เพิ่งผ่านช่วงเทศกาลจัดการภาษีปลายปีกันมาหมาดๆ
ถึงตอนนี้ก็เข้าสู่ต้นปี ก็เป็นช่วงเทศกาลการยื่นภาษีกันแล้ว !
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือ อย่าลืมยื่นภาษีกันให้ทันก่อน 31 มีนาคม 2560 นี้ด้วยเน้อออ
ยังไงก็แล้วแต่ อย่ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการจัดการภาษีของปีที่แล้ว
จนลืมไปว่า ปี 2560 นี้ เราก็ยังคงมี “รายได้”
และเราก็ยังต้อง “เสียภาษี” อยู่ร่ำไปนะจ้ะ
ปลายปีที่แล้ว พี่ทุยว่าต้องมีบางคนที่…
ซื้อกองทุน LTF RMFไม่ทัน เงินไม่พอซื้อ เพราะมัวแต่ช็อปช่วยชาติ 15,000 เพลินไปหน่อย
ถึงจะลดหย่อนได้เหมือนกัน แต่ประโยชน์คนละแบบน้าาา
หรือไม่ก็ไม่รู้ว่าจะซื้อ LTF RMF กองไหนดี ?
ก็น่าจะเข้าใจกันแล้วเน้าะว่าเวลาทำอะไรที่เวลากระชั้นมากๆ
พอทำอะไรรีบๆ สุดท้ายผลก็จะออกมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
พี่ทุยเลยอยากชวนให้ทุกคนมา “วางแผนลงทุน” ตั้งแต่ต้นปีเลย !!
ปลายปีจะได้ไม่เป็นปัญหาอีก เพราะเหตุผลที่เราควรจะทำตั้งแต่ต้นปีเลย ก็คือ
1. ราคาถูกกว่าซื้อทีเดียวปลายปี
ตามหลัก Demand Supply ง่ายๆ มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ในประเทศไทย
มักจะสนใจลดหย่อนภาษีกันช่วงปลายปี พอคนแห่กันไปซื้อเยอะมากๆ
ราคาสินค้ามันก็แพงขึ้นหน่ะสิ นี่พี่ทุยไม่ได้พูดลอยๆด้วยนะ
จากค่าสถิติจะทำให้เราได้ของแพงกว่าการซื้อต้นปีจริงๆ !!
2. ช่วยบริหารความเสี่ยงได้ดี
ถ้าเราวางแผนตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะการซื้อ LTF RMF พวกนี้
เราก็สามารถเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน หรือที่เรียกว่าการทำ Dollar Cost Averaging (DCA) ไปได้เรื่อยๆ ซึ่งจะช่วยในการบริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
หรือทำเป็น Saving Plan ที่เฉลี่ยเงินลงทุนเป็นรายเดือนเลยก็เป็นทางเลือกที่ดี
ถือว่าเป็นการหักออมก่อนใช้จ่ายไปในตัว !!
3. ไม่ต้องรอสรรพากรคืนภาษี
สำหรับมนุษย์เงินเดือน ถ้าเราไปแจ้งกับทาง HR ที่บริษัทเราไว้ล่วงหน้า
ว่าเรามีการซื้อ LTF RMF เท่านั้นเท่านี้ ทางบริษัทก็จะได้ไม่ต้องหักภาษีไปล่วงหน้า
วิธีนี้ทำให้เราไม่ต้องไปรอภาษีคืนเลยนะ ดีกว่าเห็นๆเลย
4. โบนัสเพิ่งออกปลายปี มีเงินซื้อเพื่อลดหย่อนภาษี
สำหรับคนที่เพิ่งได้โบนัสมาแล้วยังใช้ไม่หมด
ก็สามารถเอาไปซื้อ LTF โล้ด จะได้ไม่มีปัญหาปลายปีตังค์หมดอีก
ข้อดีเยอะขนาดนี้ซื้อตั้งแต่ต้นปีไปเถอะ เชียร์ซะขนาดนี้ละ
หรือถ้าใครไม่รู้ว่าจะซื้อ LTF RMF กองไหน
มา !! พี่ทุยจะแนะนำกองให้ด้วยเลยเอ้า !! จะได้ไปซื้อกันเลย
สำหรับ LTF ถ้ามองเรื่องผลตอบแทนที่เข้าตา
ก็น่าจะเป็นกองทุน K 20 Select LTF (K20SLTF) จาก บลจ.กสิกรไทย
ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี เท่ากับ 18.36% ต่อปี
และผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีเท่ากับ 12.48% ต่อปี
พี่ทุยลองไปดูข้อมูลจากวันที่ 30 ธันวาคม 2559 มาแล้วเรียบร้อย
กลยุทธ์ของกองทุนนี้ก็ง่ายๆตามชื่อเลย คือจะคัดเลือกหุ้นไทยตัวเด็ดๆมาไม่เกิน 20 ตัว
โดยเน้นหุ้นที่มีการเติบโตดีกว่าตลาดโดยรวม และกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
และที่สำคัญราคาหุ้นตอนเข้าซื้อต้องต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นด้วย
และสำหรับ RMF ถ้าดูจากผลตอบแทนแล้ว
พี่ทุยแนะนำตัวนี้เลย K Mid Small Cap Equity RMF (KMSRMF)
ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนเท่ากับ 30.55% !!
ข้อมูลวันที่ 30 ธันวาคม 2559 เช่นกัน
อย่างที่เรารู้กันว่าตอนนี้ หุ้นขนาดกลางและเล็กกำลังเป็นพระเอกเลย
ทำผลตอบแทนได้น่าสนใจมากๆ เอาชนะ SET Index ได้มากกว่า 10.82%
กลยุทธ์ของกองทุนก็คือจะเลือกหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตเป็นหุ้นขนาดใหญ่ได้
แล้วถ้าราคาหุ้นโตเร็วเกินพื้นฐาน ผู้บริหารกองทุนก็จะขายมาเข้าตัวอื่น
จริงๆพี่ทุยมองว่าปีที่แล้ว เป็นปีที่มีปัจจัยเสี่ยงเยอะมาก
ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ทำให้ตลาดผันผวนค่อนข้างมาก
แต่ทั้ง K20SLTF และ KMSRMF ยังทำผลตอบแทนได้ดี
ที่สำคัญถ้าเราไปใช้บริการที่ธนาคารกสิกรไทย
ยังมี K-Saving Plan หรือบริการลงทุนเป็นรายงวดให้เราด้วย
พี่ทุยว่าก็ตอบโจทย์เรื่อง DCA ได้ดีเหมือนกันนะ
หรือจะลงทุนง่ายๆ ผ่าน K-Mobile Banking PLUS ก็ได้ ขั้นต่ำแค่ 500 บาท
หรือบางคนยังติดปัญหาอยู่อีกว่ายังงี้มันก็วางแผนไม่ได้เพราะเราไม่รู้รายได้ทั้งปี
พี่ทุยจะแนะนำว่า ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็วางแผนเท่าที่เราวางได้นั้นแหละ
แล้วเดี๋ยวปลายปีประมาณเดือนตุลาคม ก็ค่อยมาเติมเต็มแผนของเราอีกที
อาจจะโดนหักภาษีไปก่อนบ้างนิดหน่อย
แต่ก็ยังดีกว่าไม่แจ้ง HR แล้วโดนหักไปเต็มๆนะ
สำหรับใครที่สนใจทั้ง K20SLTF และ KMSRMF ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย ที่นี่
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
– กองทุนลงทุนในหุ้นอาจมีราคาผันผวนตามภาวะตลาด
– ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
รูปล่าง ของ mobile
