ตั้งแต่มีสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ก็ทำให้สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และประเทศพันธมิตรอื่น ๆ พร้อมใจกันร่วมใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินกับรัสเซีย เพื่อเป็นการลงโทษที่รัสเซียเข้าไปโจมตียูเครนก่อน จนมีข่าวว่ารัสเซียจะหันไปพึ่งพาสกุลเงินจากจีนอย่าง “เงินหยวน” แทน
คำถามว่าทำไมรัสเซียต้องทำอย่างนั้น ก็เพราะสหรัฐฯ และยุโรป ใช้ยาแรงในการโจมตีก็คือ ตัดเส้นเลือดสำคัญ ไม่ให้ธนาคารรัสเซียใช้ระบบการโอนเงินระหว่างประเทศอย่าง SWIFT แถมยังห้ามไม่ให้รัสเซียเข้าถึงทุนสำรองสกุลเงินดอลลาร์ กับยูโรที่มีอยู่ด้วย
ลองนึกภาพง่าย ๆ เปรียบ SWIFT เหมือนรถไฟฟ้า แล้วรัสเซียก็คือ คนที่กำลังต้องใช้รถไฟฟ้าเพื่อไปถึงจุดหมายอีกแห่ง ซึ่งก็คือการติดต่อโอนเงินไปยังธนาคารประเทศอื่น ทีนี้พอห้ามใช้ SWIFT ก็เหมือนห้ามรถไฟฟ้าจอดรับรัสเซีย อยากจะไปจุดหมายก็ต้องเสียเวลาเดินไปเอง หรือหาทางเลือกอื่นเดินทาง
จากเหตุการณ์นี้เองก็เป็นที่มาทำให้ รัสเซียหันไปใช้ระบบชำระเงินระหว่างประเทศของจีนที่ชื่อว่า Cross-Border Interbank Payment System (CIPS) เพื่อให้ทำธุรกรรมค้าขายได้โดยใช้เงินหยวนเป็นตัวกลางในการชำระบัญชีและค้าขาย
และล่าสุดด้าน ซาอุดิอาระเบีย ก็กำลังคิดว่าจะขายน้ำมันให้จีน โดยใช้สกุลเงินหยวนแทนการใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ
เมื่อยักษ์ใหญ่อย่างหมีขาว และเศรษฐีน้ำมันจากตะวันออกกลางหันมาใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมมากขึ้น ก็เลยทำให้คนทั่วโลกเริ่มจับตากันมากขึ้นว่า ถ้ามีประเทศอื่นทยอยเดินตามรอยเดียวกัน เงินหยวนจะเป็นผู้ท้าชิงที่ขึ้นมาแย่งตำแหน่งเงินสกุลหลักของโลกแทนดอลลาร์สหรัฐได้รึเปล่า
พี่ทุยก็เลยอยากชวนทุกคนมาลองมาไล่เหตุผลกันว่า หยวนจะเลื่อยขาเก้าอี้ดอลลาร์ได้มั้ย แต่ก่อนอื่น พี่ทุยขอเล่าประวัติเงินหยวนเป็นเกร็ดความรู้กันสักนิดดีกว่า
กำเนิด “เงินหยวน”
รู้จักเงินหยวน (Yuan) | |
ชื่อภาษาจีน | Rénmínbì (人民币 แปลว่า สกุลเงินของประชาชน) |
หน่วยสกุลเงินหยวนภาษาจีน | 元 |
หน่วยสกุลเงินหยวนในระดับสากล | ¥ |
รหัสย่อสากล | CNY |
จุดกำเนิดของเงิน | ปี 1948 |
หน่วยงานที่ออกใช้ | ธนาคารกลางจีน (People’s Republic of China) |
บทบาทของ “เงินหยวน” ในทุนสำรองระหว่างประเทศโลก
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เงินหยวนมีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจุดที่เห็นได้ชัดมาก ๆ คือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ตัดสินใจนำเงินหยวนมาอยู่ในตะกร้าเงิน Special Drawing Rights (SDRs) หรือสิทธิพิเศษในการถอนเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2016 เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนทุนสำรองระหว่างประเทศของ IMF นั่นแหละ
การจะนำเงินสกุลอะไรมาอยู่ในตะกร้า SDRs นี้ ในสัดส่วนเท่าไหร่บ้าง IMF จะมีการทบทวนเพื่อปรับเปลี่ยนทุก 5 ปี ซึ่งครั้งถัดไปเดิมจะต้องเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. 2021 แต่ IMF ก็เลื่อนมาเป็นวันที่ 31 ก.ค. 2022 ซึ่งตะกร้าเงินใหม่จะประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2022 เป็นต้นไป
พอถึงตอนนั้น นักลงทุนก็คงต้องจับตากันว่า IMF จะปรับสัดส่วนเงินหยวนในตะกร้าเพิ่มอีกรึเปล่า หรือจะเอาเงินสกุลไหนเข้ามาอีก
ดู IMF กันแล้ว คราวนี้ พี่ทุยจะพามาดูสัดส่วนเงินหยวนในตะกร้าทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกแบบมัดรวมกันว่า มีการหยิบเงินหยวนมาไว้ในตะกร้าทุนสำรองระหว่างประเทศแค่ไหน
จากสถิติล่าสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2021 เกี่ยวกับ Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserves (COFER) ซึ่งเป็นข้อมูลทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของทางการที่จำแนกตามสกุลเงิน ที่ IMF รวบรวมมาจากประเทศสมาชิก แล้วทำเป็นรายงานออกมา พบว่า เงินสกุลที่อยู่ใน COFER มี 8 สกุลที่มีจำนวนมาก คือ ดอลลาร์สหรัฐฯ ยูโร หยวน เยน ปอนด์สเตอลิง ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์แคนาดา และฟรังก์สวิส โดยสัดส่วนในทุนสำรอง มีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละไตรมาส
สัดส่วนสกุลเงินต่างประเทศในทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศทั่วโลก
จะเห็นได้ว่า สัดส่วนเงินหยวนที่อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศทั่วโลกรวมกัน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี แต่ถ้าเอาไปเทียบกับสัดส่วนของดอลลาร์ก็ยังถือว่าห่างไกลกันมาก
ความสำคัญของ “เงินหยวน” ในเวทีการค้าโลก
ถ้าไปดูในมุมการค้าจะพบว่าหยวนมีบทบาทในเวทีนี้เพิ่มขึ้นมาก พี่ทุยไปเจอรายงานที่น่าสนใจที่สถาบันการเงินระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย Renmin ในจีน จัดทำขึ้น เรื่อง RMB Internationalization Report 2021 รายงานเกี่ยวกับการผลักดันเงินหยวนสู่สากล โดยเผยแพร่สถิติน่าสนใจของเงินหยวนในปี 2020 ดังนี้
- มีการใช้เงินหยวนชำระราคาการค้าข้ามแดน 6.77 ล้านล้านหยวน +12.09% จากปี 2019 (18.44% ของยอดการส่งออกและนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์และบริการโดยรวมของจีน)
- ยอดการชำระเงินด้วยหยวน คิดเป็น 2.91% ของยอดชำระราคาการค้าระหว่างประเทศทั้งโลก (+18.40% เมื่อเทียบกับปี 2019)
- มีการใช้เงินหยวนลงทุนโดยตรง 3.81 ล้านล้านหยวน +37.05% จากปี 2019 เป็นอัตราการเติบโตสูงที่สุดในรอบ 5 ปี
- มีการใช้เงินหยวน 9.89% ของการชำระเงินระหว่างประเทศทั้งหมด (รวมการลงทุนโดยตรง การปล่อยสินเชื่อระหว่างประเทศ การออกพันธบัตรและตั๋วเงินระหว่างประเทศ +84.23% จากปี 2019)
- ธนาคารกลางมากกว่า 70 แห่งทั่วโลก เข้าร่วมในตลาดซื้อขายพันธบัตรระหว่างธนาคารของจีน
- ธนาคารกลางหรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ลักษณะนี้มากกว่า 75 แห่งทั่วโลก มีเงินหยวนในทุนสำรองระหว่างประเทศของตัวเอง
ในรายงานชี้ว่า ยังมีช่องว่างอีกมากในสกุลเงินหลักของโลก โดยการใช้ดอลลาร์และยูโรเป็นสกุลเงินหลักระดับสากลยังอยู่ในวงกว้างมากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้เงินเยนและปอนด์สเตอลิง รวมถึงเงินหยวน และหนทางในการผลักดันเงินหยวนสู่ระดับสากลก็คงจะอีกยาวไกลมาก คงต้องใช้เวลา
เงินหยวนดิจิทัล อีกตัวแปรสำคัญที่ทำให้หยวนมีบทบาทในโลกมากขึ้น
อีกประเด็นสำคัญที่พี่ทุยอยากให้ทุกคนจับตา ก็คือ การใช้เงินหยวนดิจิทัล ซึ่งนานาชาติมองว่าน่าจะเป็นตัวแปรที่มาท้าทายเงินดอลลาร์ในเวทีการค้าโลกได้มากทีเดียว ในช่วง 10 ปีจากนี้
นั่นก็เป็นเพราะจีนเป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้าใหญ่มาก ๆ จึงไม่น่าแปลกใจ หากจะมีการนำเงินหยวนมาใช้ซื้อสินค้าจากจีนแทนการใช้เงินดอลลาร์มากขึ้น
ยิ่งเมื่อจีนพัฒนาเงินหยวนดิจิทัลขึ้นมา ก็จะทำให้การใช้เงินดอลลาร์ในเวทีการค้าโลกมีโอกาสลดลงไปได้อีก เพราะเงินหยวนดิจิทัลก็มีสถานะไม่แตกต่างจากธนบัตรเงินหยวนที่พิมพ์ออกมา เพียงแต่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกขึ้นในการชำระเงินดิจิทัล ซึ่งขณะนี้เงินหยวนดิจิทัลยังไม่ได้นำออกมาใช้งานแพร่หลายในเวทีระหว่างประเทศ ยังอยู่ในขั้นทดลองใช้งานในเมืองสำคัญของจีนอยู่เท่านั้น
มาถึงตรงนี้ พี่ทุยมองว่า เงินหยวนยังไม่สามารถไปเลื่อยขาเก้าอี้แย่งตำแหน่งสกุลเงินหลักของโลกแทนดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ในเร็ว ๆ นี้หรอก เพราะเงินหยวนยังมีจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเป็นกังวลกับการเพิ่มบทบาทของเงินหยวนในเวทีโลก นั่นคือ เงินหยวนไม่ได้เป็นสกุลเงินที่ลอยตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อขายอย่างแท้จริง แต่ยังเป็นสกุลเงินที่รัฐบาลสามารถแทรกแซงได้ทุกเมื่อ เพื่อให้ดำเนินนโยบายการเงินได้ตามที่ต้องการ แต่ถ้าบอกว่าเงินหยวนจะบทบาทและความสำคัญมากขึ้นในเวทีโลก อันนี้พี่ทุยมั่นใจ 1,000%
พี่ทุยมองว่า เงินหยวนกำลังได้รับการยอมรับในเวทีโลกมากขึ้น ในฐานะสกุลเงินที่สำคัญ เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่น่าสนใจ สำหรับประเทศที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสินทรัพย์หลักอยู่เกือบ 100% แล้วต้องการกระจายความเสี่ยง มีเงินสกุลหลักอื่น ๆ ในโลกบ้าง
ส่วนในอนาคตระยะไกล เงินหยวนจะไปไกลถึงขั้นแทนที่ดอลลาร์ได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่มีโอกาสเป็นจริงได้ แต่ก็อาจจะเป็นแค่ฝันก็ได้เช่นกัน เพราะเรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อถือที่ชาวโลกมีต่อเงินดอลลาร์ รวมถึงศักยภาพของจีนที่จะทำให้ชาวโลกเชื่อมั่นในเงินหยวน ซึ่งพี่ทุยเชื่อว่า สหรัฐฯ ไม่ยอมเสียตำแหน่งสกุลเงินหลักของโลกให้เงินหยวนของจีนไปได้ง่าย ๆ แน่นอน
อ่านเพิ่ม