เศรษฐกิจของประเทศหนึ่งดีกว่าอีกประเทศหนึ่งได้อย่างไร ?
คำตอบน่าจะมีได้หลากหลายปัจจัย ทั้งขนาดของประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ ความสามารถของประชากร อัตราการว่างงานที่ต่ำ ความสามารถในการค้าขาย และก็รวมไปถึงเรื่องของนวัตกรรม!
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่อาจจะขาดปัจจัยบวกในหลาย ๆ ด้าน ทั้งขนาดของประเทศที่เล็กกว่าไทยราว 10 เท่า มีประชากรใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ ประเทศไม่มีทางออกสู่ทะเล และทรัพยากรธรรมชาติก็ไม่ใช่จุดเด่นแต่อย่างใด
แต่ “เศรษฐกิจสวิตเซอร์แลนด์” ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ชื่อว่ามีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ด้วยการรั้งอันดับ 2 ของประเทศที่มี GDP Per capita เท่ากับ 83,717 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2019
นวัตกรรม คือ สิ่งที่ชาวสวิตเซอร์แลนด์ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ชื่อว่ามีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุด นำมายกระดับเศรษฐกิจของตัวเอง และปิดจุดอ่อนในด้านอื่น ๆ โดยพยายามเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยตัวเลขเงินลงทุน R&D นั้นสูงถึง 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
ความสามารถเหล่านี้สะท้อนได้จาก 47 รางวัลโนเบล ของชาวสวิต ขณะที่การจดสิทธิบัตรทั่วโลก ระหว่างปี 1985 – 2014 อยู่ที่ราว 2.7 ล้านสิทธิบัตรต่อปี ขณะที่ในปี 2014 มีการจดสิทธิบัตรในสวิสเซอร์แลนด์ถึง 4.3 หมื่นสิทธิบัตร โดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ABB, Roche, Nestle’ และ Novartis ต่างยื่นจดสิทธิบัตรราว 400 – 600 สิทธิบัตรต่อราย
ไม่เพียงแค่การลงทุนในประเทศเท่านั้น บริษัทสัญชาติสวิตยังกระจายออกไปลงทุนในหลาย ๆ ประเทศ และจากตัวอย่างข้อมูลของธุรกิจในสหรัฐฯ พบว่าบริษัทสัญชาติสวิต เป็นบริษัทข้ามชาติที่มีการลงทุนใน R&D มากที่สุด กว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ในปี 2015 สวิตเซอร์แลนด์รั้งอันดับ 1 จากการจัดอันดับของ Global Innovation Index และครองอันดับ 1 จากการจัดอันดับ Global Competitiveness Report ในปี 2017 เช่นกัน
อย่างไรก็ดี การจะรักษาความสามารถในการพัฒนานวัตกรรม และยกระดับธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง สภาพแวดล้อมของประเทศควรจะเอื้อให้เกิดขึ้นด้วย อาทิเช่น กฎเกณฑ์ที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ และเปิดโอกาสให้ธุรกิจใหม่ ๆ พัฒนาได้ง่าย การสนับสนุนทางด้านการศึกษา รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้กับนานาประเทศ
ณ ปี 2019 จะเห็นว่า 99% ของธุรกิจในสวิตเซอร์แลนด์ เป็นธุรกิจ SME ซึ่งมีพนักงานต่ำกว่า 250 คน โดยอุตสาหกรรมหลักคือ บริการ คิดเป็นสัดส่วน 74% ของ GDP รองลงมาคืออุตสาหกรรม 25% และที่เหลืออีกไม่ถึง 1% มาจากเกษตรกรรม นอกจากนี้ ระบบธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่คนทั่วไปจะนึกถึงไม่แพ้เทือกเขา Alps, ช็อกโกแลต หรือนาฬิกา
ในปี 1934 สวิตเซอร์แลนด์ได้ออกกฎหมายในการรักษาความลับของลูกค้าธนาคาร ซึ่งในระยะแรกนั้นใช้เพื่อปกป้องทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกคุกคามโดยนาซี หลังจากนั้นระบบนี้ยังคงใช้มาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน และทำให้สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นแหล่งพักเงินนอกประเทศและเป็น Tax havens ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20
เมื่อเป็นเช่นนี้ เงินของคนรวยทั่วโลกที่ต้องการรักษาความลับของบัญชีตนเอง ต่างหลั่งไหลเข้าสู่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ถือครองสินทรัพย์รวมกันถึง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2018 หรือคิดเป็น 25% ของสินทรัพย์ที่มีการโยกย้ายระหว่างประเทศทั่วโลก
“เศรษฐกิจสวิตเซอร์แลนด์” ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีของประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาจุดแข็งของตัวเอง และลงทุนกับมันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เราได้เห็นกันมาหลายต่อหลายปีว่า นี่คือหนึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วและสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้อย่างดี
Comment