ลงทุนหุ้นนอก ผ่าน 6 DR มาแรง มี 30 บาทก็ซื้อได้ ผ่าน ตลาดหลักทรัพย์ ถ้าอยาก ลงทุนหุ้นนอก แต่ไม่มีหมื่น ไม่มีแสน อย่างใครเขา วันนี้พี่ทุยมีทางออกมาให้ เพราะมีเงินแค่ 30 บาท ก็เริ่มลงทุนได้ !
เชื่อว่าหลายคนที่เห็นสภาพหุ้นไทยแล้ว ก็คงรู้สึกท้อแท้ ไม่มีหวัง แต่จะออกไปลงทุนหุ้นนอก ก็วุ่นวาย ไปเปิดบัญชีใหม่ โอนเงินข้ามประเทศก็กลัวขาดทุนจากค่าเงิน แถมยังต้องมีกังวลกับภาษีหุ้นนอกอีก คิดจะลงทุน แต่เจอปัญหาเยอะขนาดนี้ ก็รู้สึกถอดใจแล้ว แต่ทุกปัญหาจะหมดใจ ถ้ารู้จัก DR หรือ (Depositary Receipt)
DR คืออะไร ?
DR ย่อมาจาก Depositary Receipt หรือภาษาไทยคือ ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ
หรือให้พี่ทุยพูดง่าย ๆ ก็คือ DR เป็นเหมือน “ใบรับฝาก” ที่ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถ ลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์อื่นๆ ในต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ผ่านตลาดหุ้นไทย
DR ทำงานยังไง ?
อยากให้ทุกคนนึกภาพแบบนี้
สมมุติว่ามี “ผู้ออก DR” (เช่น บริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคาร) ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.
ผู้ออก DR จะไป ซื้อหุ้นหรือหลักทรัพย์ต่างประเทศ เช่น หุ้น Apple, Alibaba, หรือ ETF ที่ลงทุนในดัชนีต่างประเทศ มาเก็บไว้
จากนั้น ผู้ออก DR ก็จะออก “ใบรับฝาก” หรือ DR ขึ้นมา แล้วนำมาจดทะเบียนให้ ซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เหมือนกับการซื้อขายหุ้นไทยทั่วไป
เมื่อเราซื้อ DR เราก็จะได้ “สิทธิ” เสมือนเป็นเจ้าของหุ้นต่างประเทศนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการรับเงินปันผล หรือกำไรจากส่วนต่างของราคา
ทำไม DR ถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย ?
โดย DR ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มความสะดวกสบายในการลงทุนต่างประเทศ จึงน่าสนใจโดย
ซื้อง่าย ขายคล่องเหมือนหุ้นไทย เราสามารถซื้อขาย DR ได้ผ่านบัญชีซื้อขายหุ้นที่เรามีอยู่แล้ว โดยใช้แอปพลิเคชัน Streaming หรือระบบซื้อขายหุ้นทั่วไป ไม่ต้องเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นในต่างประเทศให้ยุ่งยาก
ใช้เงินบาทลงทุนได้เลย ไม่ต้องวุ่นวายกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือโอนเงินไปต่างประเทศ
ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก บาง DR สามารถซื้อได้ตั้งแต่ 1 หน่วย ทำให้เข้าถึงหุ้นต่างประเทศดังๆ ได้ง่ายขึ้น
ได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วน ผู้ถือ DR จะได้รับเงินปันผลและสิทธิประโยชน์อื่นๆ เสมือนการถือหุ้นต่างประเทศโดยตรง (แต่ผู้ออก DR อาจมีค่าธรรมเนียมการดำเนินการหักออกไป)
กระจายความเสี่ยงพอร์ตลงทุน เปิดโอกาสให้คุณลงทุนในบริษัทชั้นนำระดับโลก หรือเข้าถึงอุตสาหกรรม/ธีมการลงทุนใหม่ๆ ที่ไม่มีในตลาดหุ้นไทย
ผลตอบแทนจากการลงทุนใน DR มาจากไหน ?
หลักๆ มาจาก 2 ช่องทางเหมือนหุ้นทั่วไปเลย
1.กำไรจากส่วนต่างราคา หากราคา DR ที่คุณขายสูงกว่าราคาที่ซื้อมา คุณก็จะได้กำไรในส่วนนี้
2.เงินปันผล ถ้าหลักทรัพย์อ้างอิงของ DR มีการจ่ายเงินปันผล คุณก็จะได้รับเงินปันผลนั้นด้วย
