บัตรเครดิต สะสมแต้ม หรือ บัตรเครดิต เงินคืน เหมาะกับใคร ? แล้วอันไหนเหมาะกับเรา วันนี้เรามาช่วยตอบข้อสงสัยกันว่า บัตรเครดิต แบบไหนดีกว่ากัน ระหว่างแบบสะสมแต้มกับแบบ Cash Back เพื่อให้เราเลือกได้ตรงใจและคุ้มค่าที่สุด !
บัตรเครดิต สะสมแต้ม คืออะไร ?
บัตรเครดิตสะสมแต้มคือบัตรที่ให้เราได้คะแนนสะสมทุกครั้งที่ใช้จ่าย คะแนนเหล่านี้เอาไปแลกของรางวัลได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน ห้องพักโรงแรม สินค้าแบรนด์เนม หรือแม้กระทั่งเงินสดก็ได้
ข้อดีของของบัตรแบบสะสมแต้ม
ของรางวัลเยอะแยะ – แลกได้ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก สินค้า และเงินสด ตัวเลือกเยอะให้เลือกตามใจ
สิทธิพิเศษจุใจ – ได้เข้าเลานจ์สนามบินฟรี ส่วนลดร้านอาหาร โปรโมชันเด็ดๆ ที่คนทั่วไปไม่ได้
ข้อเสียที่ต้องระวัง
คะแนนมีวันหมดอายุ – ต้องคอยเช็คและใช้คะแนนให้หมดก่อนหมดอายุ ไม่งั้นจะเสียดาย
ต้องใช้เยอะถึงจะคุ้ม – คะแนนสะสมต้องเยอะพอสมควรถึงจะแลกของดีๆ ได้
อัตราแลกอาจไม่คุ้ม – บางทีอัตราการแลกคะแนนอาจไม่คุ้มเท่า Cash Back
บัตรเครดิต Cash Back คืออะไร?
Cash Back คือบัตรที่คืนเงินให้เราเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดใช้จ่าย เงินคืนจะเข้าบัญชีเราโดยอัตโนมัติในรอบบิลถัดไป ง่ายมากไม่ยุ่งยาก
ข้อดีของ Cash Back
ได้เงินคืนจริงๆ – เหมาะกับคนที่ชอบใช้จ่ายบ่อย ๆ ซื้อของออนไลน์งี้ ชอบเห็นตัวเลขได้เงินคืนมาลดค่าใช้จ่าย
สะดวกสุดๆ – ไม่ต้องแลกคะแนนหรือคูปองอะไร เงินคืนเข้าบัญชีเองอัตโนมัติ
เลือกได้หลายแบบ – มีบัตร Cash Back หลายประเภทให้เลือกตามรูปแบบการใช้จ่าย
ข้อเสียที่ควรรู้
มีเงื่อนไขการใช้ – แต่ละบัตรมีเงื่อนไขต่างกัน เช่น ประเภทร้านค้า ยอดขั้นต่ำ
อัตราเงินคืนไม่สูงมาก – ขึ้นอยู่กับประเภทบัตรและโปรโมชันที่มี
เลือก บัตรเครดิต แบบไหนดี ?
- เลือกสะสมแต้ม เหมาะกับคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเยอะ ชอบเดินทาง หรือมีสินค้าเป้าหมายที่อยากได้จากการแลกแต้ม
- เลือก Cash Back เหมาะกับคนที่ใช้จ่ายไม่มากมาย อยากได้เงินคืนมาใช้จ่ายต่อ ไม่อยากยุ่งกับการแลกแต้ม
อย่าลืมเช็กค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรด้วยนะ เพราะบางบัตรค่าธรรมเนียมสูง ต้องคิดดูว่าสิทธิประโยชน์ที่ได้คุ้มกับค่าใช้จ่ายหรือเปล่า
สุดท้ายแล้ว การเลือกบัตรเครดิตที่ดีที่สุดคือบัตรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของเรามากที่สุด ลองพิจารณาดูว่าเรามีไลฟ์สไตล์แบบไหน แล้วเลือกให้เหมาะกับตัวเองนะ!
เทคนิคเลือกบัตรเครดิตตามไลฟ์สไตล์
สายกิน – นักชิม
ถ้าชอบกิน แนะนำให้สมัครบัตรเครดิตแบบ Reward เพราะให้แต้มสะสมสูงมาก เมื่อใช้จ่ายในหมวดที่เกี่ยวข้อง มองหาบัตรที่ให้คะแนนสูงพิเศษที่ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือ Food Delivery
สายเที่ยว – นักท่องเที่ยว
เลือกบัตรที่ให้คะแนนสูงสำหรับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม หรือแลกไมล์ได้ บวกกับมีประกันการเดินทางและไม่มีค่าธรรมเนียมต่างประเทศ
สายช้อป – นักช้อปปิ้ง
มองหาบัตรที่ให้ Cash Back สูงในห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าออนไลน์ที่ชอบใช้ เช่น Lazada, Shopee
สายออนไลน์ – คนรุ่นใหม่
บัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายบนแอปพลิเคชันไม่ว่าจะเป็น ช้อปปิ้ง, เที่ยว, กิน, ฟังเพลง หรือแม้แต่เติมเกม ให้ความสำคัญกับบัตรที่รองรับ E-wallet และการจ่ายผ่านแอป
สิ่งที่ต้องระวังก่อนสมัครบัตรเครดิต
1. อย่าหลงโปรโมชัน
ผู้ที่ต้องการสมัครบัตรเครดิตควรเลือกบัตรที่เหมาะต่อการใช้งานของแต่ละบุคคล ด้วยการศึกษาและทำการเปรียบเทียบบัตรเครดิตแต่ละประเภทให้ดีก่อนตัดสินใจสมัครใช้บริการ
2. คำนวณค่าใช้จ่ายจริง
รวมค่าธรรมเนียมรายปี ค่าธรรมเนียมต่างๆ แล้วเทียบกับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจริง
3. อ่านเงื่อนไขให้ละเอียด
ดูรายละเอียดการได้รับคะแนนหรือเงินคืน วงเงินขั้นต่ำ และข้อจำกัดต่างๆ
เครื่องมือช่วยตัดสินใจเลือกบัตรเครดิตที่ใช่
การทดสอบง่ายๆ
- คิดเงินใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน – ถ้าน้อยกว่า 10,000 บาท เลือก Cash Back
- ดูพฤติกรรมการใช้จ่าย – ถ้ากระจัดกระจาย เลือก Cash Back / ถ้าเจาะจงหมวดเฉพาะ เลือกสะสมแต้ม
- ประเมินความขยัน – ถ้าไม่อยากยุ่ง เลือก Cash Back / ถ้าชอบคำนวณและติดตาม เลือกสะสมแต้ม
การเลือกบัตรเครดิต 2025 ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิด เพียงแค่เราเข้าใจความต้องการของตนเอง รู้ว่าอยากได้สิทธิประโยชน์ด้านไหน จากนั้นก็เลือกบัตรที่สามารถตอบสนองความต้องการของเราได้เท่านั้นเอง
แล้ว บัตรเครดิต ไหนที่เหมาะกับเรา?
บัตรเครดิตที่ดีที่สุดคือบัตรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของเรา ไม่ใช่บัตรที่ให้สิทธิประโยชน์เยอะที่สุด
- เลือกสะสมแต้ม ถ้าใช้จ่ายเยอะ มีเป้าหมายชัดเจน และอยากได้สิทธิพิเศษ
- เลือก Cash Back ถ้าอยากได้ความง่าย สะดวก และเงินคืนทันที
- อย่าลืมเช็คค่าธรรมเนียม และเปรียบเทียบให้ดีก่อนตัดสินใจ
สุดท้ายแล้ว การมีบัตรเครดิตที่เหมาะสมจะช่วยให้การใช้จ่ายของเราคุ้มค่าและสะดวกมากขึ้น แต่อย่าลืมใช้อย่างมีสติและชำระหนี้ตรงเวลาเสมอนะ!
ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
อ่านเพิ่ม