“ADA” เมื่อพูดถึงเหรียญนี้คงไม่มีใครไม่คุ้นหู แล้วมีใครชอบเหรียญนี้บ้าง…ยกมือขึ้น
ช่วงนี้ไม่เน้น All Time High แต่เน้น All Time Low ถ้าถามพี่ทุยว่าควรถือต่อไปมั้ย ? พี่ทุยก็คงตอบไม่ได้ บอกได้แค่ว่า ควรจับตาดูให้ดี เพราะ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพัฒนา รอเปิด Mainnet ซึ่งหากได้ใช้กันจริงเมื่อไร คาดว่าคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
อีกทั้งยังเป็นเหรียญหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้ความสนใจและจับตามองมาก ๆ ในเวลานี้ ซึ่งอนาคตจะเป็นยังไงต่อ ก็ลองพิจารณากันตามข้อมูลนะ
สำหรับวันนี้เราไปดู 10 ข้อน่ารู้ ADA กันดีกว่า ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
1. มีผู้ก่อตั้งคือ Charles Hoskinson หนึ่งในอดีตผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญเจ้าพ่ออย่าง Ethereum โดยสาเหตุที่ Charles แยกตัวออกมาเพราะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางขององกรค์ที่ไม่ตรงกันกับ Vitalik Buterin
2. มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Cardano ซึ่งสาเหตุที่คุณ Charles ตั้งชื่อเหรียญว่า ADA นั้นก็มาจากโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลกที่มีชื่อว่า “Ada Lovelace” นั่นเอง
โดยเหรียญถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาของ Bitcoin และ Ethereum ที่ตอนนี้ยังไม่สามารถแก้ได้ในเรื่องของการรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก (Scalability) การทำงานร่วมกันกับเหรียญอื่น ๆ ให้มีความเสถียรภาพ (Interoperability) และความยั่งยืนของเครือข่าย (Sustainability)
3. การพัฒนาของ Cardano แต่ละช่วงจะมีชื่อเก๋ ๆ ตั้งตามวรรณกรรมโบราณอย่าง Byron (ช่วงระดมทุนในการสร้างเหรียญ ADA) , Shelley (ช่วงเปิดให้ Staking) และปัจจุบันคือ Goguen (ช่วงพัฒนา Smart Contract) ส่วนในอนาคตจะเป็น Basho (เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย) และ Voltaire (ช่วงที่ Community สามารถกำหนดทิศทางของโปรเจคได้)
4. ทำ All Time High ไปเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2564 ด้วยราคา 3.101 ดอลลาร์
5. มีอัตราการเติบโตตั้งแต่ต้นปี 2564 มาถึงช่วง ส.ค. 2564 ที่ทำ All Time High อยู่ที่ประมาณ 30 เท่าหรือ 1,700% หรือถ้าเพื่อน ๆ ลงทุนไว้ 10,000 บาท ในวันที่ 1 ม.ค. 2564 แล้วขายในช่วงพีคสุดของราคา จะมีกำไรและทุนจากเงินก้อนนั้นเป็นมูลค่าเกือบ ๆ 180,000 บาท เลยทีเดียว !
6. มี Market Cap อยู่อันดับที่ 6 ของเหรียญที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
7. Cardano กำลังเตรียมพัฒนาระบบให้ป้องกันเทคโนโลยี Quantum ที่จะเป็นภัยคุกคามต่อเหรียญคริปโตในอนาคต ซึ่ง Charles บอกว่าขั้นแรกของกระบวนการในการทำให้ Cardano ทนต่อการโจมตีทางควอนตัมได้ คือ การเปิดใช้งานระบบจำลองเพื่อทดสอบอัลกอริธึมของ Cardano
8. ความเร็วในการทำธุรกรรมของ Cardano อยู่ที่ 270 ธุรกรรม/วินาที ในขณะที่ Ethereum มีความเร็วอยู่ที่ 15 ธุรกรรม/วินาที
9. มี Max supply อยู่ที่ 45,000 ล้านเหรียญ โดยตอนนี้มีอุปทานหมุนเวียนอยู่ในระบบแล้ว 71%
10. แพลตฟอร์มที่น่าจับตามองบน Cardano คือ Sundaeswap (คล้าย Pancakeswap บน BSC) และ Ardana (คล้าย Makerdao บน Ethereum)
จบกันไปแล้วสำหรับเหรียญในดวงใจของใครหลาย ๆ คน ส่วนใครที่สนใจเหรียญตัวนี้ พี่ทุยอยากให้อ่าน “Whitepaper” หรือศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนเสมอนะ จะได้รู้ว่าต้องเตรียมตัวรับมือกับเหรียญต่าง ๆ ได้อย่างไร เช่น Cardano ที่ทำตัวเหมือน Stable Coin แบบนี้