6 DR ที่มาแรง แซงทางโค้งในปี 2568 พี่ทุยสรุป มาแล้ว..
1.POPMART80 (อ้างอิง: Pop Mart International)
- ธุรกิจหลัก เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้าน ของเล่นสะสม (Art Toys) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบ กล่องสุ่ม ซึ่งผู้ซื้อจะไม่รู้ว่าได้ฟิกเกอร์ตัวไหนจนกว่าจะเปิดกล่อง ความน่าตื่นเต้นนี้ทำให้ Pop Mart ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักสะสม
- จุดเด่น/ความน่าสนใจ:
- โมเดลธุรกิจกล่องสุ่ม สร้างประสบการณ์การซื้อที่น่าตื่นเต้นและกระตุ้นการซื้อซ้ำเพื่อสะสมให้ครบซีรีส์
- ลิขสิทธิ์ตัวละครของตัวเองที่โด่งดังอย่าง Molly, Skullpanda, -Dimoo รวมถึงการร่วมมือกับศิลปินและแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย
- ฐานลูกค้า Loyalty สูง นักสะสมมักจะติดตามและซื้อคอลเลกชันใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
- การขยายตัวสู่ตลาดโลก นอกจากจีนแล้ว ยังขยายสาขาและช่องทางจัดจำหน่ายไปยังหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป
2.STEG19 (อ้างอิง: ST Engineering Ltd)
- ธุรกิจหลัก เป็นกลุ่มบริษัทวิศวกรรมเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกจากสิงคโปร์ ที่มีธุรกิจหลากหลายครอบคลุม 4 กลุ่มหลัก ได้แก่:
- อากาศยาน ให้บริการบำรุงรักษา ซ่อมแซม และยกเครื่อง (MRO) เครื่องบิน รวมถึงการดัดแปลงเครื่องบินขนส่งสินค้า
- ระบบป้องกันประเทศ พัฒนาและจัดหาระบบป้องกันทางบก ทางทะเล ทางอากาศ และทางไซเบอร์สำหรับกองทัพและหน่วยงานภาครัฐ
- เมืองอัจฉริยะ พัฒนาโซลูชั่นด้านการคมนาคมขนส่งอัจฉริยะ การบริหารจัดการอาคาร เมืองอัจฉริยะ และระบบสื่อสาร
- เทคโนโลยีโลกใหม่ เช่น เทคโนโลยี 5G, โซลูชั่นดาวเทียม
- จุดเด่น/ความน่าสนใจ:
- ผู้นำเทคโนโลยีในภูมิภาค มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง
- ธุรกิจหลากหลายและมั่นคง กระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรมที่มีความต้องการต่อเนื่อง
- ลูกค้าภาครัฐและเอกชนรายใหญ่ มีสัญญาโครงการระยะยาวกับหน่วยงานภาครัฐและบริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลก
3.MITSU19 (อ้างอิง: Mitsubishi Heavy Industries, Ltd.)
- ธุรกิจหลัก บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าศตวรรษ และมีธุรกิจครอบคลุมหลากหลายภาคส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมหนัก
- จุดเด่น/ความน่าสนใจ:
- เทคโนโลยีล้ำหน้าและนวัตกรรม เป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมหนัก
- ฐานลูกค้าแข็งแกร่ง มีโครงการขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก
- การมีส่วนร่วมในเมกะเทรนด์ เช่น การเปลี่ยนผ่านพลังงาน , อุตสาหกรรม 4.0, และการสำรวจอวกาศ
4.XIAOMI80 (อ้างอิง: Xiaomi Corporation)
- ธุรกิจหลัก บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน เจ้าของสมาร์ทโฟน, อุปกรณ์ IoT และเครื่องใช้ ภายใต้แบรนด์ Xiaomi
- จุดเด่น/ความน่าสนใจ
- ระบบนิเวศ IoT ที่แข็งแกร่ง สร้างความภักดีของลูกค้าและกระตุ้นการซื้อสินค้าอื่น ๆ ในเครือ
- กลยุทธ์ราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
- นวัตกรรมและการวิจัยพัฒนา ลงทุนต่อเนื่องในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
- การขยายตลาดต่างประเทศ มีส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายภูมิภาค
5.BABA80 (อ้างอิง: Alibaba Group Holding Ltd.)
- ธุรกิจหลัก อาณาจักรอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน ที่มีธุรกิจหลากหลายครอบคลุมทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์
- จุดเด่น/ความน่าสนใจ
- ระบบนิเวศธุรกิจที่ครบวงจร ตั้งแต่การซื้อขายออนไลน์ การชำระเงิน โลจิสติกส์ ไปจนถึงคลาวด์คอมพิวติ้ง
- ผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซจีน: ครองส่วนแบ่งตลาดขนาดใหญ่และมีฐานผู้ใช้งานมหาศาล
- การเติบโตของธุรกิจคลาวด์: เป็นอนาคตของการเติบโตและเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล
6.INTENDO19 (อ้างอิง: Nintendo Co., Ltd.)
- ธุรกิจหลัก บริษัทเกมและเครื่องเล่นเกมระดับตำนานจากญี่ปุ่น เจ้าของเกมดังอย่าง Mario, Zelda และเครื่องเล่น Nintendo Switch
- จุดเด่น/ความน่าสนใจ
- เกมที่แข็งแกร่งและเป็นที่รัก ตัวละครและเกมของ Nintendo เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัยทั่วโลก
- นวัตกรรมในการออกแบบเกมและเครื่องเล่น สร้างประสบการณ์การเล่นที่ไม่เหมือนใคร
- ฐานแฟนคลับเหนียวแน่น มีกลุ่มผู้เล่นที่ภักดีและรอคอยเกมภาคใหม่ ๆ อย่างใจจดใจจ่อ
- ศักยภาพในการขยายธุรกิจบันเทิง จากเกมไปสู่สื่อบันเทิงรูปแบบอื่น ๆ
เห็นไหมว่าเราสามารถเป็นเจ้าของบริษัทระดับโลกได้ ด้วยเงินเพียง 30 บาท สุดท้ายพี่ทุยอยากให้ทุกคนหันมาลงทุน โดยต้องมีเงินหมื่น เงินแสน เหมือนใครเขา เหมือนคำที่ว่า“ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว” 😁
ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
หรืออ่านบทความเพิ่มเติมได้