รวม 5 แอป ซื้อขายทองออนไลน์ พร้อม 5 วิธีเทรดทอง

รวม 5 แอป ซื้อขายทองออนไลน์ พร้อม 5 วิธีเทรดทอง

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • การไปซื้อทองที่ร้านทองยังคงเป็นวิธีหนึ่งที่ง่าย และน่าเชื่อถือที่สุด
  • โปรแกรมออมทอง แบบ DCA หรือ หักเงินเพื่อซื้อทองแบบรายวัน หรือ รายเดือน หรือ จะค่อย ๆ ซื้อเมื่อเรามีเงินก็ได้ 
  • กองทุนรวมทองคำ เป็นการลงทุนทองคำทางอ้อม ผ่านการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือ ผู้จัดการกองทุนนั่นเอง 
  • Gold Future เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น และต้องใช้ความรู้ Technical Analyst
  • การซื้อหุ้นธุรกิจทองคำ การลงทุนในลักษณะนี้จะต้องใช้ใช้ความรู้ทั้งการลงทุนทองคำ และการลงทุนหุ้น และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนอย่างใกล้ชิด

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ซื้อขายทองออนไลน์ เป็นวิธีการซื้อทองแบบใหม่ ถ้าเราพูดถึงการซื้อทองแบบเก่า หรือ การลงทุนทอง พี่ทุยว่าต้องไปถามรุ่นพ่อแม่เราหรีอว่าลองไปถามอากงอาม่าดู เชื่อได้เลยว่าคนรุ่นเดอะประมาณนั้นมักจะเก็บเงินบางส่วนไว้ในรูปของทองคำแท่ง บางคนอาจจะเก็บเป็นทองในตู้เซฟเลยก็มี เพราะว่าทองปรับตัวขึ้นมาหลายสิบเท่า (มากกว่า 50 เท่า) ในช่วงอายุของเค้า เค้าก็เลยมองว่าการ “ลงทุนทองคำ” เป็นการลงทุนที่ดีมากๆตัวนึง แต่ในสมัยนี้การเดินไปร้านทองอาจจะล้าสมัยไปแล้ว วันนี้พี่ทุยเลยสรุปวิธี ซื้อขายทองออนไลน์ มาให้ฟังกัน

5 วิธี ลงทุนทอง ซื้อขายทองออนไลน์

ในสมัยนี้ที่เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้เราในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงการซื้อทองที่เราไม่จำเป็นต้องเดินไปร้านทอง และหอบทองแท่งกลับบ้านอีกแล้ว เราจึงสามารถ เลือกวิธีออมทองได้ ตามความสะดวกของเรา ไปดูกัรว่ามีวิธีไหนบ้าง

1. ซื้อทองที่ร้านทอง

จริงอยู่ที่เทคโนโลยีอาจจะเข้ามาช่วยให้เราลงทุนในทองได้ง่ายขึ้น แต่การเดินไปซื้อทองที่ร้านยังคงเป็นวิธีหนึ่งที่ง่าย และน่าเชื่อถือที่สุด เพราะ เราได้ไปสัมผัสทองจริง ๆ และเอามาเก็บไว้กับเราโดยตรง แต่วิธีนี้เราจะต้องหาที่เก็บทองให้ดี และปลอดภัย เพราะ ถ้าหาย น้ำตาไหลแน่นอนน 

โดยการซื้อทองคำ ให้เราดูที่ราคาขาย ส่วนการขายทองคำ ให้ที่ดูราคาซื้อ และคนส่วนใหญ่ ก็นิยมนิยมซื้อทองคำแท่ง 5 บาทขึ้นไป เพราะ ทองคำแท่ง ราคาต่ำกว่า 5 บาท ต้องจ่ายค่าบล็อก 150 บาท ถึง 300 บาท

ยิ่งไปกว่านั้นการเลือกชนิดทองคำเพื่อการลงทุน ควรเลือกลงทุนในทองคำแท่ง เพราะ ราคาซื้อ – ขาย ทองคำแท่ง แตกต่างกันน้อยกว่า ทองรูปพรรณ ฉะนั้นเมื่อราคาขึ้น จะทำให้เกิดกำไรเร็วกว่า

กล่าวคือ โดยปกติแล้ว ราคารับซื้อทองคำแท่ง 1 บาท อยู่ที่ 29,650 แต่ราคาที่ร้านทองขายอยู่ที่ 29,750 บาท

ส่วนราคาทองคำรูปพรรณ ราคารับซื้อ 1 บาท อยู่ที่ 29,122.36 บาท แต่ราคาขายอยู่ที่ 30,250 บาท (ราคาทอง ณ วันที่ 13 ม.ค. 2566)

