โดยทั่วไปแล้วเวลาที่เราต้องการลงทุนในหุ้น ถ้าเรามองว่าหุ้นจะขึ้น เราจะทำการเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นต่ำและขายเมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงกว่าราคาต้นทุนของเรา ก็จะทำให้เราได้กำไร แต่หลายครั้งบางสถานการณ์เราพอจะมองภาพตลาดออกว่าหุ้นตัวดังกล่าวอาจมีการปรับตัวลงแรง ซึ่งโดยปกติแล้วเราไม่สามารถทำกำไรขาลงได้ วิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถทำกำไรในช่วงที่ราคาหุ้นเป็นขาลงได้ ก็คือ Short Sell หรือ SBL ซึ่งในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาหลายคนก็น่าจะเคยได้ยินว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้มี “มาตรการปรับเกณฑ์ Short Sell” ออกมา
การ Short Sell หรือ SBL (Securities Borrowing and Lending) คืออะไร ?
Short Sell หรือ SBL คือ การขอ “ยืมหุ้น” จากโบรกเกอร์มาขายก่อน โดยนักลงทุนที่ยืมหุ้นมาขายคาดหวังว่าราคาหุ้นจะลดลงและจะไปซื้อหุ้นในตลาดที่ “ราคาถูกลง” เพื่อมาคืนโบรกเกอร์ในภายหลัง โดยจะได้กำไรจากส่วนต่างที่เกิดขึ้น
นั่นหมายความว่า หากเรายืมหุ้น PTT มาขายที่ราคา 40 บาท แล้ววันนึง PTT ลงไปเหลือ 30 บาท เราทำการซื้อหุ้น PTT 30 บาทในตลาดคืนมาเพื่อนำไปคืนโบรกเกอร์ที่เคยยืมมานั้น เราก็จะได้กำไร 10 บาทจากส่วนต่างนั่นเอง
ซึ่งการทำ Short Sell จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมมากกว่าการซื้อขายหุ้นธรรมดาทั่วไป ค่ายืมหุ้นจะคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยตามระยะเวลาในการยืมเพิ่มเติมด้วย โดยทั่วไปจะคิดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 3-6% ต่อปี นั่นหมายความว่า นอกจากจะมีต้นทุนระหว่างการซื้อขายปกติแล้ว ยิ่งเวลาผ่านไปต้นทุนจากอัตราดอกเบี้ยจะยิ่งทำให้ต้นทุนของเราสูงขึ้นอีกด้วย ง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งยืมนานก็จะยิ่งเสียค่าธรรมเนียมที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ
เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมี “มาตรการปรับเกณฑ์ Short Sell” ?
เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นได้รับผลจากวิกฤตโควิด-19 พี่ทุยว่าทุกคนต้องจำได้แน่ ๆ ที่มีช่วงนึงตลาด -100 จุดจนกลายเป็นเรื่องปกติ และการหยุดพักการซื้อขายหรือที่เรียกกันว่า Circuit Breaker เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนมีนาคม 2020 ที่ผ่านมา
ซึ่งเมื่อหลาย ๆ คนมองว่าสถานการณ์จะแย่ลงก็มีนักลงทุนหลายคนทำการ Short Sell หุ้นเพื่อทำกำไรจากขาลง แต่การ Short Sell นั้นจะยิ่งส่งผลต่อตลาดทำให้เกิดแรงขายมากกว่าที่ควร ทำให้สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
เพื่อลดความผันผวนของตลาดในช่วงดังกล่าว ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงทำการปรับปรุงเกณฑ์ Celling กับ Floor ให้มากรอบที่แคบลง ทำให้ราคาของหุ้นใน 1 วันนั้นสามารถปรับตัวขึ้นลงได้สูงสุดเพียง 15% จะแต่ก่อนที่เป็น 30%
