E-Commerce ทั่วโลกเติบโต เเล้วไทยเติบโตแค่ไหน ?

E-Commerce ทั่วโลกเติบโต เเล้วไทยเติบโตแค่ไหน ?

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • วิกฤตโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม โดยเฉพาะการหันมาซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากขึ้น
  • ยอดขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลกปี 2020 เติบโต 26% สวนทางกับยอดขายหน้าร้านทั่วโลกที่ติดลบ 3% ขณะที่อีก 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตสูงเฉลี่ยที่ 11% ต่อปี โดยจีนนับเป็นตลาด E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่อินเดียเป็นประเทศที่ตลาด E-Commerce เติบโตสูงที่สุดในโลก
  • ส่วนยอดขายสินค้าออนไลน์ในไทยเติบโตสูงถึง 80% สวนทางกับยอดขายหน้าร้านที่ติดลบ 10% โดยที่ไทยมีมูลค่าตลาด E-Commerce ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย
  • สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาด E-Commerce ทั่วโลกเติบโตสูงเป็นเพราะทั่วโลก รวมถึงไทยมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยเฉพาะไทยที่มีสัดส่วนผู้ใช้ Mobile Banking สูงที่สุดในโลก

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

พี่ทุยเชื่อว่า ตลอดช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตโควิด-19 หลายคนคงจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิมไม่มากก็น้อย หนึ่งในนั้นก็คือ การซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce ต่าง ๆ 

เนื่องจากการล็อกดาวน์ทำให้ไม่สามารถเดินทางและใช้ชีวิตภายนอกได้สะดวกนัก รวมถึงการใช้ชีวิตและการทำงานที่บ้านกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่ร้านค้าทั้งในและนอกห้างสรรพสินค้าต้องปิดหน้าร้านลงชั่วคราวและหันมาเปิดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น ประกอบกับความก้าวล้ำของเทคโนโลนีดิจิทัลที่เข้าถึงง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน จนทำให้การซื้อสินค้าออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว

ตลาด E-Commerce เติบโตมากแค่ไหน ?

จากข้อมูลของ eMarketer บริษัทวิจัยด้านการตลาดได้ทำการสำรวจว่า ในปี 2020 ที่โลกเจอกับโควิด-19 เต็มรูปแบบครั้งแรก ปรากฎว่ายอดขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลก (Retail E-Commerce Sales) มีมูลค่าสูงถึง 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ เติบโตถึง 26% สวนทางกับยอดขายหน้าร้านทั่วโลก (Retail Sales) ที่ติดลบราว 3%

ขณะที่ในปี 2021 มูลค่ายอดขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลกจะเติบโตสูงขึ้นไปอีกที่ 17% และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องไปอีกเฉลี่ยปีละ 11% จนถึงปี 2025 เรียกได้ว่า การซื้อสินค้าออนไลน์นับเป็นการค้าขายรูปแบบใหม่ของโลกเลยทีเดียว

โดยจีนถือเป็นตลาด E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยในปี 2021 คาดว่ายอดขายสินค้าออนไลน์จะเติบโตที่ 21% โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเกือบ 60% ของยอดขายสินค้าออนไลน์ทั่วโลก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาด E-Commerce จีนครองโลกเช่นนี้ เนื่องจากมีแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์จากผู้ให้บริการมากมายและครบวงจรทั้ง Alibaba, JD.com และ Pinduoduo เป็นต้น รองลงมาเป็นป็นสหรัฐฯ ที่มียอดขายคิดเป็น 20% สหราชอาณาจักร 5% และญี่ปุ่น 3%

ส่วนประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 2 ของโลกอย่างอินเดีย กลายเป็นประเทศที่มียอดขายสินค้าออนไลน์เติบโตสูงที่สุดในโลกที่ 27% แม้จะมีส่วนแบ่งตลาดเพียงแค่ 1.4% แต่นับว่าตลาดอีคอมเมิร์ซของอินเดียยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก เช่น Amazon และ Alibaba ต่างเข้ามาลงทุนในอินเดีย ขณะที่อินเดียเองก็มีบริษัท E-Commerce ของตนเองและได้รับความนิยมมากที่สุดอย่าง Flipkart ประกอบการแนวทางการพัฒนาของนายกฯ อินเดียที่มีนโยบายสนับสนุนให้เป็นประเทศแห่งดิจิทัล เรียกได้ว่าอีคอมเมิร์ซแทบทุกประเทศทั่วโลกต่างเติบโตสูงต่อเนื่องท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้น

ตลาด E-Commerce ไทยเป็นอย่างไร ?

