โพยแนะนำ กองทุน Thai ESG กองไหนดี ประหยัดภาษีได้ด้วย

โพยแนะนำ กองทุน Thai ESG กองไหนดี ประหยัดภาษีได้ด้วย

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • กองทุน Thai ESG หรือ Thailand ESG Fund คือ กองทุนรวมส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย สามารถลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยของบริษัทที่ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนตามหลัก ESG
  • ปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เปิดตัวกองทุน Thai ESG ที่น่าสนใจมากมาย ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำไปถึงสูงได้เลือกลงทุนและลดหย่อนภาษีกัน ทั้งเน้นลงทุนตราสารหนี้ ลงทุนแบบผสม และลงทุนในหุ้น
  • ถึงจะเป็นกองทุนที่ช่วยลดหย่อนภาษี แต่ก็ควรไม่นึกถึงแค่การลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว ต้องควบคู่ไปกับภาพรวมการเงินส่วนบุคคล อีกทั้งขึ้นชื่อว่าเป็นการลงทุน ยังไงก็ต้องมีคิดให้ละเอียดรอบคอบก่อน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

หลังการเมืองมีความชัดเจน หุ้นไทยก็กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ทั้งจากการอัดฉีดนโยบายกระตุ้น การผ่านร่างงบประมาณ พร้อมหนุนด้วยเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ และยิ่งใกล้ปลายปีแบบนี้ ถึงเวลาลดหย่อนภาษี กลับกลายเป็นว่า กองทุน Thai ESG มีสปอตไลท์ส่องจากทุกทางได้รับความสนใจอีกครั้ง

พี่ทุยเลยคัดเลือกกองทุน Thai ESG ที่น่าสนใจในทุกประเภทมาฝากนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษี ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่ากองทุนไหนเหมาะกับตัวเองที่สุด!!!

กองทุน Thai ESG คืออะไร? มีเงื่อนไขลดหย่อนอะไรบ้าง?

กองทุน Thai ESG หรือ Thailand ESG Fund คือ กองทุนรวมส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย สามารถลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยของบริษัทที่ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนตามหลัก ESG ประกอบด้วย ด้านปัจจัยสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance)

สามารถคัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET ESG Ratings ซึ่งจัดทำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2023 มีบริษัทอยู่ในดัชนีนี้ 193 บริษัท แบ่งเป็น

  • ระดับ AAA จำนวน 34 บริษัท
  • ระดับ AA จำนวน 70 บริษัท
  • ส่วนระดับ A จำนวน 64 บริษัท
  • ระดับ BBB จำนวน 25 บริษัท

สำหรับ ESG Bond คือ ตราสารหนี้ที่ผู้ระดมทุนต้องการนำเงินทุนไปใช้กับโครงการที่คำนึงถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Green Bond) สังคม (Social Bond) และความยั่งยืน (Sustainability Bond)

กองทุน Thai ESG ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% และลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน 300,000 บาท ไม่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ ถือลงทุน 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี

โดยวงเงินลงทุนของ Thai ESG ไม่นับรวมกับกองทุนการออมเพื่อเกษียณอายุอื่น เช่น กองทุน SSF, กองทุน RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นต้น

เปิดโพย กองทุน Thai ESG นักลงทุนรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ก็ลงทุนได้

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างตอบรับการส่งเสริมการลงทุนและการลดหย่อนภาษีจากภาครัฐ ด้วยการเปิดตัวกองทุน Thai ESG โดยแบ่งประเภทตามระดับความเสี่ยงได้ 3 กลุ่ม ซึ่งวันนี้พี่ทุยคัดเลือกกองทุน Thai ESG ที่น่าสนใจในแต่ละประเภทมาให้นักลงทุนที่กำลังวางแผนลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน Thai ESG ดังนี้

1. นักลงทุนสายรับความเสี่ยงต่ำ

เหมาะกับกองทุน Thai ESG ที่ลงทุนในตราสารหนี้ ประกอบด้วย

กองทุน KKP GB THAI ESG

นโยบายการลงทุน: ลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เช่น เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond), เพื่อความยั่งยืน (Sustainability bond), ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

