ส่องตลาด โลหะมีค่า แร่ชนิดไหนเทรดแพงที่สุด

ส่องตลาด โลหะมีค่า แร่ชนิดไหนเทรดแพงที่สุด

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ตลาดโลหะมีค่า มีโอกาสที่มูลค่าจะเติบโต 5.6% ต่อปี จากนี้ไปจนถึงปี 2030 โดยเอเชียแปซิฟิก เป็นตลาดที่ยึดครองส่วนแบ่งตลาดรายได้จากโลหะมีค่ามากที่สุด
  • โลหะมีค่า 5 ชนิด ได้แก่ ทองคำ เงิน แพลทินัม แพลเลเดียม และโรเดียม มีปริมาณรวมกันทั้งสิ้น 45,000 เมตริกตัน ในปี 2023 และคาดว่า ปริมาณโลหะมีค่าเหล่านี้จะเพิ่มเป็นมากกว่า 65,000 เมตริกตัน ในปี 2032  
  • นักวิเคราะห์สถาบันต่างๆ มองว่า เงินเป็นโลหะมีค่าที่อาจจะมีความน่าสนใจมากกว่าทองคำในปี 2024 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียว ที่ทำให้ความต้องการใช้เงินในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 
  • ราคาแพลทินัม แพลเลเดียม และโรเดียม มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปี 2024 เป็นผลสืบเนื่องจากการซื้อกักตุนไว้มากในช่วงปี 2020-2022 ทำให้มีเหลือค้างในสต๊อกมากและต้องทำออกมาขาย ประกอบกับเป็นโลหะมีค่าที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปมาก ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับผลกระทบจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าความต้องการโลหะมีค่าเหล่านี้จะลดลง 

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ถ้าจะพูดถึงโลหะมีค่าที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา นอกจากทองคำแล้ว ก็ยังมี เงิน แพลทินัม (ทองคำขาว) และอีกชนิดที่มาแรงแซงโค้งมาก คือ แพลเลเดียม (Palladium) ซึ่งเป็น โลหะมีค่า ที่มีคุณสมบัติคล้ายแพลทินัม 

อย่างไรก็ตาม เข้าสู่ปี 2024 ราคาแพลเลเดียมไม่ได้สดใสนัก วันนี้พี่ทุยก็เลยจะชวนมาวิเคราะห์แนวโน้มโลหะมีค่ามาแรงในปี 2024 เพื่อค้นหาโอกาสลงทุน รวมถึงเจาะลึกแนวโน้มแพลเลเดียม ว่ายังน่าลงทุนอยู่รึเปล่า

แนวโน้มตลาด โลหะมีค่า 2024

พี่ทุยต้องบอกว่า ความเคลื่อนไหวในตลาดโลหะมีค่า ถือว่าเป็นดัชนีสำคัญอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจเครื่องประดับ ภาคอุตสาหกรรม ไปจนถึงภาคการเงิน 

จากข้อมูลของ Insider Monkey คาดการณ์ว่า ตลาดโลหะมีค่าทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 275,400 ล้านดอลลาร์ ในปี 2021 ขณะที่ปี 2022 มีมูลค่า 290,820 ล้านดอลลาร์ และคาดการณ์ว่า จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5.6% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2023-2030 ส่งผลให้มูลค่าตลาดขยับขึ้นไปเป็น 449,720 ล้านดอลลาร์ ในปี 2030  

ขณะที่ เอเชียแปซิฟิก เป็นตลาดที่ยึดครองส่วนแบ่งตลาดรายได้จากโลหะมีค่ามากที่สุด คิดเป็น 59% ของตลาดรวม โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของภาคการผลิตในประเทศ เช่น ในจีน  

ทั้งนี้ พบว่า โลหะมีค่า 5 ชนิด ได้แก่ ทองคำ เงิน แพลทินัม แพลเลเดียม และโรเดียม มีปริมาณรวมกันทั้งสิ้น 45,000 เมตริกตัน ในปี 2023 และคาดว่า ปริมาณโลหะมีค่าเหล่านี้จะเพิ่มเป็นมากกว่า 65,000 เมตริกตัน ในปี 2032

*โรเดียมเป็นแร่อยู่ในกลุ่มเดียวกับแพลทินัม ใช้เป็นตัวเคลือบเครื่องประดับต่าง ๆ รวมถึงใช้ในอุตสาหกรรมโดยทำเป็นโลหะเจือกับแพลทินัม เพื่อให้มีความแข็งมากขึ้น

พี่ทุยต้องบอกว่า การที่นักลงทุนเพิ่มสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มโลหะมีค่า เข้าไปในพอร์ตลงทุนนั้น เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยต่อสู้กับเงินเฟ้อได้ เพราะจากข้อมูลในอดีต พบว่าโลหะมีค่า เช่น ทองคำ สามารถรักษามูลค่าได้ แม้เศรษฐกิจจะตกต่ำ

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของโลหะมีค่าทั่วโลก ตามข้อมูลดัชนี Monthly Metals Index (MMI) สะท้อนว่าราคาโลหะมีค่ายังอยู่ในช่วงของการปรับขึ้นรายเดือน แต่ถ้าพิจารณาแนวโน้มดัชนีก็ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยในส่วนของโลหะมีค่าเฉพาะ เช่น แพลทินัม และเงิน ราคาปรับขึ้นในช่วงเดือน พ.ค. ก่อนที่จะปรับลดลงมาในเดือน มิ.ย. และทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง 

ขณะที่ ความไม่แน่นอนยังปกคลุมตลาดโลหะมีค่าหลายรายการอยู่ ซึ่งมีผลต่อแนวโน้มในระยะยาว โดยในจำนวนนี้ก็รวมถึงแพลเลเดียมด้วย ที่นับตั้งแต่เริ่มต้นไตรมาส 2 การซื้อขายแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ โดยราคาร่วงลงไปจากที่เคยทำระดับสูงสุดในเดือน มี.ค. 2024

ดัชนีราคาโลหะมีค่ารายเดือน (MMI)

คาดการณ์ราคา โลหะมีค่า 2024

คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่า นักวิเคราะห์สถาบันต่าง ๆ มองว่า โลหะมีค่าชนิดไหนมีความน่าสนใจลงทุนโดดเด่นที่สุดในปี 2024

Pictet Group 

  •  ราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ระดับปานกลาง แต่วงจรการปรับขึ้นแบบนำหน้าโลหะมีค่าอื่นไปไกลอาจจะสิ้นสุดลง
  •  เงินเป็นโลหะมีค่าที่น่าสนใจที่สุด เพราะคาดการณ์ว่าธนาคารกลางหลักๆ จะเริ่มลดดอกเบี้ย ขณะที่ปริมาณเงินมีแนวโน้มขาดแคลน และในระะยะยาวการเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานสีเขียว จะเป็นพลังขับเคลื่อนความต้องการเงินในอุตสาหกรรมขั้นสูง 
  •  ในปี 2024 แพลทินัม น่าจะทำผลงานได้ดีกว่า แพลเลเดียม โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากความต้องการเซลล์เชื้อเพลิง แต่มองว่า ยังไม่ใช่โลหะมีค่าที่น่าสนใจลงทุนนักในเวลานี้  

Metals Focus 

  • ราคาทองคำเฉลี่ยในปี 2024 คาดว่า +16% จากปี 2023 และเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง แม้จะมีอุปสรรคจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่ปรับลดดอกเบี้ย แต่มีแรงขับเคลื่อนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ใกล้เข้ามา ทำให้นักลงทุนกังวลและมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนมองหาทองคำเช่นกัน และเพิ่มเติมด้วยความต้องการซื้อทองคำเป็นทุนสำรองจากธนาคารกลางต่าง ๆ นำโดยตุรกี จีน และอินเดีย
  • ราคาเฉลี่ยแพลทินัม แพลเลเดียม และโรเดียม ปี 2024 คาดว่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2023 แม้จะขุดแร่ได้น้อยลง โดยคาดว่า ราคาแพลทินัมในปี 2024 จะปรับลดลง -1% จากปี 2023 ส่วนแพลเลเดียม -23% และ โรเดียม -28% 
  • ราคาแพลทินัม โลหะมีค่าที่ส่วนใหญ่ถูกใช้ในท่อไอเสียของรถยนต์สันดาป ปรับตัวลดลง ในปี 2023 จากความกังวลเกี่ยวกับส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ที่ไม่ต้องมีท่อไอเสียที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ความต้องการในอนาคตลดลง 
  • ราคาแพลเลเดียมและโรเดียมที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อกำไรของเหมืองในแอฟริกาใต้ ทำให้เหมืองเหล่านี้พยายามลดต้นทุนโดยลดการขุดในปี 2024 แต่ด้วยปริมาณในสต็อกที่มีอยู่  จึงยังครอบคลุมความต้องการอยู่ 

