ช่วงนี้ทางการจีนสร้างความฮือฮาจัดระเบียบสังคมด้านต่าง ๆ หลังจากทีประกาศคุมเข้มเหล่าบริษัทเทคโนโลยีไป ล่าสุดวันที่ 30 ส.ค. 2564 ก็จัดเซอร์ไพร์สใหญ่ให้บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ โดย National Press and Publication Administration หน่วยงานควบคุมสื่อของจีน เพิ่งออกกฎใหม่ว่า “ห้ามเด็กเล่นเกม” เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
การกำหนดระยะเวลาการเล่นเกมก็เพื่อสุขภาพกายและจิตใจของเด็ก
พี่ทุยขออธิบายกฎใหม่ของจีนให้ฟังกันก่อน เท่าที่ไปอ่านมา เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ในจีนจะได้รับอนุญาตให้เล่นวิดีโอเกมออนไลน์ได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งหมายถึง ให้เล่นได้ 1 ชั่วโมง ช่วง 20.00-21.00 น. ของวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วถ้าสัปดาห์นั้นมีวันหยุดนักขัตฤกษ์อีก ก็ให้เล่นวันนั้นได้ เหตุผลที่จำกัดชั่วโมงกันขนาดนี้ เพราะทางการจีนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยทั้งสุขภาพกายและจิตใจของเด็ก ๆ เอง
เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเล่นนอกเวลาที่ทางการกำหนด บริษัทที่ให้บริการเกมออนไลน์ต้องปฏิบัติตามกฎนี้ ด้วยการไปจำกัดการเข้าถึงของกลุ่มผู้เล่นที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ให้สามารถเข้าเล่นเกมนอกเวลาที่กำหนด และเพื่อป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ เล็ดลอดเข้ามานอกช่วงเวลาได้ ต้องให้ลงทะเบียนเข้าระบบด้วยชื่อจริงเท่านั้น
นี่ถือเป็นกฎที่อัปเดตมาจากการคุมเข้มก่อนหน้านี้ เพราะถ้าย้อนไปในปี 2019 จีนก็เคยออกกฎมาแล้วว่า เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมได้แค่ 1 ชั่วโมงครึ่งต่อวัน การออกกฎรอบนี้จึงเหมือนการเพิ่มความเข้มข้นของกฎขึ้นไปอีกระดับด้วยการลดจำนวนชั่วโมงต่อวัน และลดจำนวนวันที่จะเล่นได้ นอกจากห้ามเรื่องจำนวนชั่วโมง อีกเรื่องที่ทางการจีนเคยทำคือ ควบคุมเนื้อหาในเกม โดยห้ามเกมที่มีเนื้อหาความรุนแรง
วิเคราะห์การ “ห้ามเด็กเล่นเกม” ส่งผลกระทบอย่างไรกับบริษัทเกมจีน
ภาพรวมของตลาดเกมจีนถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความน่าสนใจอย่างมากจากจำนวนผู้เล่นที่มีสูงถึง 665 ล้านคน พร้อมยอดใช้จ่ายกับวิดีโอเกมสูงถึง 278,000 ล้านหยวนต่อปี นับว่าเป็นตลาดเกมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเมื่อเกิดกฎเกณฑ์ในการคุมเด็กเล่นเกม จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า จริง ๆ แล้วกลุ่มใหญ่คือกลุ่มที่เป็นวัยเรียนตอนปลายและเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน กับกลุ่มคนทำงานแล้ว ส่วนกลุ่มอายุต่ำกว่า 18 ปี มีสัดส่วนสูงลำดับ 3
แต่ถ้าตัดกลุ่มนี้ออกไป บริษัทเกมจีนก็ยังมีรายได้จากกลุ่มอื่นอยู่ ซึ่งกลุ่มที่เหลือล้วนทำงานหาเงินเองได้แล้วทั้งนั้น พี่ทุยพบว่า หุ้นของบริษัทเกมยักษ์ใหญ่จีน ทั้ง NetEase และ Tencent ก็ได้รับผลเล็กน้อยเท่านั้นหลังข่าวทางการจีนออกมา โดยราคาลดลง 2.9% และ 3% ตามลำดับในวันแรก แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นก็กลับขึ้นมาได้
พอไปดูข้อมูลที่นักวิเคราะห์ พบว่า NetEase มีรายได้ต่ำกว่า 1% จากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ส่วน Tencent มีรายได้ธุรกิจเกมจากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ประมาณ 5% เท่านั้น
พี่ทุยคิดว่าทางการจีนคงต้องการให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ ไม่ใช้เวลาไปกับเกมมากเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การเข้าสังคม หรือการใช้เวลากับครอบครัว และด้วยความพิเศษของจีน เป็นประเทศที่สั่งซ้ายไปซ้าย ขวาไปขวาได้ จึงใช้จังหวะนี้ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียเลย เพราะการเล่นเกมก็เป็นอีกกิจกรรมที่มีทั้งข้อดี ข้อเสีย ถ้ารู้จักแบ่งเวลา การเล่นเกม นอกจากให้ความบันเทิง ก็ยังช่วยฝึกทักษะ และทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
แต่ถ้าใช้จัดสรรเวลาไม่เป็น เกมก็จะส่งผลกระทบต่อชีวิตได้ในทุกช่วงวัย เสียการเรียน เสียงาน และเสียเงินมากกว่าที่ควรเป็น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้หมด
อีกประเด็นที่พี่ทุยมองคือ ถึงกลุ่มต่ำกว่า 18 ปี จะโดนจำกัดเวลาขนาดนี้ แต่พอกลุ่มนี้อายุเกิน 18 ปีไปแล้ว ไม่ได้ถูกห้ามแล้ว ในอนาคตก็ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสร้างรายได้ให้บริษัทเกมจีนได้ในอนาคต
และถ้าเราไปโฟกัสแผนธุรกิจของบริษัทเกมจีนดี ๆ จะพบว่า บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ทั้งหลายไม่ได้หยุดการเติบโตแค่ในจีน แต่พวกเขากำลังมีแผนขยายอาณาจักรในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามส่งออกเกมที่ยอดนิยมในจีนไปยังตลาดต่างประเทศ เริ่มต้นจากเอเชียด้วยกัน
เช่น NetEase ที่ขยายตัวไปยังตลาดญี่ปุ่น และอเมริกาเหนือ โดยนอกจากพัฒนาเกมเอง ก็ยังร่วมมือกับพันธมิตรนักพัฒนาเกมชั้นนำรายอื่น เพื่อนำออกสู่ตลาดจีนและตลาดโลก เช่น ร่วมมือกับ Portkey Games label ซึ่งเป็นบริษัทเกมของ Warner Bros. Interactive Entertainment พัฒนาเกม Harry Potter : Magic Awakened โดยจะเปิดตัวเกมวันที่ 9 ก.ย. 2021 เพื่อเจาะตลาดเกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ถ้าดูข้อมูลในเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของ NetEase พบว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2021 NetEase มีรายได้รวม 20,500 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 12.9% จากไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 โดยที่รายได้นี้มาจากธุรกิจเกมออนไลน์ 14,500 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5.1% เทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2020
ส่วน Tencent มีรายได้ด้านเกม มาจากต่างประเทศ 21% ในปี 2020 โดยเกมยอดนิยม กลุ่มเกมมือถือ ได้แก่ Honor of Kings และ Peacekeeper Elite และถ้าไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ Tencent เอง ในไตรมาสที่ 2 ปี 2021 มีรายได้จากธุรกิจเกม 43,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบไตรมาส 2 ปี 2020 โดยมีตัวขับเคลื่อนหลักมาจากเกมดัง เช่น Honor of Kings, PUBG Mobile, Valorant, Clash of Clans และ Moonlight แต่ Tencent เองมีธุรกิจทำเงินอื่นด้วยนอกจากเกม เช่น โฆษณาออนไลน์ ฟินเทค โซเชียลมีเดีย และบริการคลาวด์ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า รายได้รวมของ NetEase เติบโตมากกว่าอัตราการเติบโตของกลุ่มบริการเกมออนไลน์ ดังนั้นรายได้ตลาดเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่หายไปจากตลาดเกม ก็มีผลน้อยมากกับบริษัท ส่วน Tencent มีรายได้ธุรกิจหลากหลาย ดังนั้นนักลงทุนทั้งหลายที่ลงทุนในหุ้นเหล่านี้อยู่เอง หรือมีกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ ไม่ต้องตกใจกันไปมากมายกับการออกกฎครั้งนี้
ส่วนใครที่ยังสนใจลงทุนหุ้นเกมจีนอยู่ พี่ทุยแนะนำให้ทยอยลงทุนไปเรื่อย ๆ ดีกว่าเทเงินลงไปทีเดียว เพราะอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ในจีน ในระยะยาวจีนมีอนาคตที่ดี แต่ในระยะสั้น มีโอกาสผันผวนได้มาก ดังนั้นค่อย ๆ ใส่เงินลงทุนไปดีที่สุด