หลักบริหาร “ความเสี่ยง” แบบเข้าใจง่าย

ถ้าเราพูดถึง “ความเสี่ยง” หรือ การ “บริหารความเสี่ยง” ในเรื่องของการเงินหลายๆคนอาจจะนึกถึงไปถึงเรื่องการทำ DCA ก็ดี หรือเรื่องการทำ Asset Allocation ก็ดี

แต่จริงๆพี่ทุยอยากให้มา “บริหารความเสี่ยง” ขั้นพื้นฐานกันก่อนที่เราจะไปเรื่องลงทุนในเงินงอกเงยมากกว่า  เพราะว่าถ้าเรามาดูตามหลักการวางแผนการเงินแล้ว การ “บริหารความเสี่ยง” เป็นสิ่งแรกที่เราควรทำเลยก็ว่าได้

ความเสี่ยงที่พี่ทุยพูดถึงอยู่ตอนนี้ก็คือ “โอกาส” ที่จะทำให้เราสูญเสียเงินโดยไม่คาดฝัน ตัวอย่าง เช่น เจ็บป่วย อุบัติเหตุ บ้านไฟไหม้ หรือแม้กระทั่งรถชน ก็เป็นความเสี่ยงทั้งสิ้น ดังนั้นเลยต้องมีการ “บริหารความเสี่ยง” เข้ามาช่วย

เพราะถ้าเราไม่สนใจเรื่องการ “บริหารความเสี่ยง” แล้วเราข้ามไปลงทุนเลย พี่ทุยว่านั่นคือ ความที่โคตรเสี่ยงเลยนะ เพราะลองคิดดูว่าถ้าเราเอาเงินไปลงทุน การลงทุนมักจะมีเงื่อนไขของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะต้องใช้เวลาและไม่มีสภาพคล่อง

เช่น ถ้าเราเอาเงินไปลงทุนคอนโดหมดเลยเพื่อกินค่าเช่า โดยที่ไม่มีการ “บริหารความเสี่ยง” ไว้ แล้วอยู่ๆวันนึงเราเกิดรถชนแล้วไม่มีประกัน เพราะไม่ได้ “บริหารความเสี่ยง” เอาไว้เนี้ย เราก็อาจจะต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือทางที่สะดวกที่สุดก็คงเป็นบัตรเครดิต ดอกเบี้ยก็อย่างที่รู้ว่า 20%++ ยากมากๆที่เราต้องลงทุนได้ 20% ต่อปี

หรือจะเป็นการลงทุนยอดฮิตของมนุษย์เงินเดือนอย่าง LTF RMF ถ้าเราเกิดเดือดร้อนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน แน่นอนถ้าเราขายก่อนกำหนดเราก็จะโดยค่าปรับย้อนหลังที่ไม่คุ้มเลยจริงๆ

แล้วเราจะ “บริหารความเสี่ยง” ได้ยังไงบ้าง ? 

ถ้าจะให้พี่ทุยแนะนำอย่างแรกเราต้องกลับไปดูก่อนว่าตอนนี้เรามี สวัสดิการอะไรบ้าง ? ประมาณว่า ถ้าเกิดเรื่องที่จำเป็นต้องใช้ เราสามารถไปเบิกหรือมีคนช่วยเราจ่ายได้ !

ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันสังคม 30 บาทรักษาทุกโรค ประกันกลุ่มของบริษัท หรือจะสิทธิข้าราชการได้ทั้งนั้นเลย ล้วนแต่เป็นสินค้าการเงินที่ช่วยในการ “บริหารความเสี่ยง” ทั้งนั้น

บางคนก็อาจจะบอกว่านะว่า พี่ทุยจะมองโลกแง่ร้ายไปไหน ผมดวงดีมาก ผมไม่เป็นหรอก ปีนี้ไปหาหมอดูมา 10 คนแล้ว ก็บอกแบบนี้หมด ! แต่เรื่องนี้พี่ทุยว่ามองโลกแง่ร้ายไว้บ้างก็ดีนะ ถ้าเกิดซวยขึ้นมาจริงๆจะได้เจ็บแค่ตัว แต่ไมต้องเจ็บไปถึงเงินในกระเป๋าเน้าะ ด้วยความหวังดีจากพี่ทุยคนเดิม เพิ่มเติมคือความน่ารัก ฮี่ฮี่ <3