Facebook ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเริ่มเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการยิง Ads ใน Facebook ในอัตรา 7% สอดคล้องกับประกาศกฎหมาย e-Service ที่มีมติเห็นชอบตั้งแต่ปี 2563 และมีประกาศราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่ต้นปี 2564 โดย “Facebook เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม” จะเริ่มพร้อมกันทั่วไทยวันที่ 1 ก.ย. 2564 กฎหมายนี้จะกระทบใครบ้างแล้วประชาชนอย่างเราจะกระทบด้วยหรือเปล่าไปดูกัน
กฎหมาย e-Service
กฎหมาย e-Service คือกฎหมายการเก็บภาษีที่ใช้กับการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นบริการที่สอดแทรกเข้าไปในชีวิตของเราเกือบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นค่ารายเดือนจากการดูหนังฟังเพลงอย่าง Spotify หรือ Netflix หรือแม้กระทั่งสติ๊กเกอร์ Line เองก็ถูกรวมอยู่ด้วย
ธุรกิจที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้แก่ ผู้ประกอบการที่ให้บริการ e-Service จากต่างประเทศ ที่ให้บริการดาวน์โหลด ภาพยนตร์ เพลง เกม สติ๊กเกอร์ นายหน้า สื่อโฆษณา เป็นต้น รวมถึง แพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการในไทยอย่าง Apple, Google, Facebook, Netflix, Line, Youtube, Tiktok และต้องมีรายได้จากการให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีจากการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้บริการในไทย
พูดง่าย ๆ คือทุกบริการที่มีการชำระเงินและส่งมอบผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จะถูกนำมาคำนวณ VAT และนั่นก็รวมถึงค่ายิง Ads ผ่านช่องทาง Facebook ด้วย
Facebook เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างไร
จากที่ Facebook ได้ประกาศออกมานั้น VAT ที่ถูกเก็บจากการยิง Ads นั้นจะถูกเรียกเก็บไม่ว่าจะใช้บัญชีส่วนตัวในการยิง Ads หรือ จะใช้บัญชีธุรกิจก็ตาม จะถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมด ดังนั้นการเลี่ยงไปใช้บัญชีส่วนตัวหรือบัญชีสร้างใหม่นั้น ไม่สามารถเลี่ยงการถูกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้
VAT จะไม่กระทบกับวงเงินในการโฆษณาที่ได้รับโดยจะถูกคำนวณเพิ่ม ณ ตอนชำระค่าบริการ และสำหรับบัญชีที่ใช้การเติมเงินก่อน การยิง Ads จะถูกคำนวณ VAT ไว้ทันทีเพื่อไม่ให้ใช้ค่า Ads เกินเงินที่เติมเข้าไปในบัญชี
การที่ Facebook เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จะกระทบใคร
สำหรับคนที่ไม่ได้จด VAT ไม่เคยยื่น ภพ. 36 นั้นเท่ากับว่าต้นทุนในการยิง Ads จะเพิ่มขึ้นมาถึง 7% เลยทีเดียว ยิ่งในบางธุรกิจที่ใช้งบในการยิง Ads สูง จะยิ่งได้รับผลกระทบด้านต้นทุนสูงขึ้น และอาจหมายถึงราคาสินค้าและบริการที่อาจปรับขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อลูกค้าหรือผู้ซื้ออีกด้วย
แต่สำหรับธุรกิจที่จด VAT อยู่แล้ว ยื่น ภพ. 36 ตามปกติ ในบัญชีโฆษณาได้มีการผูกหรือใส่เลขประจำตัวผู้เสียภาษีไว้อยู่แล้ว ก็จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษี VAT 7% นี้ เพราะเข้าใจได้ว่าบัญชีเหล่านี้มีการจ่ายภาษีให้รัฐอย่างถูกต้องอยู่แล้ว ซึ่งผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการยิง Ads ไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการโฆษณาได้เต็มจำนวน
ปัญหาเพิ่มเติมที่จะเกิดขึ้นจะเกิดกับคนที่ทำโฆษณาในนามบุคคล เพราะตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนจากทาง Facebook ว่าจะสามารถออกใบกำกับภาษีให้ได้หรือไม่ เพราะการจะยื่นในนามบุคคลได้นั้นต้องเป็นใบกำกับภาษีที่ระบุ เลขบัตรประชาชนนามบุคคล ครบถ้วนถึงจะนำมาใช้ประโยชน์ทางภาษีได้
ทำไมต้องเก็บ VAT กับ e-Service
ธุรกิจ e-Service กำลังเติบโตอย่างมากในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเจ้าของธุรกิจอยู่ในต่างประเทศ การเก็บภาษีกับบริษัทไอทีข้ามชาติจะเป็นหนึ่งในรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งทางสรรพากรเองก็คาดว่าการจัดเก็บภาษีนี้จะสร้างรายได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ไว้ที่ 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ซึ่งบริการทางด้านออนไลน์ก็มีแนวโน้มที่จะโตอย่างต่อเนื่อง เพราะคนไทยมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกว่า 75% และกว่าครึ่งหนึ่งใช้บริการออนไลน์อย่างการดูหนังฟังเพลงผ่านช่องทางออนไลน์ การซื้อขายเพลงออนไลน์ก็เติบโตถึง 9% ซื้อขายเกมเติบโต 7.8% และโฆษณาออนไลน์โต 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้ในอนาคตจะเป็นแหล่งรายได้ที่ดีให้ประเทศและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกมุมหนึ่งการเก็บภาษีออนไลน์กับบริษัทไอทีข้ามชาติมีส่วนช่วยในการสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการในไทย ลองนึกภาพบริษัทน้องใหม่ในไทยที่มีแนวคิดธุรกิจดีมีแนวโน้มการเติบโตดีเป็นธุรกิจออนไลน์ บริษัทเหล่านี้ต้องเสีย VAT เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ในขณะที่บริษัทต่างชาติก่อนหน้านี้ไม่จำเป็นต้องเสีย VAT ในการดำเนินธุรกิจเลย เท่ากับว่าบริษัทในไทยต้องแข่งขันกับบริษัทชั้นนำต่างชาติที่มีต้นทุนต่ำกว่า การมี VAT กับธุรกิจต่างชาติจึงช่วงสร้างความเท่าเทียมให้ธุรกิจและผู้ประกอบการในไทย
อ่านเพิ่ม