ช่วงเช้าของวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 พี่ทุยเชื่อว่าเป็นวันที่นักลงทุน หรือ ผู้ติดตามทั่วไปใจจดใจจ่อกับการรอตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด นั่นคือ GDP ไตรมาส 3 ของไทย โดยล่าสุดทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ประกาศตัวเลข “GDP ไทย” ไตรมาส 3/2563 ออกมาแล้วว่าติดลบ -6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งถือว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ GDP ไทยติดลบหนักสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -12.1%
GDP ไทย ไตรมาส 3/2563 ที่ -6.4% มาจากปัจจัยใดบ้าง
อย่างที่หลายคนทราบแล้วว่า GDP ประกอบไปด้วย 4 เครื่องยนต์หลัก ได้แก่
- การบริโภคภายในประเทศ (Consumption: C)
- การลงทุนรวมภายในประเทศ (Investment: I)
- การใช้จ่ายของภาครัฐ (Government: G)
- และการส่งออกสุทธิ (Net Exports: การส่งออก (X) ลบการนำเข้า (M))
จากตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2563 ที่ออกมา -6.4% นั้น มาจากการติดลบในแทบทุกเครื่องยนต์ของ GDP โดยเฉพาะเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย นั่นคือ ภาคการส่งออกและภาคท่องเที่ยวที่ยังติดลบหนักอยู่ ยกเว้นเครื่องยนต์ที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ ที่ขยายตัวดีสวนทางกับเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวอื่น แล้ว GDP ไตรมาส 3 ที่ออกมานั้นดีขึ้นกว่าไตรมาสที่แล้วแค่ไหน เดี๋ยวพี่ทุยเทียบให้ดูชัด ๆ
- C – การบริโภคภายในประเทศ -0.6% (จาก -6.8% ในไตรมาสที่แล้ว)
- I – การลงทุนรวมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน -2.4% (จาก -8.0% ในไตรมาสที่แล้ว)
- G – การใช้จ่ายภาครัฐ +3.4% (จาก +1.3% ในไตรมาสที่แล้ว)
- X – การส่งออกสินค้าและบริการ -23.5% (จาก -27.8% ในไตรมาสที่แล้ว)
- M – การนำเข้าสินค้าและบริการ -20.3% (จาก -23.2% ในไตรมาสที่แล้ว)
จะเห็นได้ว่า GDP ไตรมาส 3/2563 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วในทุกเครื่องยนต์ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยได้ออกจากภาวะถดถอยเชิงเทคนิคแล้ว (Technical Recession) เพราะกลับมาขยายตัวที่ 6.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว (QoQ) หลังจากที่เศรษฐกิจไทยจมอยู่กับภาวะถดถอยมา 3 ไตรมาสติดต่อกันตั้งแต่ไตรมาส 4/2562 ถึง ไตรมาส 2/2563
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป
นอกจากนี้ทาง สศช. ยังได้คาดการณ์ว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้เศรษฐกิจไทยจะค่อยnๆ ปรับตัวดีขึ้น และปี 2564 เศรษฐกิจไทยก็จะพลิกกลับมาฟื้นตัวได้ โดยคาดว่า GDP ไทยทั้งปี 2563 จะติดลบที่ -6.0% ดีขึ้นจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ -7.5% ขณะที่ปี 2564 จะกลับมาฟื้นตัวได้ที่ 4%
ทั้งนี้เองจากความร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับต่างประเทศ ทำให้ภาครัฐคลายมาตรการล็อกดาวน์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนในประเทศ ทยอยกลับมาเป็นปกติ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่และต่อเนื่องจากทางภาครัฐก็มีส่วนสำคัญอย่างมากทำให้เศรษฐกิจไทยเริ่มค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
สำหรับพี่ทุยเองมองว่า แม้ตัวเลข GDP จะสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น แต่เมื่อดูในรายละเอียดแล้วยังพบว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงและค่อนข้างเปราะบางอยู่พอสมควร ทั้งภาคการส่งออกที่แม้จะเริ่มดีขึ้น แต่สถานการณ์ศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนในหลายเรื่อง ก็ย่อมกระทบต่อธุรกิจส่งออกไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ธุรกิจในภาคท่องเที่ยวเองยังกลับมาหายในลำบาก เนื่องจากข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะต้องคำนึงถึงโอกาสที่จะกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งด้วย และที่สำคัญ คือ สถานการณ์ความไม่แน่นอนภายในประเทศ และปัญหาการว่างงานภายในประเทศที่กระทบกำลังซื้อและปากท้องของประชาชนยังน่าเป็นห่วง
เพราะโควิด-19 ทำให้แรงงานไทยนับล้านกลายเป็นคนไม่มีงานทำ บางคนก็ต้องยอมรับกับรายได้ที่ลดลง ประกอบกับหนี้ครัวเรือนไทยก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นแรงกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปได้
Comment