ถ้าพูดถึงตัวท็อป E-commerce Enabler ของประเทศไทย บริษัทที่แรก ๆ จะนึกถึงกันคงหนีไม่พ้น aCommerce ผู้ทำระบบหลังบ้าน E-commerce ปลุกปั้นแบรนด์ต่าง ๆ ให้มาเฉิดฉายได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดออนไลน์ เตรียม IPO ในชื่อ “หุ้น ACOM”
aCommerce คือใคร ?
aCommerce เป็น E-commerce Enabler ที่ดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ (End-to-End) เรียกได้ว่าใครมีแบรนด์ที่อยากก้าวสู่ตลาด E-commerce แล้วนั้น aCommerce สามารถช่วยสนันสนุนได้ในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น
- การให้คำแนะนำการดูแลพัฒนาออกแบบร้านค้าออนไลน์ (Brand Store Operations)
- การทำแบรนด์ดิ้งในตลาดออนไลน์ (Online Brand Management)
- การทำการตลาด E-Commerce (E-Commerce Marketing)
- คลังสินค้าครบวงจน Fulfillment Centers (Warehouse and Fulfillment)
- วางแผนกลยุทธ์ (E-commerce Strategy Consulting)
- ระบบชำระเงินจัดส่งสินค้า (Payment and Delivery)
- ศูนย์บริการดูแลลูกค้า (Customer Care Solutions)
ไม่ว่าจะมี Pain point อะไรในการทำการตลาดขายของออนไลน์ เรียกได้ว่า aCommerce มี Service ครบจบในที่เดียวเลยทีเดียว แถมยังเคลมอีกว่าเป็นอันดับใน Southeast Asia เพราะ aCommerce ไม่ได้มีธุรกิจแค่เพียงในไทย แต่ยังขยายไปในอีกหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย
ทั้ง ไทย อินโดนีเซีย สิงค์โปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งในไทยนั้นมีแบรนด์ชั้นนำให้ความเชื่อถือ กว่า 168 ราย แถมยังเติบโตกว่าปีที่แล้วถึง 42% อีกอย่างที่ทำให้ aCommerce เติบโตได้ก้าวกระโดดคือความสามารถในการหา Partner มาเสริมความแข็งแกร่งทำให้เติบโตในธุรกิจ E-Commerce ได้อย่างรวดเร็ว และมี Platform ที่ทันสมัยเชื่อมต่อกับบริการต่าง ๆ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างครบครัน
หุ้น ACOM เตรียม IPO เอาเงินไปทำอะไร
ACOM เตรียม IPO รวมไม่เกิน 1,599,642,100 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 35% โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 685,560,900 หุ้น สัดส่วนไม่เกิน 15% และ หุ้นสามัญเดิม 20% โดยจุดประสงค์หลักของการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจและเข้าซื้อกิจการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ด้วยการที่ ACOM เองมีเป้าหมายที่จะเป็น E-commerce Enabler อันดับ 1 ใน Southeast Asia อยู่แล้ว เงินทุนได้มานี้ก็จะมาช่วยขยายขอบเขคทางภูมิศาสตร์ของบริษัทให้เข้าสู่ตลาดใหม่ และก็จะแบ่งทุนบางส่วนไปพัฒนาแพลตฟอร์ม EcommerceIQ และ Ecommerce IQ Saas รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกด้วย เงินส่วนที่เหลือจะนำเป็นทุนหมุนเวียนทั่วไป
สัดส่วนผู้ถือหุ้นหลัง IPO
กลยุทธ์ต่อจากนี้ของ หุ้น ACOM
อย่างที่ได้บอกไปในข้างต้น ACOM มีธงหลัก ๆ ในการขยายขอบเขตไปในภูมิภาคอาเซียนโดยได้วางเป้าหมายกลยุทธ์ไว้ดังนี้
1. พัฒนาความสัมพันธ์และพันธมิตรกับกลุ่มผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจนระดับ เพื่อเพิ่มจำนวนแบรนด์ รายการสินค้าและการให้บริการมากกว่า 1 ประเทศ
2. ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีและความสามารถด้านข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แบรนด์ที่ใช้บริการสามารถสร้างสรรค์แคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
3. ขยายฐานผู้ใช้บริการและกลุ่มสินค้ารายใหม่ ๆ
4. พัฒนา Ecommerce IQ SaaS ให้มีฟีเจอร์ที่มากขึ้นพร้อมกันความปลอดภัยในการเก็บข้อมูล สร้างความพร้อมสู่ตลาดที่กว้างขึ้น ให้บริษัทข้ามชาติและผู้ประกอบการขนาดกลาง
5. เตรียมความพร้อมเข้าซื้อกิจการในอนาคต อย่างเปิดตลาดในเวียดนาม และขยายธุรกิจในมาเลเซีย
สัดส่วนรายได้ในแต่ละประเทศ
รายได้หลักของ ACOM ในปัจจุบันนั้นมาจากไทยโดยคิดเป็นสัดส่วน 69.40% ตามมาด้วย ฟิลิปปินส์ 13.50% ที่รายได้เติบโตเป็นอย่างมากแซง อันดับ 2 ในปีก่อนอย่างอินโดนีเซียที่ปีนี้สัดส่วนเหลือ 13.40% ส่วนสิงคโปร์และมาเลเซียมีสัดส่วน 3.70% รวม ปี 2564 มีรายได้ของยอดขายสินค้าจากต้นทางไปยังปลายทางรวม (EMV) 8,942 ล้านบาท
งบการเงินปัจจุบันของ ACOM
ACOM มีการเติบโตที่น่าสนใจมาก ปี 2564 สินทรัพย์มีการเติบโตขึ้นถึง 50% เป็น 3030.80 ล้านบาท ในด้านของหนี้สินเองก็ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนของผู้ถือหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 752.2 ล้านบาท คิดเป็นหนี้สินต่อผู้ถือหุ้น 3 เท่า กำไรสุทธิยังคงขาดทุนอยู่ 563.6 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วเล็กน้อย แต่มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 25.8% เป็น 8,948.5 ล้านบาท
ซึ่งการขาดทุนแบบนี้จะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยในธุรกิจ Startup และดิจิทัลในปัจจุบัน สิ่งที่นักลงทุนมักมองหาคือรายได้ที่มากขึ้น โอกาสในการเติบโต และความแข็งแกร่งของบริษัทในอนาคต
ACOM ถือเป็นบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ มีความรู้และความได้เปรียบทางธุรกิจที่ครบด้านครบวงจร แต่ในขณะเดียวกันคู่แข่งในธุรกิจก็มีการเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง และก็มีการแข่งขันที่ดุเดือด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้บริษัทยังพัฒนาต่อเนื่อง
เรียกได้ว่าถ้าใครกำลังสนใจธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่าง E-Commerce แล้วนั้น ACOM น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีอนาคตไกลและมีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มีสัดส่วนหนี้สินที่สูงมาก อีกทั้งยังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แถมมีการแข่งขันที่ดุเดือด ใครที่สนใจลงทุนก็อย่าลืมบริหารหน้าตักและความเสี่ยงให้ดี อย่าลืมกระจายความเสี่ยงไปในธุรกิจอื่น ๆ ด้วย
อ่านเพิ่ม