"Tesla" กับการเติบโตของรถพลังงานไฟฟ้า

“Tesla” กับการเติบโตของรถพลังงานไฟฟ้า

3 min read  

ฉบับย่อ

  • หลังจากเปิดตัว Tesla Model 3 ที่เจาะตลาดแมส Tesla ก็ได้เป็นอันดับ 1 ในสหรัฐฯด้านรายได้การขายรถและยังเป็นอันดับ 1 ด้านจำนวนรถที่ขายในกลุ่มรถหรูไซส์เล็กและกลางอีกด้วย
  • หลังจากที่มีข่าวว่า Tesla ส่งรถช้ากว่าเป้าที่เคยสัญญาไว้ ตอนนี้ Tesla เริ่มผลิตและส่งรถได้เร็วขึ้นใกล้เคียงเป้าที่เคยวางไว้
  • แม้สถานการณ์จะดีขึ้นแต่ราคาหุ้นของ Tesla ยังไม่สู้ดีนักจากปัจจัยอื่นอย่าง ข่าวไม่ดีของ Elon Musk และภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  • เหตุผลที่คนตัดสินใจซื้อรถ Tesla ถึงแม้ราคาจะแพงกว่ารถทั่วไปคือ Tesla ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นพลังงานสะอาด รถมีคุณภาพมีเทคโนโลยีที่มีการอัพเดทสม่ำเสมอ และค่าซ่อมบำรุงในระยะยาวค่อนข้างต่ำกว่า

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

“Tesla” บริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แบรนด์รถยนต์อันดับ 8 ของโลกของนักธุรกิจชื่อดังอย่าง Elon Musk มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยรถรุ่นใหม่ซึ่งเป็นรุ่นถูกที่สุดของ Tesla ชื่อ Tesla Model 3 ที่มาตอบโจทย์ตลาดแมส เพราะมีราคาเทียบกับรุ่นก่อนๆถูกลงอย่างมาก ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดจองกว่า 5 แสนคัน และสามารถสร้างรายได้รวมในช่วงที่ผ่านขึ้นแซงเป็นอันดับ 1 ทำให้เห็นความเชื่อมั่นและเสียงตอบรับที่ดีต่อรถพลังงานไฟฟ้าได้อย่างชัดเจนแม้จะต้องรอรถนานก็ตาม

Tesla Model 3 รายได้แซงเป็นอันดับ 1

Tesla Model 3 มียอดขายในกลุ่มรถหรูไซส์เล็กและกลางเป็นอันดับ 1 ซึ่งแซงแบรนด์หรูชื่อดังอย่าง Mercedes Benz และ BMW เป็นที่เรียบร้อย โดยในเดือน กรกฏาคม 2018 มียอดขายสูงถึง 16,000 ในสหรัฐฯ นำ BMW ที่มียอดขาย 12,811 คัน และ Mercedes Benz ที่มียอดขาย 11,835 คัน แถมรายได้รวมจากการขายรถยนต์ตัวใหม่นี้ ยังแซงรถที่ติดตลาดจากแบรนด์ใหญ่อย่างรถ Toyota Camry และ Honda Accord อีกด้วย โดยในเดือนสิงหาคม 2018 Tesla Model 3 กวาดรายได้ในเดือนนั้นไปกว่า 993 ล้านดอลลาร์ โดยที่ Toyota Camry ทำรายได้ไปที่ 765 ล้านดอลลาร์ และ Honda Accord 679 ล้านดอลลาร์

ยอดการส่งรถทั่วโลกเติบโต

ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีความล่าช้าในการส่งมอบรถก็ตาม แต่ล่าสุดยอดการส่งรถของ Tesla มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลล่าสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2018 มียอดการนำส่งสูงถึง 83,500 คัน เยอะกว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2018 กว่า 2 เท่า และเยอะกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 3.2 เท่าเลยทีเดียว โดยที่ 55,840 คันในนั้น ของไตรมาสที่ 3 ปี 2018 มาจากการส่งรถรุ่นใหม่ Tesla Model 3 และ 14,470 คันจาก Tesla Model S และ 13,190 คันจาก Tesla Model X และถึงแม้จะมีคนยกเลิกการจองเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังได้รับยอดจองเพิ่มขึ้นกว่าพันคันทุกวัน

"Tesla" กับการเติบโตของรถพลังงานไฟฟ้า

ราคาหุ้นของ “Tesla”

ถึงแม้รายได้ของ Tesla จะเติบโตเป็นพิเศษ และปริมาณการส่งมอบรถเติบโตจนน่าตกใจ แต่ราคาหุ้นของ Tesla นั้นเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม มีผลจากหลายๆปัจจัย คือ

  1. ทิศทางของตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกา – เนื่องจากตลาดหุ้นอเมริกามีการปรับตัวลงเป็นอย่างมากจากตัวเลขเงินเฟ้อที่มีท่าทีจะสูงขึ้น อาจทำให้ธนาคารกลางเพิ่มดอกเบี้ย เพื่อชะลอเศรษฐกิจไม่ให้ร้อนแรงเกินไป ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลง และกระทบต่อราคาหุ้น Tesla
  2. ข่าวไม่ดีของ Elon Musk – ปี 2018 Elon Musk เจอกับข่าวไม่ดีเกือบตลอดทั้งปี แต่ที่มีผลต่อ Tesla มากที่สุดคือเมื่อ Elon Musk ประกาศผ่าน Twitter เรื่องการซื้อหุ้น Tesla คืน จนทำให้ทั้ง Elon Musk และ Tesla ถูก กลต.สหรัฐฯ ปรับเงินไปรายละกว่า 20 ล้านดอลลาร์ และต้องลงจากตำแหน่งประธานบริษัท [อ่านเพิ่มเติม : ทำไม Elon Musk และ Tesla ถูกปรับ 20 ล้านดอลลาร์]
  3. ความล่าช้าของการส่งรถ Tesla Model 3 – ถึงแม้ตอนนี้จะมีตัวเลขนำส่งที่ดีขึ้น แต่เมื่อเทียบกับเป้ารวมที่ Tesla เคยสัญญาไว้ก่อนหน้านี้ยังคงต่ำกว่าและช้ากว่ากำหนด ซึ่งมีการเลื่อนและลดเป้ามาหลายครั้งแล้ว

ทำไมยอดขายรถ Tesla Model 3 ในสหรัฐฯถึงเติบโต ?

  1. พลังงานที่ใช้ – หัวใจสำคัญหลักเลยคือพลังงานที่ใช้เป็นไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดกว่าน้ำมัน และค่าไฟนั้นถูกกว่าน้ำมันเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลงเป็นอย่างมากเช่นกัน ถึงแม้ปัจจุบัน Tesla จะไม่ได้ให้ชาร์จฟรีเหมือนช่วงแรกแล้วก็ตาม แต่เมื่อคิดค่าใช้จ่ายนั้นก็ยังถูกกว่าการใช้น้ำมัน ซึ่งการชาร์จ Tesla Model 3 ให้เต็มรถจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 500 กิโลเมตร ซึ่งหากคิดคร่าวหากค่าไฟบ้านเราหน่วยละ 5 บาท การชาร์จไฟจนเต็มจะใช้เงินเพียง 375 บาท ซึ่งตก 0.75 บาท ต่อการขับรถ 1 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
  2. คุณภาพรถ – สิ่งที่ Tesla ใส่ใจนอกจากเทคโนโลยีด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าแล้ว ยังใส่ใจรายละเอียดในรถที่มีความสะดวกมากมายทั้งการสั่งการรถผ่านมือถือ ระบบ Auto-Pilot ที่ช่วยควบคุมการขับรถ ยังมีการอัพเดท firmware อย่างสม่ำเสมออีกด้วย รองรับการใช้งานระบบใหม่ๆในอนาคต และประสิทธิภาพรถ Tesla Model 3 ถึงแม้จะเป็นรถพลังงานไฟฟ้า แต่สามารถทำความเร็วได้ดีเท่ารถสปอร์ตหรูๆได้เลย โดยตัว Top ของ Tesla Model 3 สามารถทำความเร็วจาก 0-100 km/h ได้ภายในเวลาเพียง 3.3 วินาทีเท่านั้น
  3. ค่าซ่อมบำรุง – สิ่งที่เป็นเรื่องปวดหัวของรถหลายๆคันเลย คือ ค่าซ่อมบำรุง เนื่องจาก Tesla Model 3 เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจึงไม่ต้องมีเครื่องยนต์ส่งผลให้ลดความซับซ้อนของชิ้นส่วนรถทำให้มีจำนวนชิ้นส่วนภายในรถน้อยกว่าหลาย 10 เท่า ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่า แต่จะไปหนักในเรื่องของราคาแบตเตอรี่แทน แต่เมื่อเปรียบเทียบภาพรวมแล้วก็จะมีค่าใช้จ่ายโดยรวมที่ต่ำกว่า ซึ่งในอนาคตเทรนด์ของแบตเตอรี่ลิเทียมไออนที่ Tesla ใช้ก็มีแนวโน้มที่จะถูกลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อรถเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตในอนาคตอีกด้วย

ราคาของ Tesla Model 3

ในส่วนของราคาของ Tesla Model 3 นั้น ตัวสูงสุดหรือ Tesla Model 3 Performance จะตกอยู่ที่ประมาณ 64,000 ดอลลาร์ ตกประมาณ 2,080,000 บาท ซึ่งในสหรัฐมีการสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะได้ส่วนลดภาษีไปอีก 7,500 ดอลลาร์ หรือประมาณเกือบ 250,000 บาท ซึ่งหากรวมภาษีนำเข้าแล้วราคาอาจจะสูงถึง 6 ล้านบาทไทย ซึ่งหากมองในมุมประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว สัดส่วนภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมาขนาดนี้อาจจะไม่คุ้มกับการนำเข้าหรือเปลี่ยนจากรถใช้น้ำมันมาเป็นรถไฟฟ้าเท่าไหร่

ก็ต้องรอแผนในอนาคตว่ารัฐบาลจะหันมาสนับสนุนรถพลังงานไฟฟ้าหรือเปล่า เพราะอาจจะกระทบกับเศรษฐกิจในไทยเนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องยนต์ในไทยมีปริมาณมากอาจจะเกิดการว่างงานเป็นจำนวนมากจากการปรับตัวไม่ทัน

รถพลังงานไฮโดรเจน

อีก 1 พลังงานสะอาดที่อาจจะเป็นคู่แข่งกับรถพลังงานไฟฟ้าคือ รถไฮโดรเจน ซึ่งบุกเบิกโดย โตโยต้า ในชื่อ โตโยต้า มิราอิ แต่สิ่งที่อาจทำให้รถไฮโดรเจนยังมีตัวเลขไม่สูงนัก และมีโอกาสใช้งานแพร่หลายจริงนั้นเกิดขึ้นยากในเร็วๆนี้ เพราะพลังงานไฮโดรเจนนั้นมีการเก็บรักษาที่ยาก และการขนส่งจะต้องใช้ต้นทุนที่สูงมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับพลังงานไฟฟ้าแล้วที่ปัจจุบันสามารถชาร์จได้สะดวกสบายเข้าถึงการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ชาร์จได้แม้กระทั่งไฟบ้าน จึงทำให้ในปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังมีแต้มต่ออยู่มาก

"Tesla" กับการเติบโตของรถพลังงานไฟฟ้า

Toyota Mirai (โตโยต้า มิราอิ)

อย่างไรก็ตาม เราก็คงจะต้องดูกันต่อไปอีกในอนาคตว่าเราจะได้ใช้รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนกันอย่างเป็นจริงเป็นจังได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นตลาดการแข่งขันรถยนต์คงลุกเป็นไฟแน่นอน ! 

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย