ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 2024 ทำจุดสูงสุดในรอบ 34 ปี ลงทุนเลยดีมั้ย?

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 2024 ทำจุดสูงสุดในรอบ 34 ปี ลงทุนเลยดีมั้ย?

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225 ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 34 ปี ต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 9-17 ม.ค. 2024 เหตุจากเงินเยนอ่อนค่า การกลับเข้าสู่ยุคเงินเฟ้อ และความคาดหวังของนักลงทุนว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป 
  • นักวิเคราะห์สถาบันต่าง ๆ คาดการณ์ว่า ปี 2024 นี้ จะเป็นปีที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นได้ และอาจไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2025 
  • ปัจจัยที่สนับสนุนการปรับขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นในรอบนี้ คือ เศรษฐกิจที่กลับมาเติบโต การปรับโครงสร้างบรรษัทภิบาลบริษัทจดทะเบียนของตลาด การเพิ่มค่าจ้างที่จะกระตุ้นการบริโภค นโยบายการเงินการคลังที่สนับสนุน และเงินทุนจากโปรแกรม NISA ที่ปรับปรุงใหม่ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.​ 2024
  • นักลงทุนยังมีโอกาสเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้อยู่ แต่แทนที่จะลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียว ควรกระจายความเสี่ยงด้วยการทยอยสะสมเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดอาจจะปรับฐานบ้างระหว่างทาง และการลงทุนเชิงรุกก็น่าจะตอบโจทย์กว่าเชิงรับ หรืออาจจะเลือกลงทุนในดัชนี Nikkei 225 แทนที่จะลงทุนใน TOPIX

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เปิดปีใหม่มาไม่เท่าไหร่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 2024 ก็ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 34​ ปี ซะแล้ว งานนี้ นักลงทุนหลายคนที่เคยเมินตลาดหุ้นญี่ปุ่น ก็เลยเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง แต่เอ๊ะ! มาสนใจตอนนี้ จะช้าไปมั้ย วันนี้พี่ทุยจะชวนมาวิเคราะห์ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกันว่า หน้าตาจะสดใสต่อในช่วงหลังจากนี้ หรือจะสดใส หลอกให้ดีใจกันแค่ช่วงต้นปี 

สำหรับดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่นักลงทุนนิยมใช้กัน หลัก ๆ มี​ 2 ดัชนี คือ​ ดัชนี ​TOPIX ซึ่งเป็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ที่คำนวณจากมูลค่าหลักทรัพย์ตาราคาตลาดของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาด เป็นตัวแทนสะท้อนบริษัทจดทะเบียนในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่

กับดัชนี Nikkei 225 ที่เริ่มใช้มากว่า 70 ปีแล้ว เป็นดัชนีที่สะท้อนเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยดัชนีนี้คำนวณจากราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน​ 225 แห่ง ในตลาดหลักของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว 

สำหรับ ดัชนีที่ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 34 ปี ก็คือตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225 โดยเริ่มทำสถิติสูงสุดครั้งแรก วันที่ 9 ม.ค. 2024 จากนั้นก็ยังทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจนถึงวันที่ 17 ม.ค. 2024

ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225 วันที่ 9-18 ม.ค. 2024

ปิดตลาดระดับสูงสุดของวัน
9 ม.ค.​33,763.18 จุด33,990.28 จุด
(นับตั้งแต่ มี.ค. 1990)
10 ม.ค.34,441.72 จุด34,539.02 จุด
11 ม.ค.35,049.86 จุด35,157.56 จุด
(นับตั้งแต่ ก.พ.​ 1990)
12 ม.ค.35,577.11 จุด35,839.65 จุด
15 ม.ค.35,901.79 จุด35,993.41 จุด
16 ม.ค.35,619.18 จุด35,912.45 จุด
17 ม.ค.35,477.75 จุด36,235.85 จุด
18 ม.ค.35,466.17 จุด35,699.51 จุด

(ตลาดหุ้น Nikkei 225 เคยทำจุดสูงสุดไว้ที่  38,274.76 จุด เมื่อ ม.ค. 1990)

ที่มา : Nikkei 225 Official Site

การเคลื่อนไหวของดัชนี Nikkei 225 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 

ดัชนี ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 

ถ้าดูจากกราฟนี้ พี่ทุยก็ต้องบอกว่า เราไม่ได้เห็นดัชนี Nikkei 225 ไต่ขึ้นมาสู่ระดับที่เห็นในเดือน ม.ค. 2024 กันนานมากแล้ว 

ปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้ดัชนีทำสถิติสูงสุด

  • เงินเยนอ่อนค่า หนุนการส่งออก ​
  • หมดยุคเงินฝืด กลับเข้าสู่ยุคเงินเฟ้อ โดยเงินเฟ้อยังอยู่เหนือระดับ 2% ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ไม่ต้องรีบดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด
  • นักลงทุนคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงนอกชายฝั่งตะวันตกในวันที่ 1 ม.ค. 2024

คาดการณ์แนวโน้ม ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 2024 ของนักวิเคราะห์สถาบันต่าง ๆ 

คราวนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่า นักวิเคราะห์สถาบันต่าง ๆ มองตลาดหุ้นญี่ปุ่นในปีนี้ไว้อย่างไรกันบ้าง 

Sumitomo Mitsui DS Asset Management (SMDAM)

มีมุมมองว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะเป็นขาขึ้นในปี 2024 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น  

  • ญี่ปุ่นยังอยู่ในช่วงกลางรอบของเงินเฟ้อและค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งการมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวเหนือระดับ 2% ได้ในปี 2024
  • ดัชนีราคาผู้บริโภค คาดว่าจะชะลอตัวลงต่ำกว่า 2% สิ้นปี 2024 จากที่อยู่ในระดับ 3% เนื่องจากราคาสินค้านำเข้าที่ลดลง เช่น อาหาร และพลังงาน 
  • BoJ น่าจะยังรักษานโยบายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 0% ตลอดปี 2024
  • ค่าเงินดอลลาร์/เยน น่าจะอ่อนค่าลง เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ​ (Fed) และ BoJ ในปี 2024
  • ต้องจับตาความเสี่ยงทางการเมือง ที่จะมาจากการเลือกตั้งผู้นำพรรค LDP ในเดือน ก.ย. ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นจะผันผวนเพิ่มขึ้นได้ 

คาดการณ์แนวโน้ม ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 2024 ของนักวิเคราะห์สถาบันต่าง ๆ 

คาดการณ์แนวโน้ม ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 2024 ของนักวิเคราะห์สถาบันต่าง ๆ 

ที่มา :   Sumitomo Mitsui DS Asset Management

Goldman Sachs

คาดการณ์ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวขึ้นในปี 2024 ​โดยคาดว่า ดัชนี TOPIX คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13% สู่ระดับ 2,650 จุด สิ้นปี 2024 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น  

  • เศรษฐกิจโลกที่เติบโต รวมถึงเศรษฐกิจญี่ปุ่นเอง ที่คาดว่าจะขยายตัว 1.5% ในปี 2024 จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่น 
  • ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวอยู่ในช่วงปฏิรูปบรรษัทภิบาลของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่มาเปลี่ยนความน่าสนใจของตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยตลาดหลักทรัพย์ให้แรงจูงใจ ให้บริษัทจดทะเบียน เพิ่มมูลค่า และผลประกอบการ นอกจากนี้ อาจเพิกถอนบริษัทจดทะเบียนออกไป ถ้าพบว่า บริษัทนั้นไม่สามารถใช้เงินทุนที่ระดมทุนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแรงกดดันนี้ ทำให้บริษัทต้องเร่งเพิ่มบรรษัทภิบาล และการส่งมอบผลตอบแทนสูงสุดให้ผู้ถือหุ้น
  • เงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นในปี 2023 ต่อเนื่อง นับตั้งแต่ Warren Buffett ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ได้เพิ่มเงินลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
  • ปี 2024 นี้ นักลงทุนทั่วไป น่าจะเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจาก รัฐบาลได้ปรับปรุงโปรแกรม Nippon Individual Saving Account (NISA) ซึ่งเป็นบัญชีเพื่อการลงทุน ที่หากนักลงทุนทั่วไปเปิดไว้และลงทุนตามเงื่อนไข จะได้รับยกเว้นภาษีเงินปันผล ส่วนต่างราคา และดอกเบี้ยที่ได้รับ โดยเพิ่มขนาดการลงทุนให้ใหญ่ขึ้น เป็น 3.6 ล้านเยน/คน/ปี และเพิ่มการลงทุนในโครงการได้รวม 18 ล้านเยน/คน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ​2024

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น  

Tokio Marine Asset Management

คาดว่าหุ้นญี่ปุ่นจะเดินหน้าไปสู่การทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2025 โดยที่การลงทุนเชิงรุกจะแยกหุ้นผู้ชนะออกจากผู้แพ้ได้ 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น

  • ยุคเงินฝืดของญี่ปุ่นกำลังสิ้นสุดลง และจะกลับเข้าสู่วัฎจักรการเจริญเติบโตของราคา ค่าแรง การบริโภค และผลประกอบการของบริษัท ขณะที่นโยบายการเงินและการคลังยังคงสนับสนุนจนกว่าจะมั่นใจว่าราคาและค่าแรงจะเติบโตอย่างยั่งยืน 
  • ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังแข็งแกร่ง ท่ามกลางการฟื้นตัวของการบริโภค และการเพิ่มขึ้นของการใช้เงินลงทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ 
  • แรงส่งที่มีต่อหุ้นเติบโตจะค่อยๆ ลดลงจากการสิ้นสุดการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดของสหรัฐฯ ขณะที่ หุ้นคุณค่าหันมามุ่งเน้นเรื่องปรับปรุงการเติบโตที่ดีขึ้น
  • ความต้องการซื้อขายหุ้น มาจากทั้งนักลงทุนต่างชาติ และการปรับปรุงโปรแกรม NISA