LBMA

  • ทองคำยังมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ปานกลาง นักวิเคราะห์โดยรวมมองว่าทองคำจะทำสถิติสูงสุดใหม่
  • แนวโน้มเงิน สอดคล้องกับทองคำ แต่คาดการณ์ว่า จะมีการซื้อขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2023
  • แพลทินัม คาดว่าราคาจะมีความผันผวนในปี 2024 ทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2023 ได้เพียงเล็กน้อย 
  • แพลเลเดียม ยังมีแนวโน้มเป็นขาลง คาดว่า ราคาจะปรับลดต่ำกว่าปี 2023

MKS PAMP Group

  • ราคาทองคำจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2024 จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่า ผลตอบแทนที่แท้จริง (real yields) ของสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงสุด ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่เติบโตช้าลงนอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่ยั่งยืนของหนี้ทั่วโลก และการที่นักลงทุนยังถือสินค้าโภคภัณฑ์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ทองคำกลับมาเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยง แม้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น 
  • ราคาเงินจะปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้มากกว่า จากการที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากกว่า ขณะที่ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมหดตัวเล็กน้อย 
  • แพลทินัมจะเข้าสู่ภาวะความต้องการมากกว่าอุปทาน ใกล้เคียงกับปี 2023 โดยความต้องการยังคงมีแรงสนับสนุนมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการเร่งตัวของรถยนต์น้ำหนักเบา และไฮบริด ทั้งนี้ ราคาแพลทินัมยังคงสอดคล้องกับราคาทองคำที่เป็นขาขึ้น 
  • แพลเลเดียมกำลังเผชิญความท้าทายเชิงโครงสร้าง จากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า และจากการที่มีรถยนต์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลมากขึ้น ก็ทำให้แพลเลเดียมอยู่ในช่วงที่มีอุปทานมากกว่าความต้องการ แต่คาดว่าจะกลับมามีน้อยกว่าความต้องการอีกครั้งในปี 2024 จากการที่ราคาและปัจจัยพื้นฐานไม่ได้ไปด้วยกัน    
  • โรเดียมจะมีอุปทานน้อยกว่าความต้องการเล็กน้อยในปี 2024 โดยความต้องการใช้จะลดลง จากการที่ประเทศต่าง ๆ หันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น 

3 ปัจจัยหลักที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นแรงขับเคลื่อนราคาทองคำ

  •  นโยบายการเงินของสหรัฐฯ  
  •  การเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองของธนาคารกลางต่างๆ
  • ความเสี่ยงประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์  

สรุปคาดการณ์ราคาโลหะมีค่าสถาบันต่าง ๆ

คาดการณ์ราคา โลหะมีค่า 2024 

มาถึงตรงนี้ ถ้าถามว่า จะลงทุนโลหะมีค่าตัวไหนดี พี่ทุยแนะนำว่า ถามตัวเองก่อนว่า รู้จักและเข้าใจโลหะมีค่านั้นดีแค่ไหน อย่างเช่น เงิน อาจจะมีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่าทอง ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่ถ้าเราไม่เข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์มากพอเท่ากับทองคำ ก็ควรจะลงทุนทองคำดีกว่า 

แต่ในกรณีที่คิดว่า เข้าใจโลหะมีค่าทุกประเภทอยู่แล้ว ก็สามารถลงทุนผ่าน ETF ที่อ้างอิงโลหะมีค่าเหล่านั้นได้ ซึ่งก็จะมีให้เลือกในตลาดต่างประเทศ หากใครมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศอยู่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะไปลงทุน แต่ถ้าจะเน้นลงทุนในไทย หลัก ๆ แล้ว ก็อาจจะต้องลงทุนทองคำผ่านการซื้อทองคำจริง ซื้อขายทองคำกับแอปพลิเคชันของร้านทองคำ ซื้อผ่านกองทุนรวมทองคำ หรือลงทุนผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ขณะที่โลหะมีค่าอื่นๆ นั้น ก็อาจจะมีเพียงเงินเท่านั้นที่ลงทุนได้ผ่านตลาด TFEX 

เอาเป็นว่าถ้าคิดจะไปลงทุนโลหะมีค่า ก็อย่าลืม แบ่งเงินไม่เกิน 5-15% ในการลงทุน เพราะเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับกระจายความเสี่ยง ป้องกันเงินเฟ้อเท่านั้น และราคาโลหะมีค่าค่อนข้างผันผวน 

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile