เดือน ก.ย. 2022 นี้ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อมานาน 6 เดือนแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่รัสเซียกับยูเครนที่ได้รับความเสียหาย แต่ทั่วโลกก็เจอผลพวงไปด้วย โดยเฉพาะยุโรป ที่กำลังรับกรรมเจอ “วิกฤตพลังงานยุโรป” จากการคว่ำบาตรรัสเซีย และประกาศตัวว่าจะลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียในอนาคต
งานนี้รัสเซียก็มอบของขวัญชิ้นใหญ่ตอบแทนให้ยุโรป เป็นการหยุดส่งก๊าซธรรมชาติให้ยุโรปเป็นระยะ เหมือนถูกตัดเส้นเลือดใหญ่ยังไงอย่างงั้น
พี่ทุยต้องอธิบายก่อนว่า ก๊าซธรรมชาตินั้นเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ยุโรปใช้อยู่ ยุโรปนั้นพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียมากทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวของยุโรปช่วงเดือน ธ.ค. – ก.พ. ด้วยเหตุนี้ทั่วโลกก็เลยจับตากันใกล้ชิดว่า หนาวนี้ ยุโรปจะอยู่กันยังไง เมื่อไม่มีก๊าซจากรัสเซียส่งมาต่อลมหายใจ
พี่ทุยเองก็อยากชวนเพื่อน ๆ มาลองคิดกันว่า วิกฤตพลังงานครั้งนี้จะกระทบยุโรปสาหัสแค่ไหน แล้วมันจะมีผลกระทบอะไรกับการลงทุนบ้างรึเปล่า
สาเหตุหลักของ “วิกฤตพลังงานยุโรป” คืออะไร
ข้อมูลจากธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB เผยว่า ก๊าซธรรมชาตินั้นเป็นแหล่งพลังงานสำคัญมากลำดับที่สองในยุโรป รองจากน้ำมันปิโตรเลียม
ยุโรปใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งพลังงานหลักของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคบริการที่ไม่ใช่การขนส่ง และยังใช้ในครัวเรือนด้วย โดยก๊าซธรรมชาติถือเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่ว ๆ ไป
ซึ่งรัสเซียนี่แหละเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติสำคัญที่ยุโรปนำเข้ามาใช้มากที่สุด เมื่อเทียบกับแหล่งอื่น ๆ ประเมินตัวเลขกลม ๆ แล้วเกือบ 40% ของก๊าซธรรมชาติที่ยุโรปใช้อยู่ ก็มาจากรัสเซียทั้งนั้น
สัดส่วนพลังงานที่ใช้ในยุโรป
Timeline วิกฤตพลังงานยุโรป
31 พ.ค. 2022
ยุโรปคว่ำบาตรรัสเซีย ลงโทษที่รัสเซียโจมตียูเครน
มาตรการด้านพลังงาน คือ
- ห้ามนำเข้าน้ำมันทางทะเลจากรัสเซียภายในสิ้นปี 2022 ยกเว้นชั่วคราวสำหรับน้ำมันจากท่อส่งน้ำมัน (ยุโรปนำเข้าน้ำมันรัสเซีย 2 ใน 3 ด้วยการขนส่งทางทะเล)
- โปแลนด์กับเยอรมนีสัญญาว่าจะหยุดนำเข้าน้ำมันจากท่อส่งน้ำมันรัสเซียภายในสิ้นปี 2022 (ทำให้การห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียครอบคลุม 90% ของน้ำมันทั้งหมดที่นำเข้ามา)
ก.ค. 2022
Gazprom บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่รัสเซียปิดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 ซึ่งเป็นเส้นทางส่งก๊าซให้ยุโรปตะวันตก ทั้งหมด 10 วัน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อซ่อมบำรุง และหลังกลับมาเปิดดำเนินการ ก็ลดปริมาณส่งก๊าซลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008 โดยอ้างว่า เกิดความผิดพลาดที่ตัวอุปกรณ์
ส.ค. – ก.ย. 2022