อีกเรื่องที่สำคัญ คือ ราคาขาย Short จาก Zero Plus Tick เป็น Uptick หรือ แปลว่าการจะ Short Sell ได้นั้น “ราคาของหุ้น” ดังกล่าวต้องมากกว่าราคาซื้อขายสุดท้ายเท่านั้น ส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถไล่ราคาขาลงหรือถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ถ้าหุ้นกำลังลงอยู่จะไม่สามารถ Short Sell ได้ (ไม่สามารถโยนช่องซ้ายหรือเททุกราคา) ได้นั่นเอง
ถือเป็นมาตรการที่ช่วยชะลอความร้อนแรงของตลาดขาลงในช่วงนั้น และสร้างปัจจัยบวกในความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2563 มาตรการปรับปรุง Short Sell กำลังจะสิ้นสุดลง
พี่ทุยว่าเมื่อตลาดยกเลิกมาตรการและกลับมาซื้อขายด้วยกฏเกณฑ์ปกติ ความผันผวนจะกลับมา เพราะกรอบ Celling & Floor จะกลับมาที่เดิม อาจจะทำให้ความเชื่อมั่นลดลงและความกังวลเพิ่มขึ้น ก็คล้าย ๆ กับการเอาหมอนนุ่ม ๆ หรือชุดเกราะกันกระแทกออกเลยเกิดความกลัวเป็นธรรมดา
ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนต้องระวังเลย คือ หุ้นที่ไม่ได้มีพื้นฐานดีแต่มีการปรับตัวขึ้นมาสูงในช่วงก่อนหน้านี้ หุ้นเหล่านี้อาจถูกทำกำไรหรืออาจถูก Short Sell ได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในระยะสั้น โฟกัสที่หุ้นพื้นฐานดีและเน้นการลงทุนระยะยาวจะช่วยให้การลงทุนปลอดภัยยิ่งขึ้น
ถึงแม้ในระยะสั้นนั้นการ Short Sell จะส่งผลให้หุ้นปรับตัวลงแรงกว่าสถานการณ์ปกติได้ แต่ในทางกลับกัน Short Sell เป็นการยืมหุ้นมาและต้องซื้อคืนในภายหลัง อีกทั้งยิ่งยืมนานต้นทุนยิ่งสูงขึ้นด้วย ทำให้ถ้าหุ้นที่เป็นหุ้นพื้นฐานดี เมื่อหุ้นตัวนั้นราคาลงไปต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น นักลงทุนที่ทำการ Short Sell เอาไว้ ก็อยากทำกำไรเพราะกลัวจะมีแรงซื้อกลับมา
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนทั่วไปเมื่อเห็นหุ้นพื้นฐานดีราคาปรับตัวลงมาเยอะก็ต่างอยากเข้าไปเก็บของกันทำให้ราคาหุ้นมีแรงซื้อขายกลับมาจาก 2 ฝั่งพร้อมกัน มูลค่าหุ้นเองก็กลับมาที่มูลค่าที่แท้จริงหรือ Rebound กลับมาอย่างรุนแรงเหมือนกัน
ซึ่งในช่วงที่ประกาศ “มาตรการปรับเกณฑ์ Short Sell” ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็สะท้อนให้เห็นการ Rebound ที่ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว หลังจากตลาดปรับตัวลงไปต่ำกว่ามูลค่ามาก กลายเป็นปัจจัยบวกให้กับหุ้นพื้นฐานดีให้มีแรงซื้อขายหุ้นกลับมามากกว่าเดิม
หุ้นอะไรบ้างที่สามารถ Short Sell ได้
พี่ทุยลองไปค้นดูว่ามาตอนนี้หุ้นไหนบ้างที่สามารถทำ Short Sell ได้ ทุกคนสามารถเข้าไปดูได้ ที่นี่ เป็นข้อมูลหุ้นที่ถูก Short Sell ไว้ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีสูงกว่า 103 รายการเลยทีเดียว ช่วงนี้ต้องลงทุนกันอย่างระมัดระวัง อาจจะเกิดความผันผวนของราคาได้เหมือนกัน
Comment