คงไม่มีใครจะไม่รู้จักบริษัท Apple บริษัทที่ผลิตโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิการณ์ ios ที่ไม่เหมือนใคร หลายคนอาจจะรู้จัก Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple กันมาบ้างแล้ว วันนี้พี่ทุยจึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับอีกหนึ่งคนสำคัญที่มีบทบาทใน Apple อย่างมาก นั่นก็คือ Tim Cook เขาคือหนึ่งในนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้
พี่ทุยจึงอยากมาเล่าประวัติความเป็นมาของ Tim Cook กันว่ากว่าเขาจะมาถึงระดับโลกอย่างในทุกวันนี้นั้นเขาต้องเจออะไรมาบ้าง
ชีวิตวัยเด็กและวัยเรียน
Tim Cook หรือ Timothy Donald Cook เกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 1960 ที่เมืองเล็ก ๆ ใน Robertsdale รัฐ Alabama เขาเป็นลูกคนกลางในพี่น้อง 3 คน ของ Donald Cook และ Geraldine Cook โดยพ่อของเขาเป็นคนงานในอู่ต่อเรือ ส่วนแม่ของเขาทำงานในร้านขายยาทั่วไป
Cook เข้าเรียนที่ Robertsdale High School ในช่วงเรียนมัธยมนี้เองที่เขาได้รับฉายาจากเพื่อน ๆ ว่าเป็นคนที่ขยันที่สุดเนื่องจากระหว่างเรียนเขาได้ทำงานพิเศษเพื่อหารายได้เพิ่มเติมด้วย อย่างการรับจ้างส่งหนังสือพิมพ์ และทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขายยา เป็นต้น ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานพิเศษหลายที่แต่ผลการเรียนของเขาก็เป็นที่ 2 ของชั้นเรียน นี่เองจึงเป็นที่มาของฉายาดังกล่าวนั่นเอง
ต่อมาเขาได้เข้าศึกษาต่อในสาขาวิศวอุตสาหกรรม ที่ Auburn University โดยเขามีความสนใจด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก ทำให้หลังเรียนจบในปี 1982 เขาได้เข้าทำงานที่ IBM บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และให้บริการด้านคอมพิวเตอร์และสารสนเทศรายใหญ่ของโลก
เนื่องด้วยความสามารถของเขาทำให้เขาสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นถึง Director ที่ดูแลการผลิตและจัดจำหน่าย PC ของอเมริกาเหนือเลยทีเดียว โดยเขาได้ทำงานกับ IBM ตั้งแต่ปี 1982 – 1994 ซึ่งระหว่างที่เขาทำงานที่ IBM เขาก็ได้เข้าศึกษาในระดับปริญญาโทต่อที่ Duke University ในสาขาบริหารธุรกิจต่อ และสำเร็จการศึกษาในปี 1988
ถัดมาหลังจากที่เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จาก IBM จนถึงปี 1994 แล้วนั้น เขาก็ได้ไปเป็น หัวหน้าแผนกค้าปลีกประจำสำนักงานปฏิบัติการของ Intelligent Electronics, Inc โดยเขาได้ทำหน้าที่ตรงนี้อยู่ประมาณ 3 ปี จนปี 1997 เขาได้ไปทำงานกับ Compaq Computer Corporation
และด้วยประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาทำให้เขาได้เข้าไปเป็นถึงรองประธานฝ่ายวัสดุขององค์กร ซึ่ง Compaq ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่จำหน่ายคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ ประกอบกับความสามารถของ Cook ทำให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วและในที่สุดก็ไปเข้าตา Steves Job CEO ของ Apple
ในช่วงแรก Steves Job ให้ทีมงานของเขาเองติดต่อหา Cook โดยเขามีความต้องการดึงตัว Cook มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Apple ซึ่งในขณะนั้นบริษัทยังไม่ได้เติบโตเท่าในปัจจุบัน ทำให้ Cook ปฏิเสธไปทุกครั้งที่ทีมงานของ Apple ต้องการขอพบ
เขาให้เหตุผลว่า “ยังมีความสุขดีกับการทำงานที่ Compaq ร่วมกับคนรู้จักหลาย ๆ คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Cook ไม่ควรที่จะไปเสี่ยงกับ Apple”
แต่จุดพลิกผันในชีวิตของเขาก็มาถึง เมื่อ Job ติดต่อมาเพื่อขอพบกับเขาด้วยตัวเอง คราวนี้ Cook ได้มองเห็นถึงความพยายามของ Job เลยยอมเข้าไปคุยด้วย โดย Job ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ของบริษัทและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่จะพลิกโฉมโลกใบนี้
จากการพูดคุยกับ Job ในครั้งนี้ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าการปฏิเสธ Job ครั้งนี้อาจทำให้เขาพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไป หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ลาออกจาก Compaq ปี 1998 และไปรับตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการทั่วโลกของ Apple ในที่สุด นี่จึงถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเขาใน Apple นั่นเอง
Tim Cook ในบริษัท Apple
หลังจากที่เขาเข้าร่วมกับ Apple แล้ว หน้าที่แรกที่เขาได้รับมอบหมายคือ รับผิดชอบในการจัดการการขายและการดำเนินงานทั่วโลก รวมถึงการให้บริการและการสนับสนุน โดยในตำแหน่งนี้ เขาได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์ด้านความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ นอกจากนี้ Cook ยังเป็นผู้นำแผนก Macintosh ของบริษัทอีกด้วย
ในช่วงแรกเขาได้ตรวจสอบบัญชีของ Apple ก่อนหน้านั้นขาดทุนเป็นอย่างมาก เขาจึงมีความกระตือรือร้นอย่างมากในการจะสร้างกำไรให้กับบริษัท ซึ่งก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ในช่วงปีที่เขาได้เข้ามาทำงานใน Apple บริษัทก็ได้เริ่มรายงานผลกำไรที่เริ่มสูงขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญในการจะพลิกโฉม Apple
โดยสิ่งที่ Cook ทำคือการปรับปรุงสายการผลิตและการดำเนินงานของบริษัท เขาปิดโรงงานและโกดังของบริษัทหลายแห่ง เพื่อลดต้นทุนการผลิตของบริษัท ทั้งนี้ก็ทำควบคู่ไปกับการออกแบบนวัตกรรมเพื่อที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้ง iMac, iPod และ iPhone ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถืได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จและเป็นสิ่งที่เปลี่ยนโลกตามที่ Job กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นด้วย
ต่อมา Cook ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการในเดือน ม.ค. ปี 2007 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Job ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งและลาเพื่อไปพักรักษาตัว
ในปี 2009 ทำให้ Cook ได้รับหน้าที่ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการ CEO แทน ทำให้ Cook ต้องรับผิดชอบงานเกือบทั้งหมดของ Apple ด้วยสุขภาพของ Job ที่ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง CEO นั่นจึงทำให้ Cook ได้รับแต่งตั้งให้เป็น CEO ของ Apple Inc. ต่อจาก Job เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2011
การก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่ง CEO ของ Cook ถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในการบริหารมามาก แต่ตำแหน่ง CEO ต้องทำมากกว่านั้น ในช่วงแรกถือได้เป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจากมูลค่าตลาดของ Apple ตกลงไปต่ำกว่า 400 พันล้านดอลลาร์
แต่นั่นก็ไม่ใช่เกิดกว่าความสามารถของ Cook ภายใต้การนำของ Cook Apple ได้เข้าซื้อกิจการกว่า 100 แห่ง พัฒนาสตูดิโอผลิต และขยายฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ Apple ได้สร้างบริการสมัครสมาชิกที่ครอบคลุมตั้งแต่ iCloud, Apple Podcasts และ Apple Music ซึ่งเปิดตัวในปี 2011, 2012 และ 2015 ตามลำดับ
การบริหารของเขาทำให้ Apple เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2018 Apple กลายเป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด และเพียงแค่สองปี Apple ก็มีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านเหรียญ นอกจากนี้ยังกำไรถึงเจ็ดเท่าในเดือน มี.ค. 2022 ที่ผ่านมาด้วย โดยผู้ใช้อุปกรณ์ที่ใช้งานทั่วโลกก็เพิ่มขึ้นจาก 135 ล้านคนเป็นมากกว่า 1 พันล้านคนด้วยเช่นกัน
Tim Cook ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เขามีความสามารถในหลาย ๆ ด้าน ที่ผู้คนคาดไม่ถึง เขาสามารถดึง Apple ที่กำลังขาดทุนขึ้นมาถึงสองครั้ง นี่จึงเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า Cook เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อน Apple ให้กลายมาเป็นบริษัทที่พลิกโลกได้จนถึงปัจจุบัน
การเปิดตัวเรื่องเพศของ Tim Cook
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความสนใจในโลกธุรกิจไม่น้อยเลยคือ การที่ Cook ออกมาประกาศ ว่าเป็นเกย์ในบทบรรณาธิการของ Bloomberg ต.ค. ปี 2014 ซึ่งการที่เขาออกมาเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตัวเองนั้น มาจากการอ่านจดหมายจากเด็ก ๆ มากมายเกี่ยวกับการต่อสู้และการปกปิดตัวตนของตัวเองจากคนในครอบครัว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงออกมาเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตัวเองเพื่อที่จะทำให้เห็นว่าเราสามารถที่จะเป็นในแบบที่เราต้องการได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรือทำอาชีพอะไรก็ตาม
การเปิดตัวในครั้งนี้สร้างเสียงฮือฮาอย่างมาก โดยนักธุรกิจหลายคนมีการคาดการณ์ถึงรายได้ของ Apple ที่อาจจะลดลงด้วย เนื่องจากบางรัฐของสหรัฐฯ บางพื้นที่ในโลก ยังไม่มีการยอมรับกลุ่มคนรักร่วมเพศ ซึ่งนี่เองก็อาจจะส่งผลต่อ Apple ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะออกมาพูดถึงประเด็นนี้กันทั้งในแง่บวกและแง่ลบ แต่ Cook ก็ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนถึงความภาคภูมิใจที่เขาเป็นเกย์ เขายังกล่าวอีกว่ามันคือของขวัญที่ดีที่สุดของพระเจ้าที่ประทานมาให้เขา
ที่ผ่านมาเขาตระหนักดีว่าข้อความที่จะประกาศสู่สาธารณะนี้อาจส่งผลกระทบต่อ Apple แต่เขาเชื่อว่าข้อความนี้มีความสำคัญมากพอที่จะแชร์ออกไป Cook เพราะเขาคาดหวังว่าข้อความที่เผยแพร่ไปนี้จะส่งไปถึงเด็ก ๆ ทุกคนที่กำลังดิ้นรนกับตัวตนของพวกเขาเอง รวมถึงจะส่งถึงผู้ปกครองหลายคนให้รับรู้ว่าการเป็นเกย์ไม่ใช่ข้อจำกัดในชีวิต แต่มันคือคุณสมบัติที่พระเจ้ามอบให้แก่พวกเขานั่นเอง
สุดท้ายแล้วการเปิดเผยตัวตนของ Cook นั้นจะสร้างความฮือฮาแก่วงการธุรกิจไม่น้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ Apple ขาดทุนแต่อย่างใด สามารถดูได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี แต่สิ่งที่ Cook ได้ส่งออกไปนั่นทำให้เขากลายเป็นตัวอย่างของบุคคลสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่าการเป็นเกย์นั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตอย่างไร ไม่ว่าใครก็สามารถประสบความสำเร็จได้
พี่ทุยคิดว่า Tim Cook สามารถเป็นต้นแบบของหลาย ๆ คนได้ ไม่ใช่แค่ด้านธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทัศนคติ และการดำเนินชีวิตด้วย !
อ่านเพิ่ม
อ้างอิง