Gazprom บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่รัสเซียประกาศหยุดจ่ายก๊าซไปยังยุโรปตะวันตกผ่านท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. – 2 ก.ย. 2022 โดยกล่าวว่า จะทำการซ่อมบำรุงท่อส่งก๊าซ แต่เมื่อครบกำหนดแล้วก็ยังระงับส่งก๊าซต่อ โดยให้เหตุผลว่าพบน้ำมันรั่วในท่อส่งก๊าซ
เมื่อท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 หยุดทำหน้าที่ไป ก็ไม่ต่างอะไรจากการตัดเส้นเลือดสำคัญทางพลังงานของยุโรป ในเมื่อยุโรปพึ่งพาก๊าซธรรมชาติรัสเซียเกือบ 40% ของก๊าซธรรมชาติทั้งหมด แล้วใน 40% นี้ หลัก ๆ ก็มาจาก Nord Stream 1 นี่แหละ ผลที่ตามมาคือ ราคาก๊าซที่พุ่งทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์
ในรอบล่าสุดช่วงปลายเดือน ส.ค. ถึง ก.ย. 2022 ที่รัสเซียหยุดส่งก๊าซผ่านท่อ Nord Stream 1 ทำให้ราคาก๊าซเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับก่อนหยุดส่งก๊าซ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความต้องการใช้สูงแต่ปริมาณก๊าซมีจำกัดมากขึ้นก็จริง แต่อีกส่วนก็เป็นผลจากค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาต่ำกว่า 0.99 ดอลลาร์ต่อยูโร เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ธ.ค. 2002 ด้วย
ดูเหมือนว่ายุโรปรู้ตัวดีอยู่แล้วว่า ไปคว่ำบาตรรัสเซียก็คงต้องเจอรัสเซียเสิร์ฟไม้เด็ดอะไรกลับมาเหมือนกัน ยุโรปเลยเตรียมพร้อมรับมือกรณีเลวร้ายที่สุดสำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ คือ รัสเซียหยุดส่งก๊าซมาให้โดยสมบูรณ์ ด้วยการขอความร่วมมือประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปลดการใช้ก๊าซลง 15% เมื่อเทียบกับปริมาณเฉลี่ยที่ใช้ในช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้ นับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2022 – มี.ค. 2023 เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ไม่มีไฟใช้ในช่วงฤดูหนาว
สมาชิกสหภาพยุโรปเห็นด้วยร่วมกันให้เปิดการแจ้งเตือนระดับสหภาพ ถ้าพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะขาดแคลนก๊าซรุนแรง หรือมีความต้องการใช้ก๊าซสูงเป็นพิเศษ หรือมีสมาชิก 5 ประเทศขึ้นไป ประกาศแจ้งเตือนระดับชาติเพื่อร้องขอให้คณะกรรมาธิการดำเนินการอะไร
การรับมือ “วิกฤตพลังงานยุโรป”
มาตรการลดใช้ก๊าซ 15% ของยุโรป
1. ลดการใช้ไฟ ทั้งภาคครัวเรือน ธุรกิจ อุตสาหกรรม หน่วยงานสาธารณะ
ตัวอย่างที่ทำ
- สเปนสั่งให้ร้านค้าปิดไฟตอนค่ำ และให้หน่วยงานท้องถิ่นปิดไฟเพื่อลดการใช้พลังงานตอนค่ำเช่นกัน
- เยอรมนีสั่งปิดไฟสปอตไลท์ที่ส่องไปยังสถานที่ประวัติศาสตร์และอนุสาวรีย์กว่า 200 แห่ง
- เมืองในออสเตรีย เยอรมนี และอิตาลี ลดการเปิดไฟบนท้องถนนและปิดไฟป้ายการค้า
- พื้นที่บางส่วนในกรุงปารีส ฝรั่งเศส ปิดสัญญาณไฟจราจรบนท้องถนน 3 ชั่วโมงครึ่งทุกคืน และปิดไฟในพื้นที่สาธารณะช่วงค่ำ
2. สนับสนุนการเปลี่ยนรูปแบบเชื้อเพลิงที่ใช้ในอุตสาหกรรม
3. เลื่อนเวลาในการเลิกใช้พลังงานนิวเคลียร์ออกไปก่อน
4. จัดแคมเปญสร้างความตระหนักระดับชาติ โดยมีเป้าหมายให้ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความร้อน
5. สมาชิกสหภาพยุโรปต้องอัปเดตแผนฉุกเฉินของประเทศ ออกเป็นมาตรการเพื่อลดการใช้พลังงาน และรายงานมายังคณะกรรมาธิการยุโรป
แม้ว่ายุโรปจะเตรียมมาตรการรับมือรัสเซียหยุดส่งก๊าซเอาไว้แล้ว แต่ทั่วทั้งยุโรปก็ยังมีความกังวลกันอยู่ว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวจริง ๆ ก็อาจจะเกิดปัญหาใหญ่ขาดแคลนพลังงาน ก๊าซไม่พอใช้ ไฟไม่พอจ่ายได้อยู่ดี และราคาก๊าซที่สูงขึ้นทำสถิติใหม่ไม่หยุดหย่อน ก็อาจจะพุ่งขึ้นไปแรงกว่านี้อีก ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต และค่าครองชีพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และถ้ายุโรปปิดตายการนำเข้าพลังงานเกือบทั้งหมดจากรัสเซียภายในสิ้นปี 2022 ปัญหาแบบนี้ก็อาจจะวนมาให้ยุโรปปวดหัวทุกฤดูหนาวหลังจากนี้ เพราะถึงแม้ยุโรปจะพยายามหันไปหาออปชั่นเสริม เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย แต่ก็คงไม่ได้ชดเชยได้หมดทันในเวลาสั้น ๆ
มาถึงตรงนี้ นักลงทุนคงเห็นกันแล้วว่า วิกฤตพลังงานยุโรปรอบนี้ กระทบยุโรปสาหัสพอสมควร ในด้านการเตรียมตัวรับมือกับความต้องการใช้ก๊าซที่สูงช่วงฤดูหนาว ในขณะที่ปริมาณก๊าซที่จะเข้าสู่ระบบมีน้อยลง ซึ่งปัญหานี้ก็ไม่ใช่เรื่องไม่มีก๊าซใช้ ไม่มีไฟจ่ายเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนด้วย ซึ่งพี่ทุยขอสรุปผลสั้น ๆ ให้ทุกคนเห็นภาพชัดขึ้น ดังนี้
วิกฤตพลังงานยุโรปรอบนี้ มีผลกับเศรษฐกิจและการลงทุนยังไง
- ทำให้ยุโรปมีโอกาสเจอปัญหาเงินเฟ้อพุ่งขึ้นต่อเนื่อง จนต้องใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นมาจัดการ
- เศรษฐกิจยุโรปอาจจะถดถอยแบบลงลึกมากขึ้น
- ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง เพราะความกังวลเศรษฐกิจ
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลง เพราะความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ
ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ถ้านักลงทุนมีการลงทุนในยุโรปอยู่ ก็อาจจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหน่อย และถ้าเห็นพอร์ตแดงก็คงไม่ต้องแปลกใจ เพราะดูจากสถานการณ์ที่ยุโรปกำลังเจอ แทบไม่มีทางที่หุ้นยุโรปจะดีได้เลย ยกเว้นว่าหุ้นนั้นจะเป็นกลุ่มพลังงานที่ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นไป หรือเป็นธุรกิจพลังงานทางเลือกที่จะทดแทนก๊าซธรรมชาติของรัสเซียได้
มุมมองของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อการลงทุนในยุโรป
ถ้าดูจากข้อมูลนี้ พี่ทุยก็ต้องบอกว่า หนาวนี้ วิกฤตพลังงานไม่เพียงแต่ทำให้ยุโรปหนาวเหน็บเพราะอาจจะขาดแคลนไฟฟ้าใช้ในบางช่วง แต่ยังทำให้เศรษฐกิจหนาวไปด้วย เมื่อมีความเสี่ยงจะต้องเจอภาวะถดถอยหนักขึ้น และการลงทุนก็หนาวไปด้วยเหมือนกัน เพราะเวลานี้นักลงทุนสถาบันต่างก็ยังรอจับตาสถานการณ์ และลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปอยู่
อ่านเพิ่ม