กระจายการลงทุนต่างประเทศ กับ KAsset และ JPMAM

ทำไมปีนี้เราไม่ควรพลาด การลงทุนในต่างประเทศ ?

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ปี 2024 นี้ นักลงทุนไทยทั้งรายใหญ่ และรายย่อยต่างก็มองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น แต่การไปลงทุนต่างประเทศเองก็มีข้อจำกัดอยู่หลากหลายเรื่อง การที่อยู่ดี ๆ กระโดดเข้าไปลงทุนเลยอาจจะทำให้เสียเปรียบผู้เล่นอื่น ๆ ในตลาดได้
  • บลจ. กสิกรไทย (KAsset) จับมือกับทาง J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) เพิ่มขีดความสามารถในการคัดเลือกและจัดสรรสินทรัพย์การลงทุนให้สามารถบุกลุยรับโอกาสเติบโตไปทั่วโลก
  • เป้าหมายในการร่วมมือระหว่าง KAsset และ JPMAM ในครั้งนี้ ก็คือจะมีการร่วมกันออกกองทุนประเภท “Multi-Asset” ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุน โดยจะกระจายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และจะมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพระดับโลกคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ในปี 2023 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทย (SET Index) เรียกว่าทำผลตอบแทนสวนตลาดโลกติดลบไปกว่า 15.5% ทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาทางกระจายการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ล่าสุด KAsset และ JPMAM (J.P. Morgan Asset Management) ประกาศจับมือ ร่วมออกแบบ “กองทุน Multi-Asset” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุน ให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้หลากหลายทั่วโลก

JPMAM เป็นใคร มีจุดเด่นอะไร แล้วเขามีมุมมองการลงทุนในปี 2024 นี้อย่างไร พี่ทุยสรุปมาให้เรียบร้อยแล้ว !!

ตลาดหุ้นไทย

ปี 2023 เป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดการลงทุนทั่วโลก ได้รับผลกระทบจากทั้งเรื่องความขัดแย้งในเรื่องต่าง ๆ ความเสี่ยงชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมไปถึงนโยบายการเงินที่ไม่มีความแน่นอน ทำให้เกิดความผันผวนที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงอีกหนึ่งปีเลยก็ว่าได้

ทำให้กลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญในปีนี้ก็คือการกระจายการลงทุน ไม่ลงทุนกระจุกอยู่ในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่งมากจนเกินไป

ตลาดหุ้นไทย

ทำให้ปี 2024 นี้ นักลงทุนไทยทั้งรายใหญ่ และรายย่อยต่างก็มองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น แต่แน่นอนว่าการไปลงทุนต่างประเทศเองก็มีข้อจำกัดอยู่หลากหลายเรื่อง การที่อยู่ดี ๆ กระโดดเข้าไปลงทุนเลยอาจจะทำให้เสียเปรียบผู้เล่นอื่น ๆ ในตลาดได้ 

ด้วยเหตุนี้บลจ. กสิกรไทย (KAsset) จับมือกับทาง J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) เพิ่มขีดความสามารถในการคัดเลือกและจัดสรรสินทรัพย์การลงทุนให้สามารถบุกลุยรับโอกาสเติบโตไปทั่วโลก

บลจ. กสิกรไทย (KAsset) จับมือกับทาง J.P. Morgan Asset Management (JPMAM)

สำหรับแวดวงการลงทุน JPMAM ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับโลกแถวหน้า ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) 2.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (มากกว่า 100 ล้านล้านบาท)

พร้อมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,300 คนทั่วโลก และยังมีกองทุนภายในการจัดการมากกว่า 170 กองทุนครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์การลงทุน

ทีนี้พอจับมือ KAsset ที่ถือว่าเป็น บลจ. ชั้นนำของไทย ที่มากด้วยประสบการณ์ตลาดการลงทุนในไทยอยู่ด้วย ยิ่งช่วยทำให้ออกแบบและเพิ่มโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนไทยได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นการร่วมมือกันได้อย่างลงตัวเลย

บลจ. กสิกรไทย (KAsset) จับมือกับทาง J.P. Morgan Asset Management (JPMAM)

โดยเป้าหมายในการร่วมมือระหว่าง KAsset และ JPMAM ในครั้งนี้ ก็คือจะมีการร่วมกันออกกองทุนประเภท “Multi-Asset” ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุน

โดยจะกระจายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และจะมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพระดับโลกคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องมาปวดหัวกับการจับจังหวะการลงทุน สามารถลงทุนได้อย่างสะดวก และอุ่นใจ

ทั้งนี้ มีเป้าหมายให้มี AUM ทะลุ 100,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่ากองทุน Multi-Asset จะเปิดให้นักลงทุนเข้าลงทุนได้ในช่วง ไตรมาสที่2 ปี 2567 นี้ (Q2/67)

เพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจ ก็ต้องติดตามให้ใกล้ชิดเลยล่ะ

บลจ. กสิกรไทย (KAsset) จับมือกับทาง J.P. Morgan Asset Management (JPMAM)

ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าสำหรับมุมมองการลงทุนในปี 2024 ทาง KAsset กับ JPMAM เค้ามองว่าอะไรเป็นโอกาสและมีอะไรที่ต้องจับตามองกันบ้าง 

ภาพรวมแน่นอนว่าความเสี่ยงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งต่าง ๆ ยังคงคุกรุ่น ยังไม่จบง่าย ๆ รวมถึงความเสี่ยงเรื่องการใช้นโยบายที่อาจจะเกิดความผิดพลาดได้ ถึงแม้จะมีปัจจัยบวกอย่างการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ที่จะช่วยทำให้สินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ กลับฟื้นตัวได้ก็ตาม

ดังนั้น กลยุทธ์หลักที่สำคัญก็ยังคงเป็นเรื่องการกระจายความเสี่ยงจัดสินทรัพย์การลงทุนอย่างรอบคอบ

6 ประเด็นการลงทุนที่น่าติดตาม

6 ประเด็นการลงทุนที่น่าติดตาม

1. สำหรับในปี 2024 ดาวเด่นก็กลับมายังที่ “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีในวัฏจักรที่ Fed ลดดอกเบี้ยและมีการปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2024 ขึ้น 

2. “ตลาดหุ้นอินเดีย” ยังสามารถเติบโตได้ดีในปี 2024 ทั้งในแง่ของกำไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจที่เตรียมก้าวขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 รองจากสหรัฐฯ และจีน 

3. “ตลาดหุ้นเวียดนาม” มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องเช่นกัน จากทั้งภาคส่งออกและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ยิ่งเป็นตัวสนับสนุนการฟื้นตัวกำไรของบริษัทจดทะเบียนได้ดี 

4. “ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และ ไทย“ มีมุมมองเป็นกลาง การที่ประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ นั้นเตรียมที่จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง ทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นและอาจกดดันตลาดหุ้น ขณะที่ไทยยังมีความกังวลเรื่องการจัดสรรงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

5. ส่วน “ตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศ” ก็ยังมีมุมมองเป็นบวก จากปัจจัยบวกเรื่องวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง 

6. แต่ภูมิภาคที่ต้องระวังเลยก็คือ “ยุโรป” ที่ถือว่าน่าผิดหวังทั้งกำไรของบริษัทที่จดทะเบียนและแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ยังไม่เห็นแววการฟื้นตัวที่ชัดเจน รวมถึง “จีน” ที่ภาพรวมเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ช้าในระยะต่อไป 

แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบหรือไม่มีประสบการณ์เรื่องการจับจังหวะการลงทุน พี่ทุยแนะนำว่าลงทุนแบบ “Multi-Asset” เองก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจเช่นกัน ยังไงดีลการจับมือระหว่าง KAsset และ JPMAM ถือว่าน่าติดตามมาก ๆ ส่วนจะเป็นกองทุนรูปแบบไหน มีให้เราเลือกลงทุนยังไง ไว้พี่ทุยจะมาอัปเดตแบบละเอียดหลังจากที่กองทุนเปิดให้ลงทุนได้แล้วอีกทีหนึ่งนะ 

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
บทความนี้เป็นบทความ Advertorial