เปรียบเทียบระหว่างเช่าคอนโดกับ “ซื้อคอนโด” แบบไหนเหมาะกับเราที่สุด ?

เมืองไทยบ้านเรานี่ได้ขึ้นชื่อว่าอภิมหารถติดมากอยู่แล้ว หลาย ๆ คนคงรู้พิษสงจากการที่เดินทางไปทำงานเช้า-เย็น และแน่นอนว่ามัน “เวลาเดินทาง” เป็นเวลาที่เสียไปมากที่สุดในชีวิตของการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนรองลงมาจากเวลาทำงานเลย ลองคิดดูว่าเราเดินทางวันนึงประมาณ 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยก็ว่าได้ หลาย ๆ คนเลยมีความคิดว่าการที่จะมีที่ซุกหัวนอนใกล้ที่ทำงานต้องเป็นอะไรที่ฟินน่าดู เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เราตื่นสายได้มากขึ้น 1 ชั่วโมงเลยล่ะ แถมตอนเย็นก็ยังมีเวลามากขึ้น เอาเวลาไปออกกำลังกาย เที่ยวชิว ๆ หรืออ่านหนังสือก็ยังได้ แล้วความคิดที่ว่า อยากจะ “ซื้อคอนโด” ใกล้ที่ทำงานต้องมีวิ่งเข้ามาในหัวแน่ ๆ แล้วก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยนะสำหรับคนในยุคนี้ โดยเฉพาะชีวิตคนเมืองกรุงด้วยที่รถติดขึ้นอันดับที่ 1 ของจักรวาลไปแล้วมั้งเนี่ย

แน่นอนว่าจะให้ “ซื้อคอนโด” ด้วยเงินสด ก็คงลำบากสำหรับมนุษย์เงินเดือนแบบเรา ๆ หรือสำหรับคนที่ไม่ได้มีพ่อแม่สนับสนุน ดังนั้นการใช้บริการ “สินเชื่อเพื่อการอยู่อาศัย” เลยมาเป็นทางเลือกที่ดี ที่สำคัญสินเชื่อประเภทนี้กู้ได้ไม่ยากเท่าไหร่

แต่พี่ทุยอยากจะขอฝืนกระแสสังคมนิดนึง อยากจะให้ลองมองทางเลือกอื่น ๆ เพิ่มเติม นั่นก็คือ “การเช่า” เพราะว่าจริง ๆ แล้วการ “เช่า” ก็เป็นทางเลือกที่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไรเลยนะ แต่เราอาจจะถูกสั่งสอนมาว่า ซื้อเถอะ ! เราจะได้บ้านเป็นของตัวเอง ได้สินทรัพย์ บลา ๆ ว่ากันไป วันนี้พี่ทุยจะมาคำนวณให้ดูจะ ๆ เลยว่า ได้สินทรัพย์จริงเหรอ ?

ลองมาเริ่มคำนวณกันว่า ถ้าเราจะ “ซื้อคอนโด” ห้องหนึ่งราคา 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยสมมติอยู่ที่ 6% แล้วผ่อนยาว 30 ปี จากการคำนวณแล้ว เราต้องผ่อนคืนให้กับธนาคารเดือนละ 11,992 บาทไปตลอด 30 ปี ดอกเบี้ยเรากู้ธนาคารปีละ 6 % นั้นหมายความว่าเราต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 0.5%

0.5% ของเงิน 2 ล้านบาทที่กู้มาเท่ากับ 10,000 บาท นั่นหมายความว่า เรามีรายจ่ายเรื่องดอกเบี้ยเดือนละ 10,000 บาท แล้วอีก 1,992 บาท เราเอาไปโปะเงินต้นนั่นเอง โดยทั่วไปเราผ่อนธนาคารปีแรก จะมีรายจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 80% กันทั้งนั้น

เปรียบเทียบถ้าเราไปหาคอนโดเช่าที่ห้องราคาตลาดประมาณ 2 ล้านบาทเหมือนกัน พี่ทุยว่าหาเช่าราคาแถว ๆ เดือนละ 11,000 – 13,000 บาท มันสามารถหาได้ไม่ยากนะ ซึ่งรายจ่ายต่อเดือนต่างกันนิด ๆ หน่อยเองด้วยซ้ำ แล้วถ้าเราซื้อยังต้องมีรายจ่ายเรื่องค่าส่วนกลาง ค่าประกันต่าง ๆ อีก ซึ่งพี่ทุยลองมาคำนวณจริง ๆ อาจจะไม่ต่างกันเท่าไหร่

แถมถ้าเรา “เช่า” เราก็ยังมีโอกาสย้ายไปไหนมาไหนได้ง่ายมากกว่าการ “ซื้อ” เพราะอย่างที่รู้กันว่า คอนโดใช่ว่าจะซื้อขายกันง่าย ๆ ซะที่ไหน บางทีอาจจะต้องรอเป็นปีก็มี ทั้งนี้พี่ทุยไม่ได้ฟันธงนะว่าวิธีไหนดีไม่ดี ลองเอาไปปรับให้เหมาะสมกับตัวเองจะดีที่สุด