จีน ส่งสัญญาณ “เลิกใช้รถน้ำมัน”

ตอนนี้พี่ทุยต้องบอกว่าเทรนด์การ “เลิกใช้รถน้ำมัน” กำลังเป็นกระแสที่มาแรงไปทั่วโลก อย่าง นอว์เวย์ที่เป็นประเทศใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากที่สุดของโลก ก็นำหน้าตั้งเป้าเลิกใช้รถน้ำมันในอีก 8 ปีข้างหน้า (อ่านเพิ่มเติม “นอร์เวย์” ใช้ “พลังงานไฟฟ้า” เต็มรูปแบบชาติแรกในโลก) อังกฤษและฝรั่งเศสประกาศเลิกผลิตและขายรถใช้น้ำมันในอีก 20 ปีข้างหน้า จนมาถึง “จีน” ก็ตั้งเป้าเลิกใช้รถน้ำมันเช่นกัน โดยค่อยๆลดไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริด ให้ได้อย่างน้อย 20% ของยอดขายรถยนต์ในจีนทั้งหมด ในอีก 8 ปีข้างหน้า

สาเหตุมาจากประเทศจีน มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว คือ ปัญหามลพิษทางอากาศ ที่เกิดจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนของโรงงานและไอเสียรถยนต์ และต้องการลดช่องว่างการแข่งขันของผู้ผลิตรถยนต์จีนกับต่างชาติ รัฐบาลเลยให้การสนับสนุนและเร่งพัฒนาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (AV) รายใหญ่ของจีน นั่นคือ “BYD” และ “BCIC Motor Corp.” อย่างเต็มที่ เพราะรัฐบาลเชื่อว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนการนำเข้านํ้ามันเชื้อเพลิงได้ ดังนั้น บริษัรถยนต์ไฟฟ้าต่างชาติที่เข้ามาบุกตลาดในจีน เช่น เทสลา หรือ นิสสัน มอร์เตอร์ อาจจะลำบากซักหน่อย เพราะผู้ผลิตท้องถิ่นมีการอุดหนุนจากรัฐบาลของจีน

มีการคาดการณ์ว่าจีนจะสามารถเลิกผลิตและขายรถยนต์ใช้น้ำมันไปได้หลังจากปี 2040 ซึ่งจากข้อมูล 7 เดือนแรกของปี 2560 จีนสามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าไปได้ประมาณ 90,000 คัน ซึ่งสัดส่วนใหญ่สุดมาจากผู้ผลิตรายใหญ่ 2 เจ้าของจีน เป็นการบอกให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติที่อยากเข้ามากินส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในจีน ต้องปรับหากลยุทธ์และเทคโนโลยีรับมือการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับนโยบายของจีนด้วย

แต่ยังไงก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่า การยกเลิกขายรถยนต์ใช้น้ำมันในจีนยังต้องใช้เวลา ให้ทุกฝ่ายได้ปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อยการประกาศนโยบายของจีนออกมานี้ ก็เป็นการกำหนดทิศทางที่ชัดเจนให้กับเหล่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์แล้ว

พอเห็นหลายๆประเทศออกมาประกาศแผนลดและเลิกใช้รถน้ำมันพร้อมๆกันแบบนี้แล้ว พี่ทุยว่ายิ่งตอกย้ำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์โลกในอนาคตที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆแล้วล่ะเนอะ หรือนี่อาจจะถือเป็นโอกาสของนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสล่วงหน้าในการทำกำไรจากอุตสาหกรรมนี้ล่วงหน้าก็ได้นะ

อ้างอิง: กรุงเทพธุรกิจและฐานเศรษฐกิจ