมีธุรกิจหลักถึง 2 ธุรกิจ ได้แก่
1. ธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันครบวงจร
เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เป็นหัวใจหลักของเงินติดล้อ แถมยังการันตีความแข็งแกร่งด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่เป็นอันดับ 1 ในปี 2562 ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อความทั่วถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อย ด้วยภาพลักษณ์ที่อนุมัติเร็ว สินเชื่อมอเตอร์ไซค์อนุมัติ 10 นาที สินเชื่อรถเก๋ง-รถกระบะ อนุมัติไวภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์อย่างบัตรกดเงินสดอีกด้วย
2. ธุรกิจนายหน้าประกันภัย
อีกหนึ่งธุรกิจที่มาคู่กับธุรกิจหลัก เพราะลูกค้าที่เข้าหาเงินติดล้อนั้นจะเป็นกลุ่มที่มีสินทรัพย์อย่างรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว และสินทรัพย์เหล่านี้ต้องมีการต่อประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ จึงมีอีกหนึ่งธุรกิจที่มาคู่กัน โดยเงินติดล้อนั้นติด 1 ใน 3 ของผู้นำที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยรายย่อยในปี 2562 ด้วยบริษัทประกันภัยพันธมิตรถึง 18 ราย
“เงินติดล้อ” ระดมทุนไปทำอะไร ?
การระดมทุนในครั้งนี้คาดว่าจะ IPO ไม่เกิน 1,043 ล้านหุ้น และคาดว่าเงินติดล้อจะได้เงินไปราว ๆ 35,480 ถึง 38,089 ล้านบาท และการระดมทุนในครั้งนี้ของเงินติดล้อในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์อยู่ 4 อย่างด้วยกัน คือ
- ขยายสาขาเพิ่มเติม
- ปรับปรุงโครงสร้างบริษัท
- ใช้เป็นเงินทุนในการขยายพอร์ตสินเชื่อ และเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ
- นำไปชำระหนี้บางส่วน เพื่อให้ธุรกิจคล่องตัวขึ้น
รายได้ย้อนหลังของ TIDLOR
ปี 2561
- รายได้ 7,569.4 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ 17.3%
- เงินให้กู้และลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ 37,049.4 ล้านบาท
ปี 2562
- รายได้ 9,457.9 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ 23.3%
- เงินให้กู้และลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ 45,277.3 ล้านบาท
ปี 2563
- รายได้ 10,558.9 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ 22.9%
- เงินให้กู้และลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ 48,568 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าเงินติดล้อนั้นมีรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 มีการเติบโตถึง 24.9% และในปี 2563 มีการเติบโตอยู่ที่ 11.6% โดยรายได้ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมกว่า 70% มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณกว่า 20%
“เงินติดล้อ” มีการจัดสรรหุ้นแบบ Small Lot First คืออะไร ?
การจัดสรรหุ้นแบบ Small Lot First นั้นได้รับความสนใจจากการที่หุ้น OR ใช้ในการจัดสรรหุ้นให้กับนักลงทุน ซึ่ง TIDLOR เองก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน โดยวิธีนี้จะทำให้การจัดสรรหุ้นให้ทั่วถึงนักลงทุนให้มากที่สุด โดย TIDLOR จะมีขั้นต่ำในการจองอยู่ที่ 1,000 หุ้น ที่ราคา 36.5 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 36,500 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนหุ้นขั้นต่ำต่อหนึ่งใบจอง
หลังจากแจกจ่ายหุ้นในรอบแรกครบแล้วจะมีการจัดสรรหุ้นรอบละ 100 หุ้นต่อรายไปเรื่อย ๆ จนกว่าหุ้นทั้งหมดที่ออกจำหน่ายจะจัดสรรจนหมด โดยเศษที่เหลือในรอบสุดท้ายนั้นจะมีการแจกจ่ายโดยโปรแกรมสุ่ม ทำให้วิธีจัดสรรแบบนี้นั้นจะทำให้เกิดการแจกจ่ายอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมมากที่สุด ทำให้ผู้ที่ลงเงินน้อยจะได้รับสิทธิตามจำนวนที่ตัวเองลง ในขณะที่ผู้ที่ลงเงินเยอะก็จะได้แบ่งสิทธิตามหุ้นส่วนที่เหลือหรือมี
สำหรับวิธีการจองซื้อ TIDLOR นั้นสามารถจองซื้อผ่านออนไลน์เท่านั้น ผ่านช่องทางธนาคารกรุงศรีและธนาคารกสิกรไทย ในช่วงวันที่ 22-26 เมษายน 2564 ซึ่งเราสามารถอ่านรายละเอียดและหนังสือชี้ชวนได้ ที่นี่
คู่แข่งในตลาดหุ้นที่มีธุรกิจใกล้เคียงกับ TIDLOR
ในตลาดหุ้นมีอยู่ 2 บริษัทด้วยกันที่มีธุรกิจที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ TIDLOR นั่นก็คือ ศรีสวัสดิ์ คอร์เปอเรชั่น (SAWAD) และ เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบข้อมูลทางการเงินของทั้ง 3 บริษัท โดยใช้ข้อมูล ณ วันที่ 12 เมษายน 2564 ดังนี้
Market Capital
- TIDLOR –
- SAWAD 112,255.21 ล้านบาท
- MTC 138,860 ล้านบาท
P/E Ratio
- TIDLOR 32 – 35 เท่า
- SAWAD 24.90 เท่า
- MTC 26.63 เท่า
อัตรากำไรสุทธิ ปี 2563
- TIDLOR 22.90%
- SAWAD 41.01%
- MTC 35.30%
กำไรต่อหุ้น
- TIDLOR –
- SAWAD 3.32 บาท
- MTC 2.46 บาท
ข้อมูลของ TIDLOR จากไฟล์ลิ่งได้ประมาณราคาหุ้นที่เสนอขายให้ P/E อยู่ที่ประมาณ 32-35 เท่า ซึ่งถือว่าสูงกว่า P/E ของกลุ่มธุรกิจสินเชื่อด้วยกันที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 24-27 เท่า ค่อนข้างมาก
ในด้านของ SAWAD และ MTC เมื่อมองราคาย้อนหลังแล้ว จะเห็นได้ว่ามีการเติบโตที่โดดเด่นทั้งคู่ ซึ่งผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีของ SAWAD นั้นสูงถึง 133.64% ในขณะที่ MTC นั้น 227.5% ซึ่งช่วงระยะเวลานี้ก็เป็นช่วงที่ TIDLOR เองก็เติบโตเช่นกัน แต่ด้วย P/E ที่ค่อนข้างสูง ใครที่กำลังคิดจะลงทุนหุ้น TIDLOR ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นมาอีกระดับนึง ส่วนใครที่กำลังคิดอยู่ว่าจะจอง IPO TIDLOR ดีมั้ย ส่วนตัวพี่ทุยคิดว่าถ้าใครไม่รีบรอดูจังหวะดี ๆ และรอซื้อในตลาด ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้ราคาถูกกว่าราคา IPO ก็เป็นไปได้