หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ทิศทางการเมืองไทยยังคลุมเครือสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย จนถึงวันที่ 22 ส.ค. 2566 ประเทศไทยก็ได้นายกฯ คนที่ 30 ส่งให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นรับข่าวดังกล่าว บทความนี้พี่ทุยขอพานักลงทุนทุกคนไปดูว่า หุ้น 4 กลุ่มได้ประโยชน์จากรัฐบาลเพื่อไทย มีหุ้นอะไรบ้าง
สรุปผลโหวตเศรษฐานั่งนายกฯ จัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค
การประชุมรัฐสภา วาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ โดยพรรคเพื่อไทยได้มีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดต ผลโหวตปรากฎว่าได้รับความเห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง จากเสียงทั้ง 705 เสียง เตรียมรับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย
ส่วนการตั้งรัฐบาลจะเป็นไปตามที่ก่อนหน้านี้วันที่ 21 ส.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมกับตัวแทน 11 พรรคการเมือง แถลงข่าวจับมือจัดตั้งรัฐบาลพร้อมเปิดโควตาจัดสรรกระทรวงอย่างลงตัว
ตลาดหุ้นไทยรับข่าวการเมืองนิ่ง บวกกว่า 19 จุด
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดตลาดซื้อขายในแดนบวกทันทีทั้งตอบรับข่าวการกลับประเทศไทยของอดีตนายกฯ ทักษิณ และคาดการณ์ผลโหวตนายกฯ ที่มีความเป็นไปได้สูงที่นายเศรษฐาจะได้รับตำแหน่ง
โดยดัชนี SET ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 19.75 จุด (+1.29%) มาที่ระดับ 1,545.60 จุด ส่วนดัชนี SET 50 ปรับตัวขึ้น 12.58 จุด (+1.34%) มาที่ระดับ 954.56 จุด โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 3,394.02 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 509.91 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 354.05 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 4,257.98 ล้านบาท
หากดูจากมูลค่าซื้อขายพบว่าอันดับแรกเป็นหุ้น KBANK ตามด้วย CPALL, PTT, SIRI, HANA และ GULF ซึ่งจากชื่อหุ้นก็ต่างเป็นหุ้นใหญ่สะท้อนภาพการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ นอกจากนี้เมื่อดูจากปริมาณซื้อขายก็เห็นชัดว่าอันดับแรกเป็น SIRI ตามด้วย TTB, XPG, BANPU, TRUE และ KTB
ซึ่งพี่ทุยแอบมองเห็นชื่อหุ้นที่มีความสอดคล้องกับพรรคร่วมรัฐบาล เลยอยากชวนไปดูกลุ่มหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรคการเมืองนี้กันหน่อย
เปิดดู หุ้น 4 กลุ่มได้ประโยชน์จากรัฐบาลเพื่อไทย
- หุ้นหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นโยบายเงินดิจิตอล 10,000 บาท จะเป็นนโยบายที่ช่วยให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มบริโภคภายในไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เช่น CPAXT (Makro), CPALL, BJC, CBG
ด้วยการบริโภคภายในที่จะฟื้นตัวก็เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายยิ่งขึ้น ทำให้มีการกู้ยืมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งกลุ่มหุ้นปล่อยสินเชื่อขนาดเล็กจะรับประโยชน์ ประกอบด้วย MTC, SAWAD
ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมเป็นหลัก คือ หุ้นธนาคารพาณิชย์และบัตรเครดิต เช่น KTB, BBL, KTC, TISCO
- หุ้นรับโครงการภาครัฐ
เป็นธรรมดาที่เมื่อจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี ซึ่งหนึ่งในนั้นจะมีงบด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง เช่น บริหารจัดการน้ำ, Land Bridge ส่งผลประโยชน์ให้หุ้น เช่น STEC, CK
- หุ้นที่คลายแรงกดดันจากนโยบายของพรรคก้าวไกล
ก่อนหน้านี้ข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำสร้างแรงกดดันให้กับหุ้นไทยไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลเสียจากนโยบายลดกลุ่มทุนผูกขาดและจัดการโครงสร้างค่าไฟฟ้า ดังนั้นเมื่อการจัดตั้งรัฐบาลกลับขั้ว ทำให้กลุ่มดังกล่าวคลายแรงกดดันเหมือนได้รับผลดีอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น CPALL, TRUE, CPN, GULF, BGRIM, GPSC
- หุ้นรับกระแสการจัดตั้งรัฐบาล
ต้องยอมรับว่านักการเมืองเป็นบุคคลที่มีความกว้างขวาง บางครั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับบางบริษัทผ่านเครือญาติ ทำให้นักลงทุนต่างมองว่าหุ้นเหล่านั้นที่มีความเกี่ยวข้องอาจได้รับประโยชน์จากการเป็นรัฐบาล ซึ่งในครั้งนี้ประกอบด้วย SIRI, ADVANC, XPG, PR9, SC, DOD
สถิติย้อนหลังการเลือกตั้งระหว่างปี 2544-2562
จากสถิติดัชนี SET หลังการเลือกตั้งระหว่างปี 2544-2562 ชี้ว่าหลังการเลือกตั้ง 1 เดือน ดัชนี SET ส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกโดยเฉลี่ย 2.15% ขณะที่หลังการเลือกตั้ง 3 เดือน ดัชนี SET มักจะให้ผลตอบแทนเป็นลบโดยเฉลี่ย -4.05%
พี่ทุยขอบอกว่า เมื่อการเมืองนิ่งแล้วมีการเบิกจ่ายงบประมาณแล้วมักจะมีกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้าตลาดหุ้นไทย ดังนั้นดัชนี SET อาจเคลื่อนไหวแตกต่างไปจากสถิติย้อนหลังในตาราง
อ่านเพิ่ม