กองทุน Thai ESG

จุดเด่น: มีค่าธรรมเนียมบริหารต่ำมากในกลุ่มเดียวกัน เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาว มีความน่าเชื่อถือสูง และอายุเฉลี่ยตราสารหนี้อยู่ที่ 8-9 ปี มีโอกาสได้รับผลดีจากการลดอัตราดอกเบี้ย

กองทุน K-ESGSI-ThaiESG

นโยบายการลงทุน: ลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond), เพื่อความยั่งยื่น (Sustainability bond), ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

กองทุน K-ESGSI-ThaiESG

จุดเด่น: ค่าธรรมเนียมยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำในกลุ่มกองทุนประเภทเดียวกัน เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ มีความน่าเชื่อถือสูง มีอายุตราสารหนี้ยาวมากกว่า 9 ปี ทำให้มีอัตราผลตอบแทน (Yield) สูง และรับผลดีถ้ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

2. นักลงทุนสายรับความเสี่ยงปานกลาง

เหมาะกับกองทุน Thai ESG ที่ลงทุนแบบผสม ประกอบด้วย

กองทุน SCBTM(ThaiESG) จ่ายปันผล / SCBTM(ThaiESGA) ไม่จ่ายปันผล

นโยบายการลงทุน: กระจายลงทุนในหุ้นที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (ESG) และตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตราสารเพื่อความยั่งยืน หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

กองทุน SCBTM(ThaiESG) จ่ายปันผล / SCBTM(ThaiESGA) ไม่จ่ายปันผล

จุดเด่น: เป็นกองทุนรวมผสมที่มุ่งเน้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) และด้วยกลยุทธ์นี้ประกอบกับการเป็นกองทุนรวมผสมยังช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการจัดสัดส่วนเพื่อรับสถานการณ์ตลาดการเงินที่ผันผวน แถมมีให้เลือกทั้งประเภทไม่จ่ายปันผลและจ่ายปันผล

กองทุน KTAG70/30-ThaiESG

นโยบายการลงทุน: ลงทุนในหลักทรัพย์ต่อไปนี้ โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

1. หุ้นของบริษัทที่โดดเด่นในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล ระดับ A ขึ้นไป
2. ตราสารอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
     2.1 ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตราสารเพื่อความยั่งยืน หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน
2.2 พันธบัตรรัฐบาล

กองทุน KTAG70/30-ThaiESG

จุดเด่น: เป็นกองทุนรวมผสมที่มุ่งเน้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) และด้วยกลยุทธ์นี้ประกอบกับการเป็นกองทุนรวมผสมยังช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการจัดสัดส่วนเพื่อรับสถานการณ์ตลาดการเงินที่ผันผวน มีนโยบายจ่ายปันผลไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี

3. นักลงทุนสายรับความเสี่ยงสูง

เหมาะกับกองทุน Thai ESG ที่ลงทุนหุ้น ประกอบด้วย

กองทุน K-TNZ-ThaiESG

นโยบายการลงทุน: มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงผลตอบแทนของดัชนี SET100 TRI (Passive Management) โดยลงทุนในหุ้นของบริษัทในดัชนี SET100 TRI ที่เปิดเผยข้อมูลและตั้งเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

กองทุน K-TNZ-ThaiESG

จุดเด่น: เป็นกองทุนรวมหุ้นที่มุ่งเน้นให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีชี้วัด (Passive Management) เอาใจสายลงทุนสร้างผลตอบแทนตามตลาด ประหยัดค่าธรรมเนียม และใช้กลยุทธ์คัดกรองเชิงบวกโดยมี Lombard Odier Asset Management เป็นที่ปรึกษาการลงทุน และใช้วิธีการ Implied Temperature Rise (ITR) ในการสร้างพอร์ตการลงทุน

กองทุน SCBTP(ThaiESG) จ่ายปันผล / SCBTP(ThaiESGA) ไม่จ่ายปันผล

นโยบายการลงทุน: มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงผลตอบแทนของดัชนี SET ESG Total Return Index (Passive Management) โดยลงทุนในหุ้นของบริษัทในดัชนี SETESG Total Return Index ที่มีความโดดเด่นด้าน ESG โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

กองทุน SCBTP(ThaiESG) จ่ายปันผล / SCBTP(ThaiESGA) ไม่จ่ายปันผล

จุดเด่น: เป็นกองทุนรวมหุ้นที่มุ่งเน้นให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีชี้วัด (Passive Management) ช่วยให้ค่าธรรมเนียมเมื่อเทียบกับกองทุนกลุ่มเดียวกันอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ยิ่งถ้าเป็นนักลงทุนสาย Passive แล้วชอบการปันผล ก็มีประเภทปันผลให้เลือกลงทุน

กองทุน B-TOP-THAIESG

นโยบายการลงทุน: ลงทุนหุ้นในดัชนี SET หรือ mai ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (ESG) ซึ่งผู้จัดการกองทุนคาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรก โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และจำนวนหลักทรัพย์จะไม่เกิน 12 บริษัท 

กองทุน Thai ESG

จุดเด่น: เป็นกองทุนที่มุ่งเน้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ค้นหาหุ้นแบบ Bottom up และเน้นลงทุนหุ้นจำนวนไม่มากเพื่อให้ผู้จัดการกองทุนค้นหาและติดตามข้อมูลบริษัทได้อย่างครอบคลุม

กองทุน PRINCIPAL EQESG-ThaiESG

นโยบายการลงทุน: ลงทุนหุ้นในดัชนี SET หรือ mai ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (ESG) หรือมีการเปิดเผยข้อมูลและตั้งเป้าหมายเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

กองทุน PRINCIPAL EQESG-ThaiESG

จุดเด่น: เป็นกองทุนที่มุ่งเน้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ค้นหาหุ้นแบบ Bottom up และมีนโยบายจ่ายปันผล เอาใจนักลงทุนที่อยากได้กระแสเงินสดระหว่างลงทุน

ข้อควรระวัง ก่อนลงทุน Thai ESG

ถึงจะเป็นกองทุนที่ช่วยลดหย่อนภาษี แต่ก็ควรไม่นึกถึงแค่การลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว ต้องควบคู่ไปกับภาพรวมการเงินส่วนบุคคล อีกทั้งขึ้นชื่อว่าเป็นการลงทุน ยังไงก็ต้องมีคิดให้ละเอียดรอบคอบกันสักหน่อย ซึ่งโดยหลักมีดังนี้

  • ซื้อเยอะเกิน ไม่มีสภาพคล่องเหลือใช้ชีวิต

การลดหย่อนภาษีก็เป็นสื่งสำคัญของการวางแผนการเงิน แต่สิ่งสำคัญอันดับแรกของการวางแผนการเงินที่ดี คือ การบริหารรายรับรายจ่ายให้มีสภาพคล่องเหลือใช้ชีวิตแต่ละเดือน ดังนั้นไม่ควรซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีมากจนไม่เหลือสภาพคล่อง

  • ซื้อเกินสิทธิ์

มนุษย์เงินเดือนหลายคนอาจลืมคำนวณก่อนซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี แล้วเมื่อเหลือเวลาน้อยใกล้หมดปีก็เร่งซื้อโดยเผื่อยอดไว้ก่อนจนเกินสิทธิ์ อันนี้เงินที่ซื้อเกินสิทธิ์นอกจากจะไม่ได้ลดหย่อนภาษีแล้ว ยังเสียโอกาสโดยใช่เหตุอีกด้วย

  • ขายก่อนครบกำหนด

การถือครอง 5 ปี ไม่ใช่นับตามปีปฏิทิน แต่ต้องนับแบบวันชนวัน ดังนั้นถ้านับระยะเวลา 5 ปี ตามปีปฏิทินแล้วขาย อาจกลายเป็นขายก่อนครบกำหนด ผิดเงื่อนไขการลงทุนและเสียสิทธิ์ลดหย่อนภาษี

  • การลงทุนมีความเสี่ยง

การลงทุนยังไงก็มีความเสี่ยง จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ ผู้ลงทุนไม่ควรหวังแต่ผลตอบแทนจนลงทุนมากเกินความเสี่ยงที่รับได้ เพราะถ้ามีการขาดทุนมากเกินไป การลดหย่อนภาษีที่ควรมีความสุขจะกลายเป็นความกังวลไปในทันที ดังนั้นควรเลือกประเภทกองทุน Thai ESG ให้พอดีกับความเสี่ยงที่รับได้

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile