ต้องยอมรับว่าเทรนด์ในโลกเราสมัยนี้มาเร็วไปเร็วมาก อะไรที่ฮิตเมื่อชั่วโมงที่เเล้ว อาจจะดูไม่ค่อยใหม่เเล้วเมื่อผ่านไปเพียงแป๊ปเดียว แต่เทรนด์หนึ่งที่พี่ทุยเห็นมาพักใหญ่แล้วก็คือ เทรนด์การรักสุขภาพของคนรุ่นใหม่ ทั้งรณรงค์งดเหล้า บุหรี่ ออกกำลังกาย วิ่ง หรือเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ อย่างเนื้อสัตว์มังสวิรัติที่มาจากจาก บริษัท “Beyond Meat” นอกจากสุขภาพภายในดีขึ้นเเล้ว ความแข็งแรงนั้นก็ยังแสดงออกมาถึงภายนอกด้วย เช่น น้ำหนักลด ร่างกายกระชับมีกล้ามเนื้อ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
และหุ้นของธุรกิจที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ เค้านำเสนอผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกที่เหมือนเนื้อสัตว์สุดๆ นอกจากรสชาติที่คล้ายกันแล้ว หน้าตาของมันก็ยังเป็นฝาเเฝดกับเนื้อสัตว์ปกติด้วย นอกจากนี้เวลาโยนลงกะทะ ก็ยังเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีเสียงแตกซู่ซ่าด้วยนะ พี่ทุยขอเกริ่นเรื่องหุ้นของบริษัทให้ฟังคร่าวๆ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อหุ้น BYND ของบริษัทฟู้ดเทคสัญชาติอเมริกัน ก่อนอื่นจะเล่าเรื่องโลกของคนงดกินเนื้อสัตว์ให้คุ้นเคยก่อนละกันนะ
มังสวิรัติ หรือ Vegetarians ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว คือ คนกลุ่มที่งดกินเนื้อสัตว์แต่กินผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสัตว์ได้อยู่ เช่น ไข่ นม เนย ชีส เจลาติน ยีสต์ ส่วนคนงดเนื้อสัตว์อีกประเภทนึง คือ “วีแกน” คนกลุ่มนี้นอกจากจะไม่กินเนื้อสัตว์เเล้ว ยังงดกินงดใช้ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ ไม่กินไข่ เนย นม ชีสหรือเจลาติน และไม่ใช่สินค้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลยแม้แต่นิดเดียว เช่น กระเป๋าหนัง เสื้อขนสัตว์ เป็นต้น
ซึ่งกระแสวีแกนนี่ก็ค่อนข้างมาแรงมากจนเป็นเทรนด์โลก ในปี2017 มีการทำสถิติว่าผู้ค้นหาคำว่า “vegan dessert (ขนมหวานสำหรับชาววีแกน)” เพิ่มจำนวนมากขึ้น 329% และคำว่า “plant protein (โปรตีนจากพืช)” เพิ่มขึ้นถึง 417% และมีหนังสือที่มีคำว่า Vegan ในชื่อเรื่องเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว จาก 994 เล่มในปี 2018 เป็น 2,058 เล่มในเดือนมกราคม 2019 พูดง่ายๆว่ากระแสวีแกนกำลังถูกพูดถึง และมีคนสนใจเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในแต่ละปี นอกจากนี้เมื่อเทียบกันแล้วผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพืชได้รับความนิยมมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
และถ้าเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ไร้เนื้อสัตว์ด้วยกันเองแล้ว อย่างอาหารมังสวิรัติหรืออาหารที่ปราศจากโปรตีนกลูเตน วีแกนก็ยังเป็นที่นิยมมากกว่าถึงประมาณ 3 เท่า นอกจากนี้กระแสวีแกนยังเป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายมากขึ้นถึง 4 เท่าตัวใน 5 ปีที่ผ่านมา!
เหตุผลที่วีแกนเป็นที่นิยมมากมาจากเหตุผลด้านสุขภาพเป็นหลัก เพราะมีผลวิจัยชี้ว่าการกินอาหารแบบชาววีแกนจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มการหลั่งอินซูลีน ทำให้อิ่มนานขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนักตัว ความดันเลือดและคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังได้วิตามินหลายอย่างและใยอาหารด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลที่พี่ทุยเล่ามาก็เพราะอยากให้เห็นภาพกันว่า อาหารวีแกนคืออะไรและเทรนด์นี้ป็อปปูลาร์แค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงถึงหุ้นของบริษัท สตาร์ทอัพ Beyond Meat เต็มๆ เลย จากที่อ่านๆ มาจะพบว่าจุดเด่นของอาหารแบบวีแกนคือ จะมอบสุขภาพที่ดีกว่าให้ผู้รับประทานและเป็นมิตรกับน้ำหนักตัวมากกว่า มาดูกันสิว่า คำเคลมที่ว่าเป็นเรื่องจริงมั้ย
จากตารางจะเป็นการเปรียบเทียบโภชนาการระหว่างเนื้อสังเคราะห์กับเนื้อวัวทั่วไป แต่บอกตรงนี้ก่อนว่าพี่ทุยก็ไม่ใช่นักโภชนาการมืออาชีพ แต่ดูคร่าวๆ แล้วจะพบว่า แฮมเบอร์เกอร์ที่ใช้เนื้อสัตว์สังเคราะห์ Beyond Meat ไม่ได้มีปริมาณแคลอรี่เเละไขมันน้อยกว่าแฮมเบอร์เกอร์ปรกติอย่างมีนัยสำคัญ แต่เนื้อสังเคราะห์สามารถตอบโจทย์ชาววีแกนได้
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา Beyond Meat ก็ได้จดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาด NASDAQ ด้วยราคา IPO ที่ 25$ ต่อหุ้น
สมมุติว่าถ้าเรากำตัง 100 $ เข้าจอง IPO ของหุ้น BYND จะได้ 4 หุ้น (ตลาดหุ้นอเมริกาไม่มีกำหนดจำนวนขั้นต่ำเหมือนเรา 1 หุ้นก็ซื้อได้นะ) ในตอนนั้นหุ้นของเราจะมีมูลค่า 2,500 $
เมื่อเข้าตลาดในวันแรก เค้าก็มีราคาเปิดอยู่ที่ 46$ แล้ว เท่ากับว่าหุ้น BYND ของเราจะมีมูลค่าตลาดเท่ากับ 4,600 $ หรือได้กำไรไป 84% และถ้าเราถือถึงสิ้นวันจนมีราคาปิดที่ 65.75$ ผลตอบแทนจาก 25$ ก็จะเท่ากับ 163% เลยล่ะ ซึ่งนับเป็นหุ้นIPOที่สร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกตั้งแต่ปี 2019 และในวันที่ 26 กรกฎาคม หุ้น BYND ก็ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 239.71$ ต่อหุ้น ถ้าเราถือหุ้นราคาIPO ในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือนดีนัก ก็จะได้ผลตอบแทนสูงถึง 859% หรือเกือบ 9 เด้ง !
ใครว่าตลาดหุ้นเดี๋ยวนี้หาหุ้นเด้งยาก ต้องมาดูหุ้นตัวนี้ ไม่ใช่แค่เด้งเดียวด้วยนะจ๊ะ นี่นั่งคิดเลขเเล้วพี่ทุยอยากพุ่งตัวไปเปิดบัญชีเล่นหุ้นต่างประเทศ (Offshore) เลย
แต่การที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปสูงติดเพดานขนาดนี้ สิ่งหนึ่งที่เราต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดเลยก็คือ บริษัทจะทำได้ดีกว่าหรืออย่างน้อยก็เท่ากับความคาดหวังได้หรือเปล่าเพราะอย่าลืมว่าราคาของหุ้นเป็นความคาดหวังในอนาคตของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งตอนนี้ถ้าไปเปิดดูงบการเงินของบริษัทยังไม่สดใสนัก แต่ก็ต้องบอกยอดขายมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยเป็นตัวดึงดูดเหล่านักลงทุนเข้ามาให้ความสนใจ ประกอบกับตอนนี้ แล้วอีกอย่าง Beyond Meat ก็เริ่มเข้าไปบุกตลาดในอังกฤษด้วย
ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นเอาใจยากมากจริง ๆ แค่เฮียทรัมป์แกทวีตทีเดียวตลาดลงทุนทุกตลาดก็พร้อมขยับตามการทวีตของแกเลย จริง ๆ พี่ทุยว่าน่าปิดบัญชีทวิตเตอร์ของเฮียแกมากเลย ฮ่า ๆ พอแบบนี้เลยทำให้หุ้นหลาย ๆ ตัวที่อนาคตสดใสก็ถูกแรงเทขายได้เหมือนกัน แล้วถ้าเป็นหุ้นหน้าใหม่หรือสภาพคล่องยังไม่สูงมากนักที่มีการปรับตัวขึ้นมาสูง ๆ เวลาตลาดเกิดความกังวลขึ้นมาทีไรมักจะโดนเทขายแรง ๆ กันเป็นประจำ
Comment