Nomura 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น 

  • เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงฟื้นตัว โดยคาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2025 แต่จะเติบโตช้าลงนับตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2024 เป็นต้นไป ขณะที่​การเร่งตัวของเงินเฟ้อจะลดลง จากราคาอาหารเป็นหลัก โดย BoJ มีมุมมองว่า เงินเฟ้อควรมาจากภายในประเทศ จึงจะมีความยั่งยืน ซึ่งทำได้โดยการที่บริษัทต่างๆ ขึ้นราคา และเพิ่มรายจ่ายฝ่ายทุน ด้วยการเพิ่มค่าจ้างที่แท้จริง เพื่อเพิ่มการบริโภคภาคเอกชน 
  • BoJ น่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงการกำหนดการเคลื่อนไหวของเส้นอัตราผลตอบแทน (yield curve control) จนถึง เม.ย.​ 2024 และไม่เปลี่ยนแปลงการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบจนถึงไตรมาส 3/2024
  • แรงกดดันด้านประชากร จากการเป็นสังคมผู้สูงอายุ คนทำงานน้อยลง เพิ่มแรงกดดันด้านการจ้างงาน กดดันการปรับขึ้นค่าจ้าง ขณะที่ ตลาดกดดันให้บริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่นต้องใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตัวแปรเหล่านี้จะเป็นตัวปลุกเศรษฐกิจ หลังจากหลับใหลมานานกว่า 30 ปี 
  • เงินเยนที่เคยอ่อนค่าที่สุดในปี 2023 อาจจะกลับมาแข็งค่าขึ้นในปี 2024 จากการขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นและการดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายของ BoJ ถึงจุดสูงสุดในปีนี้แล้ว ก่อนจะปรับนโยบายให้เป็นปกติต่อไป ซึ่งทำให้ค่าเงินเยนอาจแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะอ่อนแอลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 
  • การเติบโตของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะเป็นแรงขับเคลื่อนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยคาดว่า กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ จะได้ประโยชน์จากการมีสินค้าคงคลังอยู่ในระดับต่ำสุด และอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่กำลังผ่านจุดสูงสุด ส่วนกลุ่มที่ขึ้นอยู่กับความต้องการในประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับระบบ และแอปพลิเคชัน จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นราคาและความต้องการที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางการขาดแคลนแรงงาน  ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และอาหาร จะได้ประโยชน์จากราคาที่ปรับขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว ​

ถ้าดูจากมุมมองของนักวิเคราะห์สำนักต่าง ๆ ในต่างประเทศ ที่พี่ทุย หยิบมาสรุปให้ดูแล้ว ก็จะพบว่า ทั้งหมดมองตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นขาขึ้น ด้วยปัจจัยที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งก็คือ เศรษฐกิจที่กลับมาเติบโต การปรับโครงสร้างบรรษัทภิบาลบริษัทจดทะเบียนของตลาด ที่จะเร่งการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ​ การเพิ่มค่าจ้างที่จะกระตุ้นการบริโภค นโยบายการเงินการคลังที่สนับสนุน และเงินทุนจากโปรแกรม NISA ที่ปรับปรุงใหม่ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.​ 2024

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 2024 ยังลงทุนได้หรือไม่ หลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่

เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์สถาบันต่าง ๆ ที่พี่ทุยหยิบมาเล่าให้ฟังแล้ว พี่ทุยก็มองว่า การปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในเดือน ม.ค. 2024 นี้ ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดการปรับขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่น แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้อีก เพียงแต่คงไม่ใช่การวิ่งขึ้นอย่างเดียว แบบไม่มีปรับลดลงเลย ฉะนั้น พี่ทุยก็มองว่า ผู้ลงทุนควรลดความเสี่ยงด้วยการทยอยเข้าลงทุน มากกว่าการลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียว  

นอกจากนี้ การคัดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพ ผลประกอบการมีโอกาสเติบโตจะตอบโจทย์มากกว่าการลงทุนแบบเหมารวมทั้งตลาด โดยอาจจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมเชิงรุกที่​คัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตได้ ท่ามกลางการปรับโครงสร้างบรรษัทภิบาล 

ส่วนในกรณีที่ชอบการลงทุนเชิงรับจริงๆ พอใจกับการลงทุนในดัชนีมากกว่า เพราะต้องการการเคลื่อนไหวที่ใกล้เคียงกับตลาด แทนที่จะเหมาทั้งดัชนี TOPIX ก็อาจจะเลือกลงทุนในดัชนี Nikkei 225 ก็ได้ เพราะเป็นดัชนีที่น่าจะสะท้อนเศรษฐกิจได้ดีกว่า ​​และบริษัทที่อยู่ในดัชนีนี้ก็มีมูลค่าตามราคาตลาด (Merket Cap.) สูง มีศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับบริษัทโดยรวมทั้งหมดใน TOPIX

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile