ส่อง สิทธิลาคลอด ทั่วโลก คุณแม่คนไทยมีสวัสดิการอะไร

ส่อง สิทธิลาคลอด ทั่วโลก คุณแม่คนไทยมีสวัสดิการอะไร

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • องค์การแรงงานระหว่างประเทศ กำหนดเกณฑ์การดูแลคนท้องที่ทำงานเอาไว้ว่า นายจ้างทั่วโลกจะต้องให้ลาคลอดขั้นต่ำได้ 14 สัปดาห์ พร้อมกันนี้ยังระบุว่า ระยะเวลาลาคลอดบุตรที่เหมาะสม ที่สนับสนุนให้มีคือ​ 18 สัปดาห์ 
  • ประเทศที่ให้ระยะเวลาลาคลอดนานที่สุดในโลก คือ บัลแกเรีย 58.60 สัปดาห์ รองลงมาคือ กรีซ 43 สัปดาห์ และอังกฤษ 39 สัปดาห์ ส่วนสหรัฐฯ เป็นประเทศที่คุ้มครองการลาคลอด และมีสิทธิประโยชน์การลาคลอดน้อยกว่าประเทศอื่นในกลุ่ม ​OECD โดยที่แต่ละรัฐมีการกำหนดจำนวนสัปดาห์ที่ให้ลาคลอดได้ และการจ่ายเงินช่วงลาคลอดแตกต่างกันไป 
  • ไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ให้สิทธิประโยชน์การลาคลอดต่ำกว่าอีกหลายประเทศในโลก โดยมีจำนวนวันลาคลอดตรงตามเกณฑ์ขั้นต่ำของ ILO คือ 98 วัน หรือ 14 สัปดาห์ ขณะที่การจ่ายเงินช่วงลาคลอด นายจ้างจะจ่ายเต็ม 100% ในช่วง 45 วันแรก ส่วนสำนักงานประกันสังคม จะจ่าย 50% ของค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท รวม 45 วัน ซึ่งคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 11,250 บาท
  • รวมสิทธิประโยชน์สำหรับการคลอดบุตรในไทย นอกเหนือจากเรื่องลาคลอด และค่าจ้างที่ได้ช่วงลาคลอด ยังสามารถใช้สิทธิประกันสังคมกรณีฝากครรภ์ คลอดบุตร เงินสงเคราะห์บุตร 800 บาทต่อเดือน และหากเข้าเกณฑ์ก็อาจได้เงินอุดหนุนบุตร 600 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ หากเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็สามารถลดหย่อนบุตร ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตรได้ด้วยเช่นกัน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เดี๋ยวนี้หลายประเทศอัตราการการเกิดต่ำ จะมีลูกทั้งที ก็มีเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ต้องคิดหนัก วันนี้พี่ทุยขอพาไปดูทั่วโลกว่า ประเทศไหนที่มีสิทธิประโยชน์สำหรับคนทำงานที่ตั้งครรภ์ดีที่สุด แล้ว สิทธิลาคลอด สำหรับคนไทย เป็นยังไงบ้าง มีสวัสดิการอะไรให้แม่และเด็กบ้าง เทียบชั้นได้กับประเทศอื่นในโลกรึเปล่า

สิทธิลาคลอด คืออะไร

สิทธิประโยชน์ที่สามารถชี้วัดชัดเจนก็คือ “การลาคลอด” ซึ่งหมายถึง​การที่คนทำงานซึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์ ขอลาพักจากการทำงาน หลังจากให้กำเนิดบุตร โดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organiztion : ILO) ได้กำหนดเกณฑ์คุ้มครองการคลอดบุตรเอาไว้

เพื่อให้แน่ใจว่า แม่และทารกที่เพิ่งคลอดจะมีความเป็นอยู่ที่ดี รวมทั้งเพื่อให้ผู้หญิงสามารถประสบความสำเร็จในการผสมผสานการทำหน้าที่ทั้งการเป็นแม่ และการกลับมาทำงานได้เป็นอย่างดี ภายใต้ความคุ้มครองไม่ให้เกิดความไม่เท่าเทียมในการดูแลในที่ทำงาน รวมถึงการได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในที่ทำงานผู้หญิงและผู้ชาย

ทั้งนี้ ILO กำหนดว่า ในการทำงานนายจ้าทั่วโลกจะต้องให้สิทธิหญิงที่คลอดบุตร ลาคลอดได้ขั้นต่ำ 14 สัปดาห์ (98 วัน) แต่ก็ระบุไว้ว่า สนับสนุนให้มีระยะเวลาลาคลอดที่เหมาะสม คืออย่างน้อย 18 สัปดาห์ (126 วัน) 

ขณะที่ความคุ้มครองสำหรับการคลอดบุตร ควรปะกอบไปด้วย 

  1. การลาคลอด
  2. การคุ้มครองสุขภาพในสถานที่ทำงาน สำหรับหญิงมีครรภ์ และหญิงที่ให้นมบุตร
  3. สิทธิประโยชน์ที่เป็นตัวเงินและทางการแพทย์
  4. การคุ้มครองการจ้างงาน และการไม่เลือกปฏิบัติในที่ทำงาน
  5. การสนับสนุนการให้นมบุตร หลังกลับเข้าทำงาน 

สรุปข้อมูลการให้สิทธิประโยชน์การลาคลอดทั่วโลก   ​ 

  • 98 ประเทศ ปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของ ILO ในการให้ลาคลอดได้ขั้นต่ำ 14 สัปดาห์ 
  • 107 ประเทศ มีการให้สิทธิประโยชน์ลาคลอดในรูปเงินผ่านประกันสังคม
  • 74 ประเทศ ให้สิทธิประโยชน์ลาคลอดในรูปเงิน อย่างน้อย 2 ใน 3 ของ รายได้ขั้นต่ำ 14 สัปดาห์ 
  • 121 ประเทศ จัดให้มีเวลาในการพักให้นมบุตร หลังจากลาคลอด
  • 78 ประเทศ มีสิทธิประโยชน์ ให้กับฝ่ายชาย ที่ลาเพื่อไปช่วยเลี้ยงบุตรได้หลังคลอด โดยในจำนวนนี้มี 70 ประเทศ​ที่จ่ายเงินให้ด้วยในช่วงที่ลา 
  • มีเพียง 5 ประเทศ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์​ ลิธัวเนีย โปรตุเกส และสโลวีเนีย ที่ให้ฝ่ายชาย ลาไปช่วยเลี้ยงบุตรหลังคลอดได้มากกว่า 2 สัปดาห์​

ที่มา : ILO

พี่ทุยจะพามาดูเพิ่มเติมว่า ถ้าดูกันในเรื่องลาคลอด และการจ่ายเงินในช่วงลาคลอด มีประเทศไหนโดดเด่นบ้าง โดยข้อมูลนี้มาจากการจัดอันดับโดยเว็บไซต์ worldpopulationreview.com 

10 อันดับประเทศที่ให้วันลาคลอดนานที่สุดในโลก 

ส่อง สิทธิลาคลอด ทั่วโลก คุณแม่คนไทยมีสวัสดิการอะไร

สำหรับระยะเวลาลาคลอดข้างต้นนั้น เป็นเพียงระยะเวลาขั้นต่ำที่ประเทศกำหนดไว้ โดยบางประเทศมีทางเลือกให้ผู้ปกครองสามารถขยายระยะเวลาในการลาออกไปได้อีก เช่น เอสโตเนีย ที่แม่สามารถลาคลอดได้ 20 สัปดาห์ โดยได้รับการจ่ายค่าจ้างเต็ม 100% แต่มีทางเลือกเพิ่มเติม ให้สามารถลาคลอดได้นานถึง 62 สัปดาห์​ เพียงแต่ในช่วงที่ให้ลาได้เพิ่มขึ้นนั้น อาจจะจ่ายค่าจ้างให้แม่หรือพ่อของเด็กในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป 

ขณะที่ ออสเตรีย ให้ลาคลอดได้ขั้นต่ำ 16 สัปดาห์ โดยจ่ายค่าจ้าง 100% และมีทางเลือกเพิ่มเติม ลาคลอดได้ 44 สัปดาห์ โดยได้ค่าจ้างในอัตรา 73.1% เป็นต้น 

ในส่วนของสหรัฐฯ​ ไม่มีการกำหนดการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับการลาคลอดเอาไว้ในระดับประเทศ โดยถือเป็นประเทศที่มีการคุ้มครองการลาคลอดและสิทธิประโยชน์ที่น้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรัฐบาลกลาง ได้มีการออกกฎหมายการลาโดยได้รับค่าจ้าง สำหรับพนักงานของรัฐบาลกลางเอาไว้ โดย ให้ผู้ปกครองที่เป็นพนักงานของรัฐบาลกลาง ได้รับสิทธิลาโดยได้รับค่าจ้าง 12 สัปดาห์ โดยการลานั้น กำหนดให้ทำได้ภายใน 12 เดือน หลังทารกเกิด ขณะที่ แต่ละรัฐของสหรัฐฯ​ ก็มีการกำหนดสิทธิประโยชน์สำหรับการลาคลอดเอาไว้แตกต่างกันไป

การให้สิทธิประโยชน์ลาคลอดของรัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ 

  • แคลิฟอร์เนีย ลาคลอดได้ 8 สัปดาห์ จ่าย 60-70% ขึ้นอยู่กับระดับรายได้
  • โคโลราโด ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 90% กำหนดเพดานที่ 1,100 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
  • คอนเน็กติกัต ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 95% ของค่าจ้างขั้นต่ำ + 60% ของค่าจ้างที่เกินกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ และกำหนดเพดานที่ 941.40 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
  • เดลาแวร์ ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 80% กำหนดเพดานที่ 900 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ (เริ่มบังคับใช้ปี 2569)
  • แมสซาชูเซตส์ ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 80% กำหนดเพดานที่ 1,149.90 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
  • แมรี่แลนด์ ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ โดยมีอัตราการจ่ายค่อนข้างหลากหลาย  กำหนดเพดานที่ 1,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ (เริ่มบังคับใช้ปี 2569)
  • เมน ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 66-90% ขึ้นอยู่กับระดับรายได้ (เริ่มบังคับใช้ปี 2569)
  • มินเนสโซตา ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 90% ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับระดับรายได้ (เริ่มบังคับใช้ปี 2569)
  • นิวเจอร์ซีย์ ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 85% กำหนดเพดานที่ 1,055 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ 
  • นิวยอร์ก ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 67% กำหนดเพดานที่ 1,151.16 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ 
  • โอเรกอน ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 100% กำหนดเพดานที่ 1,524 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ 
  • โรดไอส์แลนด์ ลาคลอดได้ 6 สัปดาห์ จ่าย 55% กำหนดเพดานที่ 1,043 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ 
  • วอชิงตัน ลาคลอดได้ 12 สัปดาห์ จ่าย 90% กำหนดเพดานที่ 1,456 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์​

คราวนี้มาดูกันว่า ถ้าเราไม่ได้ดูจำนวนวันลาคลอดที่ให้ แต่ดูเฉพาะการจ่ายค่าจ้างในช่วงลาคลอด มีประเทศไหนบ้างที่จ่ายค่าจ้างให้ 100% ในช่วงที่ลาคลอด

รายชื่อประเทศที่จ่ายค่าจ้างให้ 100% ในช่วงที่ลาคลอด 

  • ออสเตรีย
  • บราซิล
  • ชิลี
  • โคลัมเบีย
  • คอสตาริกา
  • โครเอเชีย
  • เอสโตเนีย
  • ฮังการี
  • ฝรั่งเศส
  • เยอรมนี
  • อินเดีย
  • อิสราเอล
  • มาเลเซีย
  • เม็กซิโก
  • เนเธอร์แลนด์
  • นิวซีแลนด์
  • ฟิลิปปินส์
  • โปแลนด์
  • โปรตุเกส
  • สิงคโปร์
  • สโลวีเนีย
  • สเปน

ดูจากรายชื่อนี้แล้ว ก็จะพบว่า ประเทศเพื่อนบ้านของไทยในอาเซียนที่จ่ายค่าจ้าง 100% ช่วงลาคลอด มีถึง 3 ประเทศด้วยกัน คือ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์​

นอกจากนี้ ยังมีบางประเทศที่ให้สิทธิคุณพ่อลาในช่วงทารกเพิ่งคลอด เพื่อไปดูแลทารกด้วย

ตัวอย่างประเทศที่ให้สิทธิพ่อลาช่วยเลี้ยงบุตรหลังคลอด

  • แคนาดา ลาได้ 5 สัปดาห์ จ่าย 55% ของค่าจ้าง ไม่เกิน 650 ดอลลาร์แคนาดาต่อสัปดาห์
  • เอสโตเนีย ลาได้ 4.3 สัปดาห์ จ่ายค่าจ้างหลายอัตรา ขึ้นอยู่กับภาษีสังคมที่จ่าย สูงสุดไม่เกิน 4,733.53 ยูโร
  • ฝรั่งเศส ลาได้ 3.6 สัปดาห์ จ่าย 70% สูงสุด ไม่เกิน 3,864 ยูโรต่อเดือน
  • ไอซ์แลนด์ ลาได้ 26 สัปดาห์ จ่าย 80% ไม่เกิน 600,000 โครนาไอซ์แลนด์ต่อเดือน
  • ญี่ปุ่น ลาได้ 4 สัปดาห์ จ่าย 67% ไม่เกิน 15,190 เยนต่อวัน และขยายเวลาให้ลาได้สูงสุด 52 สัปดาห์
  • ลิธัวเนีย ลาได้ 4.3 สัปดาห์ จ่าย 77.58%
  • นอร์เวย์ ลาได้ 49 สัปดาห์ จ่าย 100% หรือ ลาได้ 59 สัปดาห์ จ่าย 80%
  • สโลวีเนีย ลาได้ 4.3 สัปดาห์ จ่าย 100%
  • สเปน ลาได้ 16 สัปดาห์ จ่าย 100%
  • สวีเดน ลาได้ 240 วัน โดย 195 วัน จ่าย 100% ส่วนวันที่เหลือ จ่าย 180 โครนาสวีเดนต่อวัน

เมื่อกลับมาดูที่ประเทศไทยนั้น ต้องบอกว่า เรามีวันลาคลอด อยู่ในเกณฑ์ขั้นต่ำที่ ILO กำหนด คือ 14 สัปดาห์ ขณะที่การจ่ายค่าจ้างในช่วงลาคลอด นายจ้างจะจ่ายให้ 100% สำหรับการลา 45 วันแรก ขณะที่สำนักงานประกันสังคม จะจ่ายเพิ่มให้อีก 50% ของค่าจ้างในอีก 45 วันที่เหลือ ด้วยอัตราค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน 

ก็หมายความว่า ถ้ามีประกันสังคม ถึงแม้จะมีรายได้สูงขนาดไหน ก็จะได้รวมไม่เกิน 11,250 บาท ซึ่งคิดเป็น 50% ของค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาทต่อเดือน รวม 45 วัน อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่า ในบางบริษัทที่มีสวัสดิการที่ดี อาจจะให้สิทธิประโยชน์การลาคลอดที่มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานนี้ หรือแม้แต่การจ่ายเงินค่าจ้างในช่วงลาคลอด ก็อาจจะมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดก็ได้   

พี่ทุยต้องบอกว่า โดยรวมแล้วสิทธิประโยชน์การลาคลอดในไทย แม้จำนวนวันจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ได้แย่อะไร แต่ถ้านำไปเทียบภาพรวม ทั้งด้านจำนวนวันลาคลอด และการจ่ายเงินในช่วงลาคลอดกับประเทศอื่นๆ ในโลก ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่สิทธิประโยชน์การลาคลอดต่ำกว่าหลายประเทศในโลก

ตัวอย่าง ประเทศที่ให้ สิทธิลาคลอด น้อยกว่าหลายประเทศในโลก 

  • ออสเตรเลีย ลาคลอดได้ 20 สัปดาห์ โดยได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ
  • จีน ลาคลอดได้ 14 สัปดาห์ จ่ายค่าจ้าง 100%
  • อิตาลี ลาคลอดได้ 20 สัปดาห์ จ่ายค่าจ้าง 80%
  • ซาอุดิอาระเบีย ลาคลอดได้ 10 สัปดาห์ จ่ายค่าจ้าง 100%
  • ไทย ลาคลอดได้ 14 สัปดาห์​ จ่ายค่าจ้าง 100% สำหรับ 45 วันแรก
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลาคลอดได้ 8.6 สัปดาห์ จ่ายค่าจ้าง 100% สำหรับ 45 วันแรก และจ่าย 50% สำหรับวันที่เหลือ 

รวมสิทธิประโยชน์และ สิทธิลาคลอด สำหรับคุณแม่ในไทย 

1. สถานที่ทำงาน

  • ลาคลอดได้ 98 วัน โดยได้รับค่าจ้าง 100% จำนวน 45 วันจากนายจ้าง ​

2. สำนักงานประกันสังคม 

2.1 เบิกเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร ได้​ 50% ของค่าจ้าง รวม 45 วัน​ 

เงื่อนไข 

  • ต้องจ่ายเงินประกันสังคมมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 เดือน ใน 15 เดือน ก่อนใช้สิทธิ 
  • คิดบนฐานเงินเดือนสูงสุด​ 15,000 บาทต่อเดือน โดยกรณีคิดจากฐานเงินเดือนสูงสุดจะได้ 11,250 บาท ​
  • ใช้ได้กับการคลอดบุตรครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เท่านั้น  

2.2 เบิกค่าฝากครรภ์ได้ รวม 1,500 บาท สำหรับการฝากครรภ์ 5 ครั้ง 

  • ครั้งที่ 1 อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จ่ายตามจริง ไม่เกิน 500 บาท
  • ครั้งที่ 2 อายุครรภ์มากกว่า 12-20 สัปดาห์ จ่ายตามจริง ไม่เกิน 300 บาท
  • ส่วนครั้งที่ 3 อายุครรภ์มากกว่า 20-28 สัปดาห์ จ่ายตามจริง ไม่เกิน 300 บาท
  • ครั้งที่ 4 อายุครรภ์มากกว่า 28-32 สัปดาห์ จ่ายตามจริง ไม่เกิน 200 บาท
  • ครั้งที่ 5 อายุครรภ์มากกว่า 32-40 สัปดาห์ จ่ายตามจริง ไม่เกิน 200 บาท 

เงื่อนไข 

  • ต้องจ่ายเงินประกันสังคมมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 เดือน ใน 15 เดือน ก่อนใช้สิทธิ 
  • กรณีสามีและภรรยา เป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ฝ่ายใดใช้สิทธิก็ได้ 
  • กรณีครรภ์แฝด ก็นับเป็น 1 ครรภ์

2.3 เบิกค่าคลอดบุตร เหมาจ่าย 15,000 บาท ต่อ 1 ครรภ์

เงื่อนไข 

  • ต้องจ่ายเงินประกันสังคมมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 เดือน ใน 15 เดือน ก่อนใช้สิทธิ
  • กรณีสามีและภรรยา เป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้สิทธิก็ได้ โดยไม่จำกัดจำนวนบุตร จำนวนครั้งในการใช้สิทธิ 

2.4 เบิกเงินสงเคราะห์บุตร 800 บาทต่อเดือน

เงื่อนไข

  • จ่ายประกันสังคมมามากกว่า 12 เดือน ในเวลา 36 เดือน 
  • สำหรับบุตรอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ โดยจ่ายให้ครั้งละไม่เกิน 3 คน กรณีบุตรเสียชีวิต สิทธิก็จะสิ้นสุดด้วย

3. โครงการเงินอุดหนุนบุตรเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรก ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน 

  • จ่ายเงินอุดหนุนบุตร 600 บาทต่อเดือน 

เงื่อนไข 

  • สำหรับบุตรอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์​
  • เฉพาะครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคน ต่อครัวเรือน ไม่เกิน 100,000 บาท  

4. สิทธิประโยชน์ทางภาษี

ค่าลดหย่อนภาษีบุตร คนละ 30,000 บาท (กรณีบุตรคนที่ 2 ขึ้นไป เกิดตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท)

เงื่อนไข 

  • บุตรหรือบุตรบุญธรรม อายุไม่เกิน20 ปี หรือ อายุไม่เกิน 25 ปี และกำลังศึกษาอยู่ หรือเกิน 25 ปี แต่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
  • บุตรที่นำมาลดหย่อน มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท 
  • กรณีบุตรชอบด้วยกฎหมาย ลดหย่อนได้ตามจำนวนบุตรจริง กรณีบุตรบุญธรรม ใช้สิทธิได้สูงสุด 3 คน 
  • สามีและภรรยาใช้สิทธิลดหย่อนได้ทั้งคู่ ยกเว้นกรณีบิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดา จะใช้สิทธิได้เมื่อจดทะเบียนรับรองบุตร

ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร สูงสุดไม่เกินครรภ์ละ 60,000 บาท 

เงื่อนไข

  • ตั้งครรภ์ลูกแฝด นับเป็นครรภ์เดียว 
  • สามีและภรรยายื่นภาษีทั้งคู่ ให้สิทธิลดหย่อนนี้แก่ภรรยาเท่านั้น 
  • กรณีภรรยาไม่มีเงินได้ สามีจึงจะใช้สิทธิลดหย่อนนี้ได้
  • สามีใช้สิทธิได้กรณีจดทะเบียนสมรสกับภรรยา ส่วนกรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะใช้สิทธิได้เฉพาะกรณีมีการจดทะเบียนรับรองบุตรในปีภาษีที่บุตรคลอด
  • ใช้สิทธิได้เท่ากับจำนวนเงินที่จ่ายไปในปีภาษีนั้น (นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.)
  • กรณีมีสิทธิสวัสดิการเบิกค่าฝากครรภ์หรือค่าคลอดบุตรได้ เช่น จากบัตรทอง ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการหรือหน่วยงานรัฐ สวัสดิการของนายจ้าง เพดานสิทธิที่ใช้ได้ คือ ต้องหักออกจากเงินสวัสดิการที่เบิกได้มาแล้ว เช่น เบิกค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร จากประกันสังคมมาแล้ว 1,500 + 15,000 = 16,500 บาท ก็มีเพดานสิทธิลดหย่อนใช้ได้แค่ 43,500 บาท

เอาเป็นว่า ใครที่กำลังเข้าข่ายใช้สิทธิลาคลอด เบิกค่าฝากคราภ์ คลอดบุตร และลดหย่อนภาษีได้ สำหรับปีภาษี 2567 นี้ ก็อย่าลืมเช็คสิทธิที่มีเอาไว้ให้ดี และใช้สิทธิให้ครบ เพื่อประโยชน์ของเราเอง 

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile