ในปี 2023 ที่ผ่านมาต้องยอมรับเลยว่า หนึ่งในตลาดหุ้นที่น่าเป็นห่วงมาก ๆ ก็คือ SET Index ที่ปรับตัวลงถึง -15.5% เรียกว่าสวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวและปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ทำให้นักลงทุนไทยหลายคน เริ่มมองหาโอกาสการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น
ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็มีหลากหลายช่องทางที่ช่วยทำให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนต่างประเทศได้ง่ายมากขึ้น
แต่ก่อนที่จะไปรู้จักกับ HK13 HKTECH13 JAPAN13 ว่าคืออะไร พี่ทุยอยากพาไปรู้จักกับ DR ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกรวมของ 3 สิ่งนี้กันก่อน ว่ามันคืออะไรกันแน่ ?
Depositary Receipt (DR) ช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนต่างประเทศได้แบบ Realtime
Depositary Receipt (DR) หรือ ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้น หรือ ETF ในต่างประเทศได้สะดวกมากขึ้น และที่สำคัญเลยสามารถซื้อขาย Realtime เหมือนหุ้นไทย ผ่าน Streaming ได้แบบง่าย ๆ เลย
สำหรับนักลงทุนที่ถือการลงทุนผ่าน DR ก็จะได้รับทั้งส่วนต่างของราคา (Capital Gain) เงินปันผล (Dividend) รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่เกิดจากหลักทรัพย์ต่างประเทศหลังหักค่าดำเนินการ เหมือนกับการลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศโดยตรง
อยากเลือกลงทุน DR ต้องเลือกลงทุนแบบไหน ?
หนึ่งในความเสี่ยงสำหรับการลงทุน DR ที่นักลงทุนต้องเลือกให้ดีก็คือ ความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่อง ที่ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะราคาของ DR จะตรงกับราคาหลักทรัพย์ในต่างประเทศหรือไม่ ผู้ออกตราสาร (Issuer) หรืออาจจะถูกเรียกว่าผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญ
สำหรับ DR แล้ว ผู้ออกตราสาร (Issuer) จะต้องเข้าซื้อหลักทรัพย์อ้างอิงในตลาดต่างประเทศ จากนั้นก็มาแบ่งขายออกมาเป็นหน่วยย่อยผ่าน DR ทั้งนี้ก็ขึ้นกับว่าจะกำหนดสัดส่วน 1 หลักทรัพย์เท่ากับกี่ DR
ซึ่งผู้ออกตราสาร (Issuer) ก็มีหน้าที่ดูแลราคาปรับขึ้นลงให้ใกล้เคียงกับหลักทรัพย์อ้างอิงมากที่สุด เพื่อป้องกันการทำ Arbitrage หรือกลยุทธ์การทำกำไรในหลักทรัพย์เดียวกันที่อยู่คนละตลาดนั่นเอง
และถ้าปล่อยให้ซื้อขายกันแบบอิสระ แนวโน้มของราคาก็มีโอกาสที่จะมีความผันผวนสูง หรือไม่สะท้อนราคาที่แท้จริงของหลักทรัพย์อ้างอิงได้เลย อาจจะทำให้นักลงทุนขาดทุนอย่างมหาศาลได้
ทำไมลงทุน DR ต้องเลือกลงทุนกับ DR13 จากการต่อยอดความสำเร็จจาก DW13
ใครที่กำลังมองหา DR สำหรับการลงทุนอยู่ พี่ทุยแนะนำให้ลองเลือกลงทุนกับ DR จาก บล.เคจีไอ เพราะการลงทุนใน DR จะต้องให้ความสำคัญกับสภาพคล่องของ DR แต่ละตัวด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่นักลงทุนซื้อหรือขาย DR ไม่ได้ เพราะไม่มีสภาพคล่อง โดยบล. เคจีไอ มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการดูแลสภาพคล่องผ่าน DW13 ที่การันตีด้วยการครองส่วนแบ่งตลาด (Market Share) อันดับ 1 ในตลาด DW หุ้นไทย โดยมีการลงทุนและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการดูแล
สภาพคล่องมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ราคา DR หรือ DW เคลื่อนไหวตามหลักทรัพย์อ้างอิง แม้ในยามที่ตลาดผันผวน
แล้ว HK13 HKTECH13 JAPAN13 คืออะไร ?
HK13 HKTECH13 JAPAN13 คือ DR ที่ออกมาใหม่ล่าสุดจาก บล. เคจีไอ (หรือที่เราเรียกกันว่า DR13) ที่ช่วยกระจายการลงทุนในต่างประเทศได้แบบสะดวกสบายเลย เอาล่ะ พี่ทุยพาไปทำความรู้จักแบบกระชับ เข้าใจง่าย ๆ กัน
1. HK13 – เติบโตไปพร้อมกับตลาดหุ้นฮ่องกง
สำหรับ HK13 จะมีหลักทรัพย์อ้างอิง คือ กองทุน Tracker Fund of Hong Kong (2800 HK) หรือก็คือ ETF ที่ลงทุนในหุ้นตามดัชนี Hang Seng โดยมีเป้าหมายให้มีผลตอบแทนใกล้เคียงหรือตามกับดัชนี Hang Seng เป็นหลัก โดยกองทุนมีขนาดใหญ่ทะลุ 500,000 ล้านบาทในปี 2023 ที่ผ่านมา
ข้อมูล HK13 เพิ่มเติม คลิก
2. HKTECH13 – จับเทรนด์การลงทุนกับเทคโนโลยีจีน
สำหรับใครที่ชื่นชอบหุ้นเทคโนโลยีจีนก็ต้อง HKTECH13 ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงคือกองทุน Hang Seng TECH Index ETF (3032 HK) ที่จดทะเบียนในตลาด Hong Kong Stock Exchange ที่จะเลือกลงทุนกับหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ที่สุด 30 อันดับแรกของตลาดหุ้นฮ่องกง
ข้อมูล HKTECH13 เพิ่มเติม คลิก
3. JAPAN13 – DR ตัวแรกของประเทศไทยที่ลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น
การกระจายลงทุนในญี่ปุ่นสำหรับนักลงทุนไทยถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่สำหรับ JAPAN13 ถือว่าเป็น DR ตัวแรกที่เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยมีหลักทรัพย์อ้างอิงคือกองทุน ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF ที่จดทะเบียนในตลาด Hong Kong Stock Exchange ที่อ้างอิงกับดัชนี MSCI Japan 100% Hedged to USD Index โดยมีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินจากค่าเงินเยนไปเป็นดอลลาร์แบบ 100% เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง
ข้อมูล JAPAN13 เพิ่มเติม คลิก
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว สนใจข้อมูลอยากรู้มากกว่านี้ พี่ทุยแนะนำให้เข้าศึกษา DR13 ทั้ง 3 ตัวใหม่นี้ ได้เลยที่นี่