ทำให้หากราคาทองเพิ่มขึ้น 200 บาท เราจะสามารถขายทองคำแท่งได้ทันที ที่ราคาร้านทองรับซื้อ 29,850 บาท จากทุนที่ 29,750 บาท 

แต่ถ้าเป็นทองคำรูปพรรณ ราคารับซื้อจะเป็นจะเป็น 29,322 บาท แต่ต้นทุนเราจะอยู่ที่ 30,250 บาท ซึ่งยังขาดทุนอยู่ นั่นเอง

2. ซื้อทองออนไลน์ ที่ไหนดี

ถ้าใครอยากซื้อทองคำแต่ไม่มีที่เก็บ พี่ทุยแนะนำทางเลือกนี้เลย โดยเราจะออมทองแบบ DCA หรือ หักเงินเพื่อซื้อทองทุกเดือน หรือ จะค่อย ๆ ซื้อเมื่อเรามีเงินก็ได้ 

ข้อดีของโปรแกรมออมทอง ก็สามารถซื้อได้รวดเร็ว สะดวก ซื้อได้บนออนไลน์ ราคาเรียลไทม์ Gold Spot ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ต้องซื้อครั้งละมาก ๆ ด้วย 

อีกทั้งเมื่อเราซื้อทองครบเงื่อนไขร้านค้า ก็สามารถนำไปถอนออกมาเป็นทองจริงได้เลยนั่นเอง 

วันนี้พี่ทุยรวบรวม 5 แอปออมทอง พร้อมสรุปเงื่อนไขมาให้ดูกัน

รวม 5 แอป ซื้อขายทองออนไลน์ พร้อม 5 วิธีเทรดทอง

1) ซื้อทองออนไลน์ YLG หรือ YLG GOLDSAVING

  • ออมขั้นต่ำ: ออมทองรายวัน เริ่ม 100 บาท / ออมทองรายเดือน เริ่ม 1,000 บาท
  • รูปแบบการออม: (ทอง 96.5% เเละ 99.99%)
    ออมรายวัน: ไม่จำเป็นต้องออมทองทุกวัน พร้อมค่อยโอน
    ออมรายเดือน: เป็นการหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ ตามวันที่ต้องการ
  • รับทองจริง: ครบ 1 กรัม และสามารถสั่งขายทองคำเพื่อรับเป็นเงินสดเข้าพอร์ตได้

2) ซื้อทองออนไลน์ แม่ทองสุก (MTS)

  • ออมขั้นต่ำ: 0.1 กรัม หรือ ประมาณ 150 บาท
  • รูปแบบการออม: (ทอง 96.5%) รายวัน ทำได้ 24 ชม.
  • รับทองจริง: ครบ 1 กรัม

3) ซื้อทองออนไลน์ GCAP

  • ออมขั้นต่ำ: เดือนละ 500 บาท
  • รูปแบบการออม: ออมทอง 96.5% รายเดือน หักเงินผ่านบัญชีฝากอัตโนมัติ (ATS) ทุกวันทำการที่ 1 ของเดือน
  • รับทองจริง ครบ 1 กรัม

4) ซื้อทองออนไลน์ ฮั่วเซ่งเฮง

  • ออมขั้นต่ำ: ออมทองรายวัน และ รายเดือน เริ่ม 1,000 บาท 
  • รูปแบบการออม: (ทอง 96.5%) รายวัน ได้ตลอด 24 ชม. รายเดือน หักเงินผ่านบัญชีฝากอัตโนมัติ (ATS) ทุกวันทำการที่ 1 ของเดือน
  • รับทองจริง: ครบ 1 สลึง หรือ 25 สตางค์

5) ซื้อทองออนไลน์ AUSIRIS

  • ออมขั้นต่ำ: รายเดือน เริ่ม 1,000 บาท
  • รูปแบบการออม: (ทอง 96.5%) หักผ่านบัญชีอัตโนมัติ (ATS)  ทุกต้นเดือน
  • รับทองจริง: ครบ 1 กรัม

3. กองทุนรวมทองคำ

เป็นอีกหนึ่งวิธีการลงทุนทองคำทางอ้อม ผ่านการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือ ผู้จัดการกองทุนนั่นเอง 

หากใครต้องการลงทุนทองด้วยวิธีนี้ ควรซื้อกองทุนรวมดัชนี แบบ Passive Fund ลงทุนใน SPDR Gold Trust กองทุนทองที่ใหญ่ที่สุด และราคาใกล้เคียง Gold Spot ที่สุด 

และควรลงทุนในกองทุนทองที่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงินแล้ว (Fully Hedging) เพราะค่าเงินมีทั้งอ่อนค่า – แข็งค่า โดยสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่า กองทุนที่มี Hedging จะมีค่าธรรมเนียมกองทุนประมาณ 0.5% ต่อปี

4. วิธีการเทรดทอง ผ่าน ตราสารอนุพันธ์ หรือ Gold Future

การลงทุนวิธีนี้เป็นวิธีที่เสี่ยงมากกกกกก ถึงมากที่สุด เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น และต้องใช้ความรู้ Technical Analyst เป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถลงทุนด้วยการเปิดบัญชีหุ้น และเปิดบัญชีอนุพันธ์แยกเพื่อไปเทรดได้นั่นเอง

การลงทุนด้วย Gold Future นี้เป็นการวางหลักประกัน บางส่วน แล้วซื้อสัญญา เพื่อเก็งว่าราคาทองคำจะขึ้น (Long) หรือ ลง (Short) และความเสี่ยงขึ้นอยู่กับหลักประกันที่วางด้วย ถ้าน้อย พอร์ตจะแตกได้ง่าย 

หรือจะให้อธิบายให้เห็นภาพ ก็คือ Gold Futures เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า นักลงทุนจึงไม่ต้องจ่ายเงินทั้งจำนวน เพียงแค่วางเงินหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1 ใน 10 ของมูลค่าสัญญาทั้งจำนวนไว้กับโบรกเกอร์อนุพันธ์ เพื่อเป็นเงินมัดจำ ก่อนส่งคำสั่งซื้อขาย

ในกรณีขาดทุน จนเงินในบัญชีลดลงต่ำกว่าระดับเงินประกันขั้นต่ำ (Maintenance Margin) โบรกเกอร์จะมีการเรียกให้วางเงินหลักประกันเพิ่ม นักลงทุนจะต้องนำเงินมาวางเพิ่มเพื่อให้ยอดเงินประกันในบัญชีกลับมาอยู่ในระดับหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) ถือเป็นการแจ้งเตือนนักลงทุนว่า ถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่าจะ “ไปต่อ” หรือ “หยุดเท่านี้” ถ้าไปต่อก็ต้องโอนเงินหลักประกันเข้ามาเพิ่ม ถ้าหยุดเท่านี้ ก็ต้องปิดสถานะหรือขายตัดขาดทุน (Cut Loss)

5. การซื้อหุ้นทองคำ 

ถ้าวิธีทั้งหมดที่เล่ามา ยังไม่ถูกใจ พี่ทุยขอเสนอวิธีนี้เลย ลงทุนด้วยการเป็นเจ้าของธุรกิจทองซะเลย 

การลงทุนในลักษณะนี้จะต้องใช้ใช้ความรู้ทั้งการลงทุนทองคำ และการลงทุนหุ้น และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนอย่างใกล้ชิด เพราะ ต้องเข้าใจและวิเคราะห์ธุรกิจทองคำ ทั้งปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค ให้ได้ว่าป้จจัยต่าง ๆ จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างไร ไม่เพียงแค่ราคาทอง แต่ต้องอ่านงบการเงินของบริษัทด้วยนั่นเอง

ปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจมีทั้งมาจากภายในธุรกิจ และภายนอกธุรกิจเอง เช่น ความผันผวนของราคาทองคำโลก , ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน , ผลประกอบการ , ภาระหนี้และสภาคล่องทางการเงินของธุรกิจ รวมไปถึงอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น P/E D/E เป็นต้น 

ประกอบกับการดูปัจจัยทางเทคนิคจากการวิเคราะห์ราคาและพฤติกรรมของนักลงทุนในตลาดผ่าน Indicators ต่าง ๆ เช่น RSI , MACD , Price Pattern เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น ควรศึกษาข้อมูลเฉพาะของธุรกิจ เพิ่มเติม เช่น สัดส่วนรายได้มากจากแร่ชนิดไหนบ้างไหน ระยะเวลาที่ได้สัมปทาน และแผนธุรกิจในอนาคต เพ่อใช้คาดคะเนว่าธุรกิจที่เรากำลังลงทุนนั้นจะมีอนาคตเป็นอย่างไร เพื่อใช้ตัดสินใจว่าเราควรลงทุนต่อไปหรือไม่ เหมือนกับการลงทุนในหุ้นสามัญแบบนั้นเลย

ตัวอย่างการลงทุน คือ  AURA ร้านค้าทองคำแรกในตลาดหุ้นไทย, ETF ทองในไทย คือ GLD ซื้อขายได้บน Streaming หรือ การลงทุนในต่างประเทศ เช่น เหมืองทองคำต่างประเทศสามารถค้นหา Gold Miner ETF ได้ ต้องเปิดพอร์ตหุ้นต่างประเทศ หรือ การซื้อกอง ETF ผ่าน บลจ. ไทยที่ไปลงทุนต่างประเทศนั่นเอง

เป็นยังไงกันบ้างกับ 5 วิธีการลงทุนทองที่พี่ทุยเอามาฝากในวันนี้ สามารถเลือกการลงทุนในแบบฉบับบที่เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการลงทุนของเราได้เลยนะ เพราะ ยิ่งสามารถผสมผสานกับการใช้ชีวิตเราได้ง่าย เราก็จะสามารถจัดการการลงทุนนั้นได้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง

ซื้อขายทองออนไลน์ เสียภาษีไหม ?

พี่ทุยอยากบอกว่า จริง ๆ แล้วการซื้อขายทองคำนั้นเข้าข่าย “ประเภทเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี” ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9) ที่กล่าวว่า “(9) การขายสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก หรือสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร แต่ไม่รวมถึงเรือกำปั่น เรือที่มีระวางตั้งแต่หกตันขึ้นไป เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ที่มีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไปหรือแพ”

นั่นทำให้ทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณที่บุคคลทั่วไปครอบครองอยู่นั้น ถือว่าเป็นเพียงการซื้อหรือขายสินทรัพย์ส่วนตัว เช่นเดียวกันกับการถือครองอัญมณี และเข้าเงื่อนไขที่ของ “สังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร” นั่นเอง

แล้วถ้านักลงทุนรุ่นใหม่ ๆ อยากลงทุนทองคำ บ้างล่ะ ? ยังสามารถทำได้หรือเปล่า ? 

พี่ทุยต้องขอท้าวความก่อนว่าทองคำนอกจากจะมีหน้าที่เป็นเครื่องประดับแล้ว อีกหน้าที่นึงที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือเอามาเป็นสินทรัพย์หนุนหลังค่าเงิน (ยกเว้นค่าเงินดอลล่าร์) เวลาที่ธนาคารกลางของประเทศนั้นจะพิมพ์เงินเพิ่มจะต้องมีสินทรัพย์ไปหนุนหลังเสมอ ทองคำก็เป็นสิ่งนึงที่สามารถเอาไว้หนุนหลังตรงนั้นได้

แล้วตลาดทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกเวลาที่เค้าซื้อขายกันก็มักจะซื้อขายเป็น “ดอลลาร์” เป็นหลัก ดังนั้นเราจะสังเกตได้ว่าเวลาที่ค่าเงินดอลล่าร์แข็ง ราคาทองก็จะลง (ใช้ดอลล่าร์น้อยลงเพื่อซื้อทองปริมาณเท่าเดิม) เวลาที่ค่าเงินดอลล่าร์อ่อน ทองคำก็จะราคาขึ้น (ใช้ดอลล่าร์เยอะขึ้นเพื่อซื้อทองปริมาณเท่าเดิม)

เราจะเห็นได้ว่าเมื่อเงินที่เราถืออยู่ไม่ว่าสกุลอะไรมีมูลค่าน้อยลงหรืออ่อนค่าลงก็ตาม ราคาทองจะขยับปรับตัวขึ้นได้ดี มาถึงตรงนี้พี่ทุยกำลังพูดถึง “เงินเฟ้อ” ที่เป็นปัจจัยนึงที่ทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้นได้ดี ถ้าเงินเฟ้อมาราคาทองก็มักจะปรับตัวขึ้นเช่นกัน

ถ้าถามว่าลงทุนทองคำได้มั้ย พี่ทุยแนะนำว่าให้มีติดพอร์ตไว้ประมาณ 2-5% ก็ไม่เลว เพราะว่าเป็นตัวช่วยในการบริหารความเสี่ยงต่างๆ รวมไปถึงบริหารความเสี่ยงเรื่องค่าเงินได้เป็นอย่างดีอยู่เหมือนกัน ถ้าสมมติว่าเกิดมีวิกฤตค่าเงินแบบปี 40 ที่เราเจอ ทองคำที่เราถือจะมีมูลค่าสูงขึ้นทันทีเมื่อเทียบเป็นเงินบาท ในช่วงทุกคนเกิดความกลัว เงินบางส่วนจะไหลเข้าสู่ Safe Heaven อย่างทองคำแน่นอน ตราบใดที่โลกนี้ยังให้ความสำคัญและเชื่อถือกับทองคำอยู่

พี่ทุยว่าการ “ลงทุนทองคำ” ก็เป็นสิ่งที่ควรมีติดพอร์ตอยู่เหมือนกัน ถึงการลงทุนทองคำจะไม่เหมือนการลงทุนอื่นๆ อย่างหุ้นก็มีเงินปันผล อย่างตราสารหนี้ก็มีดอกเบี้ย หรืออย่างอสังหาริมทรัพย์ก็มีค่าเช่าก็ตาม การลงทุนทองคำก็ยังมีส่วนลดความเสี่ยงได้ แล้วนอกจากที่จะเป็นการลงทุนแล้วยังสามารถเอาไปขอสาวๆได้ด้วยนะหนุ่มๆ ฮี่ฮี่ 

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile