หลายคนอาจจะรู้สึกตื่นเต้นและกระชุ่มกระชวยเป็นพิเศษเมื่อถึงทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือนโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันสำคัญที่หลาย ๆ เดือนถึงวนมาสักครั้ง ขาประจำอาจโต้ว่าก็ในเมื่อมีวันหวยออกให้ลุ้นตั้งเดือนละ 2 ครั้งจะรอทำไมล่ะ เหตุผลด้านสุขภาพก็มา เช่น การตื่นเต้นให้เลือดสูบฉีดมีผลดีต่อร่างกายนะ ต่อจากนั้นเหตุผลด้านจริยธรรมก็ตามมา อย่างเช่น การซื้อหวย นอกจากจะได้ลุ้นโชค เผื่อเป็นเศรษฐีใหม่กับเค้าเเล้ว ยังช่วยให้รัฐบาลมีรายได้ “GDP” ของประเทศเพิ่มด้วยนะ จิตสาธารณะไปอีก ฮ่า ๆ
ซึ่งประเด็นที่พี่ทุยอยากชวนคุยวันนี้ก็คือข้ออ้างที่ว่า “การซื้อหวยและการเล่นพนันช่วยเพิ่ม GDP ของประเทศจริงมั้ย?“ นี่แหละ จะตอบคำถามข้อนี้ได้ เราก็ต้องมาดูความหมายของเค้า ก่อนจะไปพูดเรื่องซับซ้อนอย่าง GDP เรามาอุ่นเครื่องด้วยเรื่องใกล้ตัวอย่างหวยกันก่อนดีกว่าเนอะ
หวยมีมานาน เก่าแก่ยิ่งกว่าธนาคารแห่งแรกซะอีก
ย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2375 นู่นเลย ซึ่งเป็นช่วงข้าวยากหมากแพง ผู้คนไม่ค่อยยอมใช้เงิน สภาพเศรษฐกิจก็เลยยิ่งฝืดเข้าไปใหญ่ ธนาคารก็ยังไม่มี จนถึง พ.ศ. 2449 โน่นแหละ จึงจะมีธนาคารแห่งแรกชื่อว่าสยามกัมมาจลหรือธนาคารไทยพาณิชย์ในปัจจุบันให้คนได้ฝากเงิน คนสมัยนั้นจึงนิยมเก็บเงินไว้ในโอ่งหรือไหแล้วฝังดินเอาไว้ ไม่นานรัชกาลที่ 3 จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการตั้งโรงหวยขึ้นมา อาจจะด้วยเพราะเล็งเห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะช่วยให้การเงินบ้านเมืองดีขึ้น สรุปได้ว่า หวยเก่าแก่ถึงขนาดเกิดขึ้นก่อนธนาคารอีกนะจ้ะ
หวยในระยะแรกแพร่หลายอยู่ในหมู่คนจีน สักระยะหนึ่งถึงลามมายังคนไทย โดยโรงหวยนั้นเป็นของรัฐแต่มีเอกชนเป็นผู้ได้รับสัมปทาน พูดง่าย ๆ ว่ามีลักษณะเป็นรัฐวิสาหากิจนั่นแหละ และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งก็ได้มีการออกลอตเตอรี่ครั้งแรก แต่ออกเฉพาะในโอกาสสำคัญ ๆ เท่านั้น ท้ายที่สุดระบบก็ได้เปลี่ยนมาออกลอตเตอรี่ประจำเหมือนทุกวันนี้เมื่อปี พ.ศ. 2475 ต่อมาในปีพ.ศ. 2482 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแห่งประเทศไทยก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
ส่วนอีกประเด็นที่เราพอจะคุ้นหูกันอยู่แล้วก็คือเรื่องของตัวเลข GDP มาทบทวนกัน
GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Products หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ แปลไทยเป็นไทยอีกทีก็คือ GDPคิดรวมรายได้ที่เกิดขึ้นภายในประเทศทั้งหมดเลย ไม่ว่าผู้ที่ทำให้เกิดรายได้นั้นจะเป็นคนชาติไหนหรือมาอยู่ไทยแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม เช่น รายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทย พี่ทุยได้เคยเล่าถึง GDP อย่างละเอียดแบบจับเข่าคุยเลยในบทความหัวข้อ “GDP คืออะไร?” ใครสนใจ ไปอ่านกันได้นะจ้ะ
GDP มีองค์ประกอบอยู่ 5 อย่าง คือ การบริโภคของภาคเอกชนและประชาชน ซื้อของการลงทุนของภาคเอกชน การใช้จ่ายหรือการลงทุนของรัฐบาล และการนำเข้า-ส่งออก
ดังนั้นการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงจัดเป็น การบริโภคของภาคเอกชนและประชาชน และเป็นการเพิ่ม GDP ให้ประเทศ เพราะก็ถือว่าเป็นการซื้อของอย่างหนึ่งไง
พี่ทุยหมายถึงการซื้อหวยรัฐบาล ไม่ใช่หวยใต้ดินนะเพราะกองสลากฯ เค้าเสียภาษีให้รัฐบาลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าไปซื้อหวยใต้ดินทั่วไปไม่นับว่าเป็นการเพิ่ม GDP ให้ประเทศนะ เพราะเค้าไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงสรุปได้ด้วยว่า การเล่นการพนัน เช่น แทงบอล แข่งม้า หรือการพนันออนไลน์อย่างบาคาร่าออนไลน์ไม่จัดเป็นกิจกรรมที่ช่วยเพิ่ม GDP ให้ประเทศด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าเล่นหวยใต้ดินหรือเล่นการพนันออนไลน์ จะอ้างว่าเพราะมีจิตสาธารณะอยากช่วยเศรษฐกิจประเทศไม่ได้นะจ้ะ ฮ่า ๆ
และรายได้ภาษีจากกองสลากที่ส่งให้รัฐบาลก็ไม่ได้ธรรมดาเลยนะ แต่เป็นรัฐวิสาหกิจที่ทำรายได้ให้รัฐบาล ได้สูงสุดมานาน นานขนาดที่ว่าในสมัยรัชกาลที่ 5 รัฐเลิกอากรหวยได้ยาก เพราะเป็นรายได้หลักของรัฐบาลซึ่งหวยยังเป็นรายได้หลักของรัฐบาลอยู่ในทุกวันนี้เลยก็ว่าได้
ในปีงบประมาณ 2562 (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) รัฐมีรายได้ทั้งสิ้น 169,159 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจที่ทำเงินให้รัฐได้อันดับที่ 1-5 คือ
1. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวนเงิน 41,916 ล้านบาท คิดเป็น 24.78%
2. บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จำนวนเงิน 29,198 ล้านบาท คิดเป็น 17.26%
3. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวนเงิน 18,924 ล้านบาท คิดเป็น 11.20%
4. ธนาคารออมสิน จำนวนเงิน 16,538 ล้านบาท คิดเป็น 9.77%
5. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวนเงิน 10,903 ล้านบาท คิดเป็น 6.45%
จะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีรายได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาลมากเลยทีเดียว
กำไรและจำนวนเงินที่ส่งให้รัฐย้อนหลังตั้งแต่ปี 2556-2561
ปี 2556 นำส่งรัฐบาล 15,082 ล้านบาท และมีกำไร 3,198 ล้านบาท
ปี 2557 นำส่งรัฐบาล 15,311 ล้านบาท และมีกำไร 3,111 ล้านบาท
ปี 2558 นำส่งรัฐบาล 15,432 ล้านบาท และมีกำไร 3,524 ล้านบาท
ปี 2559 นำส่งรัฐบาล 25,919 ล้านบาท และมีกำไร 5,188 ล้านบาท
ปี 2560 นำส่งรัฐบาล 30,947 ล้านบาท และมีกำไร 6,450 ล้านบาท
ปี 2561 นำส่งรัฐบาล 40,850 ล้านบาท และมีกำไร 7,657 ล้านบาท
พี่ทุยเชื่อว่ามาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะตั้งคำถามขึ้นมาทันทีว่า ทำไมกำไรของกองสลากถึงน้อยกว่าจำนวนเงินที่ส่งรัฐอีกล่ะ? มาดูกันดีกว่าว่า
หวย 1 ใบ 80 บาทนี้มีต้นทุน กำไรยังไงบ้าง
60% จะเป็นเงินรางวัล เทียบเท่ากับ 48 บาท
ไม่น้อยกว่า 20% เป็นรายได้แผ่นดิน (ตรงนี้ปรับลดมาแล้วจาก 28%) เทียบเท่ากับ 16 บาท
ไม่น้อยกว่า 17% เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและค่าใช้จ่ายในการขาย (เพิ่มมาจาก12%) เทียบเท่ากับ13.60 บาท
3% เป็นเงินกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม เทียบเท่ากับ 2.40 บาท
เมื่อหักต้นทุนและนำรายได้ 20% ส่งรัฐบาล เค้าก็เลยมีกำไรน้อยยังไงล่ะ
นี่ขนาดว่าประเทศไทยมีวันหวยออกแค่เดือนละ 2 ครั้งรายได้ยังมากมายขนาดนี้ ซึ่งถ้าเทียบกับความถี่ของหลาย ๆ ประเทศแล้ว พี่ทุยบอกเลยว่าความถี่ 2 ครั้งต่อเดือนของไทยเทียบไม่ติดฝุ่นเลย ตัวอย่างเช่น ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของไทย อย่างมาเลเซีย เเละญี่ปุ่น หวยออกอาทิตย์ละ 6 วัน ฟิลิปปินส์หวยออกอาทิตย์ละ 5 วัน ฝรั่งเศสหวยออกอาทิตย์ละ 3 วัน ส่วนสเปนพีคสุดเพราะมีการออกหวยถี่ในทุก ๆ 5 นาทีเลย !
สรุปได้สั้น ๆ ว่าถ้าเราซื้อหวยหรือเล่นพนันที่เสียภาษีอย่างถูกกฎหมาย (ตามกฎหมายของประเทศนั้น ๆ แต่ไทยเราไม่มีบ่อนแบบถูกกฎหมายนะ) รายได้ก็จะเข้ารัฐและส่งผลถึง GDP แต่ก็อาจจะไม่ใช่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดสภาพคล่องในระบบมากนัก ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกมากมายที่จะช่วยหนุน GDP ของประเทศ เช่น การท่องเที่ยว การกินใช้ทั่วไป เป็นต้น ยังไงก็อย่าซื้อกันจนหน้ามืด อยู่ในความสมเหตุสมผลและงบประมาณอันสมควรด้วยนะจ้ะ เพราะอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเศรษฐกิจของชาติ ก็คือเศรษฐกิจของตัวเราเองเนี่ยแหละ
Comment