คนไทยเองก็หันมานิยมซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมูลค่ายอดขายสินค้าออนไลน์ในไทยปี 2020 มีมูลค่าอยู่ที่ราว 3 แสนล้านบาท (ประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์) เติบโตขึ้นจากปี 2019 ที่มีมูลค่าราว 1.6 แสนล้านบาทถึง 80% เลยทีเดียว สวนทางกับยอดขายหน้าร้านที่ติดลบกว่า 10% จากผลกระทบของโควิด-19 และการล็อกดาวน์ที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าได้

ขณะที่หลายหน่วยงานเศรษฐกิจของไทยก็ได้ประเมินว่า มูลค่ายอดขายสินค้าออนไลน์จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องถึง 7.5 แสนล้านบาท (ประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์) ในปี 2025 โดยเฉพาะสินค้าพวกเสื้อผ้าและแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ของใช้ส่วนตัว รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ซึ่งในไทยเองก็มีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากมายจากทั้งบริษัทไทยและต่างชาติ เช่น Lazada Shopee และแพลตฟอร์มจากธนาคาร

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียนด้วยกัน จะพบว่า ไทยมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซียที่มีมูลค่ามากกว่าไทย 2 เท่า แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าไทย

สาเหตุที่การซื้อสินค้าออนไลน์ถึงเติบโต ?

แน่นอนว่าการซื้อสินค้าออนไลน์จะต้องใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตและทำผ่านแพลตฟอร์มหรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งพี่ทุยได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียของโลกและไทย ดังตารางข้างล่าง

E-Commerce ทั่วโลกเติบโต เเล้วไทยเติบโตแค่ไหน ?

สังเกตได้ว่า ในช่วง 2 ปี (2019-2021) มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 23% จาก 3,969 ล้านคน มาอยู่ที่ 4,880 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของประชากรโลก เช่นเดียวกับไทยที่เพิ่มขึ้น 8% จาก 51 ล้านคน มาอยู่ที่ 55 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 80% ของประชากรไทย ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากที่สุดติดอันดับโลกเลยทีเดียว

ในแง่ของการใช้โซเชียลมีเดียทั้ง Facebook, Instagram และ Twitter พบว่า ทั่วโลกมีจำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ขณะที่ไทยก็มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียอยู่ที่ 54 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ราว 10% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 98% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดในไทย 

ทั้งนี้พี่ทุยอยากเสริมว่าคนไทยมีบัญชี Facebook สูงถึง 54 ล้านบัญชี สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก นั่นแสดงให้เห็นว่า คนไทยที่ซื้อสินค้าออนไลน์ทุกคนจะมีบัญชี Facebook ด้วย

นอกจากนี้ การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่รวดเร็ว ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงช่องทางการบริการและธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะไทยที่มีสัดส่วนผู้ใช้ Mobile Banking ต่อเดือนสูงที่สุดในโลกที่ 68% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศ รองลงมาเป็นแอฟริกาใต้ที่ 64% โปแลนด์ 58% บราซิลและสิงคโปร์ที่ 57% และ 56% ตามลำดับ ส่วนจีนมีเพียง 35% เท่านั้น

จากทั้งหมดจะเห็นว่า บทบาทของอีคอมเมิร์ซเติบโตมากขึ้น จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภค จนกระแสอีคอมเมิร์ซกลายเป็นอีกหนึ่ง Megatrend ของโลกในอนาคต

โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนที่จะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา บริษัทอีคอมเมิร์ซระดับโลกอย่าง Alibaba แม้รายรับจะเติบโต 30% ในไตรมาสที่ 3/2021 แต่ราคาหุ้นกลับร่วงลงจากการเข้ามาควบคุมอย่างเข้มงวดของรัฐบาลจีน ขณะที่ฝั่ง Amazon ของสหรัฐฯ ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแม้จะผันผวนบ้าง ดังนั้น นักลงทุนอย่างเราควรเลือกลงทุนและวิธีกระจายความเสี่ยงให้เหมาะสมกับตนเอง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile