“ก.ล.ต.” ผู้อยู่เบื้องหลังความยุติธรรมในตลาดทุน

ตลาดการลงทุนที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุด ยังไงก็คงหนีไม่พ้น “ตลาดทุน” หรือที่เราเรียกคุ้นหูกันว่า “ตลาดหุ้น” เนี้ยแหละ แต่จริง ๆ นอกจากเรื่องของหุ้นแล้ว ตลาดทุนยังประกอบไปด้วย หุ้นกู้ กองทุนรวม ฯลฯ ที่เป็นทางเลือกให้กับคนที่ “ต้องการเงินลงทุน” รวมถึงคนที่มีเงินออม “มีเงินเหลือ” แล้วอยากหาผลตอบแทนจากการลงทุนก็มาที่ตลาดทุนได้ทั้งนั้น ซึ่งแต่ละตลาดก็จะมีเงื่อนไขในการเข้าลงทุนที่แตกต่างกันไป

แต่ก็อย่างที่เรารู้กันว่าด้วยการลงทุนผ่านตลาดทุนนั้นเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ดังนั้นต้องมีคนที่คอยกำกับดูแล ให้ตลาดทุนนั้นเป็นไปอย่างโปร่งใส มีความยุติธรรมมากที่สุด ซึ่งคนที่คอยกำกับดูแลนั้นก็คือ “สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์” หรือชื่อย่อ ๆ ที่เราเรียกกันก็คือ “ก.ล.ต.”

“ก.ล.ต.” พี่เปาบุ้นจิ้นผู้อยู่เบื้องหลังความสงบสุขของตลาดทุน

เนื่องจากตลาดทุนเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากตัวนึง ก.ล.ต.  จึงมีหน้าที่คอยกำกับดูแลให้มีความโปร่งใส ยุติธรรม เอาง่าย ๆ คือ กำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ว่าคนที่ต้องการเงินทุนต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้ามาลงทุนได้อย่างสบายใจเพื่อไม่ให้มีการโกงกันเกิดขึ้นในตลาดทุน เมื่อบรรยากาศในการลงทุนดี การระดมทุนและการลงทุนก็จะดีเอง

แล้วนอกจากจะคอยกำกับแล้ว ในกรณีที่มีคนทำความผิดในตลาดทุนนี้ ก.ล.ต. ก็พร้อมที่ต้องลงดาบลงโทษผู้กระทำความผิดด้วยเช่นกัน เปรียบเทียบก็เป็นเหมือนกับตำรวจที่คอยตามจับ ปรับ คนที่ทำความผิด แล้วนอกจากนี้ ถ้าใครเจออะไรดูไม่ปกติก็สามารถแจ้งโดยตรงกับทาง ก.ล.ต. ได้เลยทันที

และแน่นอนว่าการที่ออกไปวิ่งไล่จับคนที่ทำความผิดนั้น ไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่เพราะได้เกิดปัญหา และมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น อีกหน้าที่ของ ก.ล.ต. คือ คอยส่งเสริมให้ความรู้เพื่อเพิ่มความเข้าใจเรื่องตลาดทุนที่นับวันก็ยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

ตัวอย่างนึงที่จำเป็นต้องให้ความรู้ความเข้าใจ คือ ปัญหาประชาชนถูกหลอกลงทุน (โดยผูกกับผลิตภัณฑ์พวกตลาดทุน/ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และในที่สุดอาจจะอยู่ในรูปแบบของแชร์ลูกโซ่) ที่อยู่คู่กับโลกเรามานาน แล้วก็ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ การที่เราลงทุนอย่างมีความรู้มากขึ้น ก็จะสามารถช่วยเหลือและดูแลตัวเองได้มากขึ้นด้วย

ความเข้าใจผิดนึงที่หลาย ๆ คนชอบคิดกันว่า ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คือองค์กรเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วมีหน้าที่ที่รับผิดชอบแตกต่างกันแต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน

ก.ล.ต. จะคอยดูแลความเรียบร้อย ดูแลตั้งแต่เริ่มเลยว่าใครจะสามารถขาย IPO ให้กับประชาชนได้บ้าง เพราะประชาชนที่มาถือหุ้นไม่ได้เข้ามาบริหารงานเอง บริษัทจึงต้องมีกลไกในการกำกับดูแลกิจการที่ดี (good governance) เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ที่เข้ามาลงทุน  นอกจากนี้ การจองซื้อหุ้น IPO หรือการซื้อขายเปลี่ยนมือหุ้น ต้องทำผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ที่ ก.ล.ต. กำกับดูแล เพื่อให้มั่นใจว่าให้บริการผู้ลงทุนอย่างเป็นธรรม และดูแลไม่ให้คนในตลาดเอาเปรียบกันและกัน ทั้งการปั่นหุ้น การใช้ข้อมูลอินไซด์

เมื่อบริษัทได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้ขายหุ้น IPO แล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำหน้าที่อนุมัติว่าจะให้หุ้นตัวไหนเข้ามาซื้อขายในตลาดรองได้บ้าง และทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจว่าเวลาส่งคำสั่งซื้อขายจะไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ผู้ลงทุนจะสามารถลงทุนได้สบายใจ ตลาดก็จะมีความคึกคัก

ถ้าเปรียบตลาดทุนคือ ตลาดสด ตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ คนที่คอยบริหารว่าให้ใครมาเปิดร้านได้บ้าง สินค้านั้นจะเป็นอะไร เพื่อให้บรรยายกาศของตลาดสดดูดี รวมถึงดูแลรักษาความสะอาด อำนวยความสะดวกเรื่องจอดรถให้คนที่มาเดินได้สะดวกสบายมากที่สุด เพื่อทำให้ตลาดสดคึกคัก ซื้อขายสะดวก ได้ของที่มีคุณภาพ

ส่วน ก.ล.ต. ก็มีหน้าที่คอยดูแลตลาดซื้อขายกันอย่างเป็นธรรม ไม่มีการโกงราคา รวมถึงการดูแลวิธีการคัดสินค้าของตลาด แล้วถ้าคนเดินตลาดสดมาเห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ก็สามารถแจ้ง ก.ล.ต. เพื่อให้เข้าไปจัดการและตรวจสอบดูความเรียบร้อยได้

และแน่นอนปลายทางของทั้ง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็อยากให้ตลาดทุนเป็นแหล่งเงินระดมทุน แหล่งลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นธรรมนั่นแหละ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกันทั้ง 2 ส่วนร่วมกันนั่นเอง