จัดบ้าน นอกจากจะทำให้บ้านสะอาด น่าอยู่ ไม่สกปรกจนป่วยแล้ว ใครจะไปรู้ ว่าแค่จัดเก็บบ้านให้เป็นระเบียบก็ทำให้เรารวยขึ้นได้ ! คืองี้ พี่ทุยได้มีโอกาสอ่านหนังสือออกใหม่เล่มหนึ่งในชื่อ “เทคนิคเลิกเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่” ซึ่งในเล่มเขาจะเล่าถึงวิถีชีวิตของนักเขียนที่เป็นคนแบบมินิมอลลิสต์ ใช้น้อย แต่ใช้นะ โดยเขาจะพูดว่าการจัดบ้านตามสไตล์มินิมอลเนี่ยมันช่วยให้เขารวยขึ้นได้ตามหลักจิตวิทยา ซึ่งเขาสรุปมาให้อ่าน 9 ข้อ ตามนี้เลยฮะ
จัดบ้านเสร็จทำไมถึงมีเงินเพิ่มขึ้นได้
บอกก่อนว่าการจัดบ้านแล้วทำให้เรารวยขึ้นได้ ไม่ใช่วิธีที่ทำให้รวยขึ้นแบบทำปุ๊ป รวยปั๊ปอะไรงี้ แต่มันเป็นหนึ่งในจิตวิทยาการเงินรูปแบบหนึ่งที่เมื่อเราทำแล้ว จะเป็นการจัดระเบียบสมองและความคิดของตัวเองให้คมชัดยิ่งขึ้น ทำให้เรารู้ว่า อ๋อ โอเค เป้าหมายของเราควรทำอะไรต่อ ควรเก็บเงินยังไง และเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตให้เราดึงดูดเงินเข้ามาหาตัวมากขึ้นนี่แหละคับ โดยทางผู้เขียนได้แบ่งหลักจิตวิทยาออกเป็น 9 ข้อ ตามนี้เลยฮะ
1. การจัดบ้านทำให้ชีวิตเราสบายขึ้นเยอะ เคลียร์จิต เคลียร์ใจให้สะอาด
เพราะการเก็บกวาดห้องจะทำให้เราเห็นชัดเจนมากขึ้นว่า ของชิ้นไหนจำเป็น อันไหนไม่จำเป็น ชิ้นไหนใช้บ่อน ชิ้นไหนช่วยให้เราทำงานสะดวกขึ้น และชิ้นไหนที่เราชอบมันมาก ๆ จนไม่อยากทิ้ง พอเราเจอของพวกนี้เราก็จะรู้สึกว่า “โอ้ ดีจัง แค่เห็นของพวกนี้ก็ทำให้มีความสุขแล้ว” และเราก็จะรู้สึกพอใจกับของที่มีอยู่ตอนนี้ ความอยากได้ อยากมีบางส่วนก็จะลดลงไป ความอยากซื้อของแบบชั่ววูบก็จะจางลงไปด้วย
2. จัดบ้านทำให้มีรายได้จากการขายของไม่จำเป็น
จัดบ้านไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นละว่าของชิ้นไหนจำเป็น อันไหนทิ้งได้ก็ทิ้ง แต่ของที่จะทิ้งบางทีมันก็มีมูลค่าที่สูง พวกของแบรนด์เนม เครื่องประดับ เสื้อผ้าที่ใส่แทบจะนับนิ้วได้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ตกรุ่นไปแล้ว แต่ก็ยังเก็บไว้อยู่ ไม่รู้เก็บไว้ทำไม เครื่องสำอางราคาแพงที่ใช้อยู่แค่ปลายนิ้ว หรือ Art Toy ที่วางไว้เฉย ๆ ไม่รู้ว่าเสียเงินเป็นพันซื้อมาทำไม ของเหล่านี้ถ้าเราจัดการหาช่องทางขายให้มันได้ ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอนคับ หรือสำหรับใครที่มีหนี้ก็ขายของปลดหนี้ได้เช่นกัน
3. เกิดวงจร ซื้อมาทิ้งไป
แบบฮาวทูทิ้ง ถ้าจะอยากซื้อของใหม่อย่างหนึ่งก็ต้องทิ้งอย่างหนึ่ง เหมือนเป็นกฎการแลกเปลี่ยน ถ้าคุณอยากได้อย่างนึงมา คุณก็ต้องเสียอย่างนึงไป เมื่อเกิดการซื้อแล้วทิ้งเป็นประจำแล้ว สิ่งของที่เรามีก็จะไม่เยอะเกินจนรก เกะกะบ้าน และยังเป็นการเปลี่ยนสิ่งรอบตัวให้ดูทันสมัยขึ้น สะอาดขึ้น และปลอดภัยขึ้น โดยของที่เราทิ้งไว้ เน้นว่าเป็นของที่ไม่จำเป็นขนาดนั้นหรีอของที่เอาไปขายแล้วได้ราคาดีฮะ เช่น อยากซื้อไดร์เป่าผมใหม่ ก็ต้องกล้าทิ้งหรือขายไดร์เป่าผมตัวเก่าในบ้าน
แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราซื้ออะไรมาแล้วต้องทิ้งมันทุกอย่างนะฮะ มันก็จะมีของบางอย่างที่เราซื้อมาในราคาที่ค่อนข้างสูงหน่อย แต่คุณภาพดี ทนทาน ใช้งานง่าย ซึ่งถ้าเราทะนุถนอนมันก็จะทำให้มันอยู่กับเรานาน ลดการซื้อของเข้ามาแทนของชิ้นนี้ไปได้ในระยะยาวนั่นเอง แถมถ้าเอาไปขายต่อเผลอ ๆ จะได้ราคาดีด้วยนะ
4. จัดบ้าน ช่วยฝึกทักษะหาของที่ไม่จำเป็น
คือถ้าใครเป็นพ่อบ้าน แม่บ้าน ตอนรื้อบ้านก็จะคำถามมากมายผุดในหัวว่า “เราซื้อชิ้นนี้มาทำไมนะ” “เสียดายเงินแหะ เอาไปซื้ออย่างอื่นดีกว่าไหมนี่” ทำนองนี้คับ รวม ๆ มันก็คือความเสียดายเงิน ซึ่งทำให้เรามีแรงจูงใจในการประหยัดเงินและรู้จักจัดการการใช้จ่ายมากขึ้น เราจึงกลายเป็นคนที่เก็บเงินเก่ง เพราะเราจะชอบหาจุดผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ และสามารถจัดการกับปัญหานั้นได้ทันที
5. ไม่เสียเงินโดยไม่จำเป็น
ถ้าเรามีของน้อยชิ้นตั้งแต่แรก บ้านมันก็จะดูโล่ง ว่าง กว้าง สบายตา ดูไม่รก เราก็จะมีเงินเหลือกินเหลือใช้เอาไปทำอะไรอย่างอื่นได้อีกตั้งเยอะ กลับกันถ้าเราไม่เคลียร์บ้านเลยจะเกิดอะไรขึ้น ? บ้านก็จะไม่เป็นระเบียบ บ้านจะดูรก สกปรก หาของที่อยากได้ในเวลาที่จำเป็นไม่เจอ เกิดความเครียด เผลอ ๆ ต้องออกไปซื้อมาใหม่อีก พอซื้อเสร็จก็เพิ่งเจอว่าอันเก่าก็ยังอยู่ กลายเป็นมีของงอกขึ้นมาอีกชิ้น พอของงอกก็ต้องหาห้องมาใส่ของ ถ้าห้องไม่มีก็ต้องซื้อตู้มาใส่ของ กลายเป็นว่าจากปัญหาไม่ได้จัดการบ้านอย่างเดียวดันลลลามปามจนต้องเสียเงินซื้อของเดิมเข้ามาอีกกลายเป็นลูปดินพอกหางหมูไม่รู้จบ
6. เจอสิ่งที่อยากทำได้ด้วยตัวเอง
เพราะการจัดบ้านจะทำให้เราเจอของที่ตัวเองชอบมาก ๆ หรือ ของที่มีความสำคัญสุด ๆ ซึ่งมันก็ต่อยอดไปเป็นสิ่งที่เราอยากทำในอนาคตได้ด้วย เราจึงอยากเก็บเงินไว้ทำในสิ่งที่ชอบโดยเฉพาะ เช่น เราจัดบ้านอยู่แล้วไปเจอว่าเราก็ซื้อหนังสือมาอ่านเยอะเหมือนกันนะ และมีหลายเล่มเลยที่เราอ่านครั้งเดียวแล้วไม่ได้อ่านอีก หรือบางเล่มอ่านไม่จบด้วยซ้ำ คิดไปคิดมา เราก็เจอความชอบว่า “หรือ เราเปิดร้านขายหนังสือมือสองดีนะ ?” นอกจากจะช่วยเคลียร์หนังสือในบ้านแล้ว ยังเป็นอีกวิธีที่หาเงินเสริมได้ด้วย
7. ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น มีสมาธิยาว
ข้อนี้จะเป็นเชิงจิตวิทยานิด ๆ โดยมาจากหลักการ “ความผูกพันทางสถานที่” หรือ Place Attachment ที่ตัวตนของเรากับพื้นที่ที่เราอยู่เป็นตัวสะท้อนตัวตนเราแบบสองทาง ง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเราเป็นคนขี้เกียจอยู่แล้ว ห้องเรามันก็จะรกขึ้นเรื่อย ๆ หรือถ้าห้องเรารกขึ้นเรื่อย ๆ เราก็กลายเป็นคนขี้เกียจแทน
เช่นกันเมื่อห้องรกก็ส่งผลให้จิตใจเราวุ่นวาย ว้าวุ่นไปด้วย โดยมีสัญญาณเตือน ได้แก่ ปัญหาสุขภาพ ป่วยง่าย โฟกัสได้ไม่ดี การทำงานแย่ลง ซึ่งถ้าเราทำงานแย่ลงก็มีสิทธิที่นายจ้างมองแล้วว่าเราจะมีประสิทธิภาพการทำงานมั้ยน้า และก็อาจจะเอาเราออกจากออฟฟิศก็ได้
8. จัดบ้าน ทำให้นิสัยเปลี่ยนได้ (แต่เปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น)
ในเชิงจิตวิทยาเมื่อเคลียร์ของไปเยอะ สภาพจิตใจก็ยิ่งโล่งตามไปด้วย ทำให้รวม ๆ ความคิด สภาพจิตใจ นิสัยของเราเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันสามารถส่งผ่านสู่คนอื่นได้เหมือนเชื้อโรค แต่อันนี้ดีกว่า พอทุกคนเห็นเรามีความสุข เขาก็จะสุขตามไปด้วย เกิดเป็นความผ่อนคลาย และความอ่อนโยนขึ้นทั้งสองฝ่าย เราก็จะมีความสุขมากพอที่จะทุ่มทำงานเพื่อคนอื่นได้ จนได้รับความไว้วางใจ และในระยะยาวก็อาจได้รับความไว้วางใจมากพอให้เลื่อนตำแหน่ง หรือปรับเงินเดือนให้
9. มีเวลาหารายได้เสริม
พอสิ่งของน้อยลงก็ไม่ต้องไปวุ่นวายจัดบ้านอีกหลาย ๆ รอบ เราก็เอาเวลาส่วนนี้ไปหางานเสริม สร้างรายได้ จะเปิดธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ หรือเป็น Youtuber ก็แล้วแต่สะดวกเลยฮะ
สรุปแล้ว การจัดบ้านไม่ได้เพียงแค่ทำให้บ้านสะอาดและน่าอยู่เท่านั้น แต่ยังเป็นการจัดระเบียบความคิดและจิตใจของเราอีกด้วย เราจะได้เห็นสิ่งของที่จำเป็นและไม่จำเป็น ช่วยให้เราประหยัดเงินมากขึ้น มีรายได้จากการขายของที่ไม่ใช้แล้ว มีเวลามากขึ้นในการหารายได้เสริม และมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น ที่สำคัญ การจัดบ้านยังส่งผลดีต่อสภาพจิตใจ ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นและส่งต่อความสุขนี้ให้กับคนรอบข้างได้อีกด้วย
ถ้าใครสนใจทริกการวางแผนการเงินอื่น ๆ อีก เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยฮะ ชีทวางแผนการเงินสไตล์พี่ทุย
หรือติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ facebook