มีข่าวออกมาว่า ขนมครกไทยติดอันดับ 4 แพนเค้กที่ดีที่สุดในโลก หลายคนได้ยินแล้ว บางคนก็คงจะเอ๊ะ! ขนมครกมันเป็นแพนเค้กได้ยังไง วันนี้พี่ทุยก็เลยอยากจะหยิบเรื่องราวของ แพนเค้ก มาเล่าสู่กันฟัง ว่า ตลาดนี้ใหญ่บึ้มแค่ไหน แล้วแพนเค้กมีมานานรึยัง และทำไมขนมครกไทยเป็นแพนเค้กไปซะได้
ส่องประวัติ แพนเค้ก
มีบางตำราบอกว่า แพนเค้กมีมาตั้งแต่สมัย 30,000 ปีที่แล้ว ในช่วงยุคหิน แต่ประวัติศาสตร์แบบที่ยืนยันได้ คือ มีนักวิจัยค้นพบซากแพนเค้กในท้องของซากศพมนุษย์ที่ถูกแช่ในน้ำแข็ง มีอายุมากกว่า 5,000 ปี
ย้อนกลับไปในสมัยกรีกและโรมโบราณ แพนเค้ก ทำมาจากแป้งสาลี น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง และนมเปรี้ยว โดยที่ กวีชาวกรีกโบราณ Cratinus และ Magnes มีการเขียนเรื่องราวของแพนเค้กไว้ในบทกวีของพวกเขา
ต่อมาในยุคเรเนซองส์ของอังกฤษ ผู้คนจะปรุงแพนเค้กด้วยเครื่องเทศ น้ำกุหลาบ เชอรี่ และแอปเปิ้ล Shakespeare ก็กล่าวถึงแพนเค้กในบทละครที่มีชื่อเสียงของเขา
ผู้คนเริ่มใช้คำว่า “pancake” (แพนเค้ก) กันระหว่างศตวรรษที่ 15 และคำนี้ก็กลายมาเป็นคำมาตรฐานในอเมริกาช่วงศตวรรษที่ 19 จากที่ก่อนหน้านั้นจะเรียกหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น Indian cakes, hoe cakes, johnnycakes, journey cakes, buckwheat cakes, griddle cakes และ flapjacks
แพนเค้กอเมริกันในยุคแรก ทำด้วย บัควีทหรือข้าวโพด Thomas Jefferson ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 3 โปรดปรานแพนเค้กมากถึงขั้น ส่งสูตรพิเศษจากทำเนียบขาวไปยังบ้านเกิดของเขา
ทุกวันนี้แพนเค้กกระจายไปทั่วโลก ทุกวัฒนธรรมจะมีแพนเค้กที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยผู้คนรับประทานเป็นอาหารเช้า เที่ยง และเย็น
ทั้งนี้ พี่ทุยได้รวบรวมข้อมูลวิจัยตลาดแพนเค้กที่น่าสนใจที่สำนักต่าง ๆ เผยแพร่ไว้ ดังนี้ Industry research มีการจัดทำผลสำรวจตลาดแพนเค้ก พบใจความสำคัญ มีดังนี้
มูลค่าตลาดแพนเค้ก
ปี 2023 945.32 ล้านดอลลาร์
ปี 2030 คาด 1,196.02 ล้านดอลลาร์ (+4.0% ต่อปี)
ชนิดของแพนเค้ก
- แพนเค้กที่มีส่วนผสมแบบแห้ง
- แพนเค้กที่มีส่วนผสมเป็นของเหลว
นิยามของแพนเค้ก
= เค้กแบบแบน ทำจากวัตถุดิบ ได้แก่ แป้ง ไข่ นม และอื่น ๆ บนกระทะแบบแบน
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของตลาดแพนเค้ก
- ความนิยมในการบริโภคเป็นอาหารเช้า ที่มีอย่างกว้างขวางทั่วโลก
- เป็นอาหารที่บริโภคได้สะดวก ใช้เวลาเตรียมวัตถุดิบ และทำไม่นาน
- เป็นอาหารที่พบได้ในเครือข่ายร้านอาหารจานด่วน และร้านอาหารทั่วไป
- คนวัยทำงานมีความต้องการบริโภคแพนเค้กสูง เพราะเป็นอาหารพร้อมรับประทาน
- ผู้บริโภคมีความใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น มีนวัตกรรมหลากหลายขึ้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหาร นำไปสู่การนำเสนอแพนเค้กรูปแบบใหม่ ๆ ที่ทำจากวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ เช่น แพนเค้กที่ปราศจากกลูเตน หรือแพนเค้กที่เป็นอาหารวีแกน (ส่วนประกอบทำมาจากผักและผลไม้ ปราศจากเนื้อสัตว์) ช่วยสนับสนุนการเติบโตของตลาดแพนเค้ก
- การเปิดตัวแพนเค้กรสชาติใหม่ๆ เช่น แพนเค้กทีรามิสุ และนูเทลล่า สนับสนุนการเติบโตของตลาด
ปัจจัยที่ส่งผลลบต่อการเติบโตของตลาดแพนเค้ก
- แพนเค้กมีคาร์โบไฮเดรตสูง โดยทั่วไปมักจะมีส่วนประกอบของเนยและน้ำเชื่อมที่มีไขมันและแคลอรี่สูงด้วย ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ทำให้เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน
ความสำคัญของแพนเค้กในภูมิภาคต่าง ๆ
อเมริกาเหนือ
การบริโภคแพนเค้กเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากการที่ผู้คนนิยมบริโภคเป็นอาหารเช้า โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากคนทำงานที่นิยมบริโภคอาหารเช้าพร้อมทาน
ยุโรป
ตลาดแพนเค้กมีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้นกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารที่ย่อยง่าย และปราศจากสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการนำเสนอแพนเค้กที่ปรษสจากกลูเตน และแพนเค้กวีแกน โดยการเปิดตัวแพนเค้กวีแกนรูปแบบใหม่ๆ เป็นตัวแปรสำคัญที่กระตุ้นการเติบโตของตลาดภูมิภาคนี้
เอเชียแปซิฟิก
การเติบโตของตลาดมาจากผู้บริโภคยอมรับวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น รวมทั้งในประเทศต่างๆ แถบนี้ เช่น อินเดีย และญี่ปุ่น มีร้านอาหารและคาเฟ่ใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก จึงเป็นการเปิดช่องทางใหม่ให้กับตลาดแพนเค้ก ช่วยเพิ่มการบริโภคแพนเค้กในภูมิภาคนี้
คราวนี้ พี่ทุยจะพามาดูกันว่า แพนเค้กที่เค้าว่าดีว่าเลิศที่สุดในโลกมีอะไรบ้าง
จากข้อมูลการจัดอันดับของ TasteAtlas ที่เผยแพร่ออกมา เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2024 พบว่า 10 อันดับแพนเค้กที่ดีที่สุดในโลก มีดังนี้
10 อันดับแพนเค้กที่ดีที่สุดในโลก
อันดับ 1 Crêpes (เครป) ของแคว้นบริตตานี ฝรั่งเศส
ลักษณะแพนเค้กเป็นเนื้อแป้งบาง ๆ ทำจากแป้งสาลีและมีต้นกำเนิดในแคว้นบริตตานีของฝรั่งเศส โดยนอกจากเป็นอาหารหลักและอาหารประจำชาติของฝรั่งเศส Crepe (เครป) ก็ยังได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วโลกด้วย ในช่วงเปลี่ยนผ่านศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นช่วงที่แป้งสาลีขาวมีราคาไม่แพง
อันดับ 2 Kaiserschmarrn ของ ออสเตรีย
รู้จักกันอีกชื่อว่า Emperor’s mess โดยเป็นของหวานในออสเตรีย ลักษณะเป็นแพนเค้กที่หน้าฟู ราดด้วยคาราเมลเล็กน้อย มีตำนานเล่าว่า Kaiser Franz Joseph I อดีตจักรพรรดิของออสเตรเลียชื่นชอบของหวานนี้มาก เลยทำให้ใครๆ เรียกชื่อแพนเค้กเช่นนี้
อันดับ 3 Jianbing (เจียนปิ่ง) ของมณฑลเทียนจิน จีน
เป็นรายการอาหารเช้ายอดนิยมในประเทศจีน มักจำหน่ายโดย ผู้ค้าขายอาหารริมถนนในช่วงเช้า โดยลักษณะของเจียนปิ่งคือ เป็นแพนเค้กทอดมีลักษณะคล้าย ๆ เครปบาง ๆ มีรสชาติเผ็ด โดยแป้งที่นำมาทำเจียนปิ่งได้ มีหลากหลายชนิด แต่ที่นิยมกันมาก คือ แป้งถั่วเขียว แป้งถั่วดำ และแป้งสาลี สำหรับหน้าของแพนเค้กแบบเจียนปิ่ง มักจะโรยด้วยไข่ แล้วปรุงด้วยซอสต่างๆ เช่น ซอสพริก ซอสฮอยซิน หรือซอสเต้าเจี้ยวรสเผ็ด นอกจากนี้ยังมีการใส่ไส้ส่วนผสมต่างๆ เช่น ต้นหอม มัสตาร์ดดอง หัวไชเท้า ต้นหอม ผักชี กุนเชียง หรือไก่ เป็นต้น
อันดับ 4 ขนมครก ของ ไทย
ขนมครก จัดเป็นขนมไทยขนาดเล็ก ที่มักจะเรียกว่าเป็นขนมในกลุ่มแพนเค้ก พุดดิ้ง หรือเค้ก โดยจะทำมาจากแป้งข้าวเจ้า และกะทิ ที่นำไปใส่ในกระทะเหล็กขนาดใหญ่ที่มีหลุมเล็ก ๆ อยู่ โดยทั่วไปแล้ว กระบวนการทำมี 2 ขั้นตอน คือ ขั้นแรก คือ ใส่แป้งที่ทำให้ขนมครกมีความกรุบกรอบลงไปก่อน เมื่อเริ่มสุกแล้ว ใส่น้ำกะทิที่มีรสหวานเล็กน้อยลงไปเพิ่ม นอกจากนี้หลายครั้งก็จะมีการใส่ไส้เพิ่มเข้าไปด้วย เช่น ต้นหอมซอย เผือก ข้าวโพด หรือฟักทอง เป็นต้น โดยผู้คนจะพบขนมครกได้จากร้านขายอาหารข้างทางเป็นหลัก นิยมรับประทานเป็นของว่าง
อันดับ 5 Crêpes Normande ของแคว้นนอร์มังดี ฝรั่งเศส
เป็นเครปที่มีพายแอปเปิ้งอยู่ข้างใน โดยเนื้อเครปจะมีส่วนผสมมาจากแป้ง นม ไข่ น้ำตาล และเกลือเล็กน้อย ส่วนพายแอปเปิ้ลที่เป็นไส้ข้างใน จะเป็น แอปเปิ้ลทาร์ตสดที่ถูกทำให้เป็นสีน้ำตาลด้วยเนย น้ำตาล และอบเชย ทั้งนี้ เครปจะถูกคาดด้วยวิปครีม เสิร์ฟคู่กับไอศครีม 1 ลูก และราดด้วยน้ำเชื่อมคาราเมลหวานๆ ตบท้าย
อันดับ 6 Crespelle alla Valdostana ของแคว้นวัลเลดา ออสตา อิตาลี
เป็นอาหารอิตาเลียนมีลักษณะเป็นเครปที่ใส่ไส้รสเผ็ด คลุกเคล้ากับฟอนติน่าชีสและซอสเบชาเมลที่เหนียว สำหรับแป้งเครป ทำมาจาก แป้ง นม ไข่ เนยละลาย เกลือ และพริกไทย ส่วนไส้ ประกอบด้วยฟอนติน่าชีสที่ถูกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าหรือหั่นบางๆ แฮมปรุงสุก และบางครั้งก็อาจจะใส่เห็ดเข้าไปด้วย ทั้งนี้ สามารถรับประทานเดี่ยวๆ หรือ รับประทานคู่กับเนื้อย่างได้ และเข้ากันได้ดีกับไวน์ Blanc de Morgex หรือ Erbaluce di Caluso
อันดับ 7 Blini ของ รัสเซีย
แพนเค้กรัสเซียแบบดั้งเดิม ที่ทำมาจาก แป้ง ไข่ นม ยีสต์ และเกลือเล็กน้อย โดยสิ่งที่ทำให้แพนเค้กรัสเซียแตกต่างไปจากแพนเค้กของที่อื่นคือ การใส่ยีสต์เข้าไป ขณะที่ขั้นตอนการทำ ก็จะ เทลงบนกระทะร้อนรูปร่างเป็นวงกลม แล้วทอดทั้ง 2 ด้านประมาณ 2-3 นาที ทั้งนี้ ในสมัยก่อนมักจะมีการเสิร์ฟแพนเค้กรัสเซียนี้ เป็นอาหารในพิธีการเฉลิมฉลอง Maslenitsa ซึ่งเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่ยาวนาน 1 สัปดาห์ ในช่วงสิ้นสุดฤดูหนาวและเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
อันดับ 8 Jeon (จอน) ของ เกาหลีใต้
จอน เป็นที่รู้จักในฐานะแพนเค้กเกาหลี มักเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย เครื่องเคียง หรือเป็นของว่าง โดยทั่วไปจะปรุงเป็นรูปแบบอาหารคาว แต่ก็มีบ้างที่ปรุงเป็นแพนเค้กรสชาติหวาน ทั้งนี้การทำอย่างง่ายที่สุดคือ นำส่วนผสมที่ต้องการมาใส่แป้งและไข่ผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปทอดในน้ำมัน สำหรับส่วนผสมที่นิยมใช้ ได้แก่ เนื้อสไลด์บาง สัตว์ปีก อาหารทะเล และผักต่างๆ โดยตามธรรมเนียม จอนจะถูกเสิร์ฟเป็นอาหารในช่วงวันตรุษจีนและเทศกาลเก็บเกี่ยวของเกาหลี แต่โดยทั่วไปแล้ว คนเกาหลีก็รับประทานกันได้ทุกวัน
อันดับ 9 Okonomiyai (โอโกโนมิยากิ) ของภูมิภาคคันไซ ญี่ปุ่น
ลักษณะจะคล้ายออมเล็ตหรือแพนเค้ก จัดเป็นอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม โดยส่วนผสมจะทำจาก ไข่ แป้ง น้ำ มันเทศขูด และกะหล่ำฝอย อาจมีการเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ เข้าไปในบางครั้ง เช่น ปลา อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ผัก หรือ ชีส จากนั้นก็จะนำไปทอดในกระทะ เพื่อให้ออกมามีลักษณะคล้ายแพนเค้ก เสร็จแล้วตกแต่งด้วยเครื่องปรุงรส ได้แก่ มายองเนสญี่ปุ่น ขิงดอง ปลา หรือเกล็ดสาหร่าย แล้วราดด้วยซอสที่เข้มข้น โดยสามารถรับประทานได้ทุกพื้นที่ของญี่ปุ่น แต่จะมีมากๆ ในคันไซ
อันดับ 10 Dosa (โดซา) ของรัฐทมิฬนาฑู อินเดีย
เป็นแพนเค้กแผ่นบาง ซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารอินเดียที่มีชื่อเสียงที่สุด ทำจากข้าวแช่น้ำและถั่วกรัมดำที่ถูกบดออกมาเป็นเนื้อครีม และผสมให้เข้ากันจนกลายเป็นแป้งข้น โดยมากจะถูกหมักทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นจึงนำไปอบบนกระทะที่ทาน้ำมันร้อนๆ เนื้อสัมผัสของโดซาจะบางและมีรสชาติกลมกล่อม เป็นอาหารจานหลักที่หาได้ทั่วประเทศอินเดีย
พี่ทุยต้องบอกว่า นอกจากขนมครก จะได้ตำแหน่งแพนเค้กที่ดีที่สุดอันดับ 4 ของโลกแล้ว ก็ยังพ่วงด้วยตำแหน่ง แพนเค้กทื่ดีที่สุด อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
และนอกจาก ขนมครกแล้ว ก็ยังมีขนมไทยอื่นๆ ที่ติดอันดับแพนเค้กที่ดีที่สุดในโลก และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน
ขนมครก เป็นแพนเค้กอร่อยอันดับ 4 ของโลก และอันดับที่ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรตีสายไหมอันดับ 75 ของโลก และอันดับที่ 10 ของอาเซียน ขนมโตเกียวอันดับ 85 ของโลก อันดับ 11 ของอาเซียน
เห็นแบบนี้แล้ว ก็ต้องบอกว่า ขนมไทย สุดปังไม่แพ้ชาติใดในโลกจริง ๆ อย่างไรก็ตาม พี่ทุยต้องบอกว่า ขนมไทย ที่จัดอยู่ในกลุ่มแพนเค้กนั้น ไม่ได้มีแค่นี้ ยังมีขนมไทยอื่น ที่เรารู้จักกันที่้จัดอยู่ในหมวดนี้ด้วย เช่น โรตีทอดไส้ต่างๆ และขนมเบื้อง เป็นต้น
พี่ทุยต้องบอกว่า การที่ขนมไทยเราไปติดอันดับโลกใบนี้ ก็จะส่งผลดีถึงเศรษฐกิจไทยด้วย เพราะเวลาที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเมืองไทย ก็จะอยากมาลิ้มลองขนมเหล่านี้ที่ติดอันดับโลก โดยเฉพาะขนมครก ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นโอกาสสำหรับคนไทยในต่างแดนที่จะเสนอขายขนมเหล่านี้ให้กับชาวต่างชาติได้รับประทานด้วย
สุดท้ายนี้ ใครยังไม่เคยชิมขนมไทย ลองไปหาโอกาสชิมกันดู แต่ที่สำคัญคือ รับประทานแต่พอดี จะได้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บจากการรับประทานเกินพอดีตามมา
อ่านเพิ่ม