เลือกลงทุนคอนโดยังไงให้เติบโต รับค่าเช่าได้แบบยาว ๆ กับ Whizdom COEX

เลือกลงทุนคอนโดยังไงให้เติบโต รับค่าเช่าได้แบบยาว ๆ

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • คอนโดถือว่าเป็นทางเลือกการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • การเลือกลงทุนคอนโดต้องเลือกจาก ทำเล, กลุ่มผู้เช่า, การออกแบบที่ทันสมัย, สิ่งอำนวยความสะดวก และความคุ้มค่าของเงินลงทุน
  • Whizdom COEX แบรนด์ใหม่จาก MQDC ที่ชูแนวคิดพื้นที่เจนใหม่ที่ตอบสนองทุกด้านของชีวิตให้อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ออกแบบผ่านแนวคิดการออกแบบ 4 ด้าน Digitalization, Naturalization, Experience และ Adaptability

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

“คอนโด” ถือเป็นประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมในแง่ของการลงทุนเป็นอย่างดี เพราะสามารถช่วยสร้าง Passive Income ได้อย่างต่อเนื่อง และยังมีโอกาสเติบโตของราคาในระยะยาว วันนี้พี่ทุยจะพาไปรู้จักแบรนด์ “Whizdom COEX” จาก MQDC ที่ชูแนวคิดพื้นที่เจนใหม่ที่ตอบสนองทุกด้านของชีวิตให้อยู่ร่วมกันได้

คอนโด คือ การลงทุนอสังหาฯ ยอดนิยมในยุคนี้

หนึ่งในการลงทุนที่ได้รับการยอมรับมาอย่างต่อเนื่องที่สามารถช่วยสร้าง Passive Income หรือรายได้อย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสเติบโตของราคาในระยะยาวด้วยก็คือ “อสังหาริมทรัพย์” และในยุคปัจจุบันหนึ่งในประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการพูดถึงและถูกเข้าลงทุนระดับต้น ๆ เลยก็คือ คอนโด

ซึ่งจากหลากหลายปัจจัยที่เปลี่ยนไป ทั้งเรื่องราคา ทำเล ความคุ้มค่า รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของคนที่เปลี่ยนไป ทำให้คอนโดเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าหากเราอยากเลือกคอนโดสักที่สำหรับการลงทุน มีเงื่อนไขหรือขั้นตอนในการเลือกยังไงบ้าง เพื่อให้การปล่อยเช่านั้นเป็นไปด้วยความราบรื่น

1. มองทำเลขาด มีชัยไปกว่าครึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทไหนก็ตาม เรื่องแรกที่นักลงทุนห้ามพลาดเด็ดขาดเลยก็คือ “ทำเล” เพราะทำเลเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถโยกย้ายปรับเปลี่ยนได้ ถ้าหากตัดสินใจลงหลักปักฐานแล้วต้องอยู่กับพื้นที่ตรงนั้นกันไปแบบยาว ๆ 

โดยเฉพาะกับคอนโด “ทำเล” จะเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ เพราะเหมือนกับเราต้องแลกขนาดของพื้นที่ที่กว้าง กับ ทำเลที่ดี เดินทางสะดวก ติดรถไฟฟ้า หรือถ้ามีทางเชื่อมจากรถไฟฟ้าได้เลยจะดีมาก รวมไปถึงต้องง่ายต้องผู้ขับขี่รถยนต์ด้วย อย่างเช่น สามารถเข้าออกตัวเมือง ขึ้น-ลงทางด่วนได้ง่าย จะไปไหนมาไหนก็สะดวก

แน่นอนว่าต้องไม่ลืมที่จะดูสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล และถ้าจะให้ดีเยี่ยมเลยก็ควรจะใกล้ที่ทำงานด้วย

และจะดียิ่งขึ้น หากเราได้ลงพื้นที่ไปสำรวจและลองใช้ชีวิตในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะช่วงเวลารีบเร่ง (Rush Hours) เพื่อดูว่าบรรยากาศโดยรอบเป็นอย่างไร รถติดแค่ไหน การจราจรเป็นยังไง และในยุคสมัยนี้อาจจะต้องดูเรื่องของน้ำท่วมในช่วงฝนตกอีกด้วย ดังนั้นการเลือกซื้อคอนโดอย่าให้จบแค่ในกระดาษเท่านั้น แต่ไปเห็นภาพรวมด้วยตาเราจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ถ้าเราเลือกทำเลได้ดี การลงทุนแทบจะประสบความสำเร็จไปแล้วมากกว่าครึ่ง ยิ่งเลือกทำเลที่มีความต้องการสูงยิ่งได้เปรียบในการหาผู้เช่า อำนาจในการต่อรองราคายิ่งเพิ่มขึ้น

2. กลุ่มเป้าหมายต้องชัด

หลังจากที่เราเลือกทำเลมาเรียบร้อยแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญสำหรับการลงทุนเพื่อปล่อยเช่ามาก ๆ เลยก็คือ “กลุ่มเป้าหมาย” ที่จะเข้ามาเช่าห้องของเรา เพราะทำเลในแต่ละพื้นที่จะมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป ถ้าหากเรารู้ “กลุ่มเป้าหมาย” ที่ชัดเจน ก็จะทำให้เราเลือกลงทุนได้ดีมากขึ้น กลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน  โครงการ การตกแต่ง และขนาดห้องก็จะต่างกันออกไป

อย่างเช่น ถ้าเรามองแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายหลักเรา คือ ‘คนทำงาน’ ที่บ้านอยู่ไกล เดินทางเหนื่อย อยากหาคอนโดสักห้องสำหรับกลับมานอนหลังเลิกงาน แล้วค่อยกลับบ้านแค่วันเสาร์-อาทิตย์ แนวโน้มของห้องมักจะเป็นขนาดที่เล็ก เน้นประหยัด แต่ได้ในเรื่องของทำเล เน้นเดินทางสะดวก

ถ้าเรามองว่ากลุ่าเป้าหมาย คือ ‘ชาวต่างชาติ (Expat)’ ที่เวลามามักจะมาอยู่ระยะยาว โดยหลาย ๆ ครั้งก็จะมีการพาครอบครัวมาด้วย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเช่าที่พัก ก็มักจะเบิกบริษัทได้แบบเต็มจำนวน กลุ่มนี้จึงมักเลือกห้องที่ใหญ่ ขนาด 2 ห้องนอน รวมถึงการตกแต่งแบบจัดเต็ม

และถ้ากลุ่มเป้าหมาย คือ ‘นักเรียนนักศึกษา’ ที่ผู้ปกครองมาร่วมตัดสินใจเลือกด้วย ก็มักจะมองหาคอนโดที่ทำเลใกล้กับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ที่มีความปลอดภัยสูง และหากมีพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถตอบโจทย์ในแง่ของการทำการบ้านหรือทำงานกลุ่มด้วย ก็จะสามารถเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของกลุ่มนี้ได้

ยิ่งมองเห็นกลุ่มเป้าหมายชัดมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เราเลือกทำเล โครงการ รูปแบบห้อง ขนาดห้อง รวมไปจนถึงการตกแต่งที่ตอบโจทย์ได้มากเท่านั้น

3. ลงทุนคอนโด การออกแบบของโครงการ ทันสมัย ไม่ตกยุค

อีกเรื่องหนึ่งที่ห้ามมองข้ามเลยก็คือรูปแบบการออกแบบของโครงการ ที่ต้องทันสมัยไม่ตกยุค เพราะอย่าลืมว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เราไม่ได้ลงทุนแต่ 1 – 2 ปี หลาย ๆ ครั้งการลงทุนก็กินเวลาไปมากกว่า 10 ปีขึ้นไป เรียกว่าก็ปล่อยเช่าไปจนได้เงินต้นคืนครบกันเป็นเรื่องปกติเลย ดังนั้น ต้องอย่าลืมดูงานออกแบบทั้งตัวโครงการและห้อง รวมถึงรูปแบบของห้องที่ต้องตอบโจทย์กับรูปแบบไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันด้วย

4. สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบรักษาความปลอดภัยต้องครบ

ในยุคนี้สิ่งหนึ่งที่ทำให้คอนโดแต่ละโครงการออกมาแตกต่างกันเลยก็คือพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพราะเดี๋ยวนี้คนเริ่มมอง “คอนโด” เป็นบ้านที่ใช้เวลาอยู่กับมันมากขึ้น ไม่ใช่แค่อยู่ช่วงตอนนอนเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ด้านอื่น ๆ ในระหว่างวันได้ด้วย

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นยิม (Gym) , Co-Working Space ,  Lifestyle and Community Space  , รถบริการรับส่งไปยังพื้นที่ขนส่งสาธารณะ รวมไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยก็ห้ามมองข้ามเช่นกัน

และเนื่องจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากเหตุการณ์โรคระบาด ทุกคนจึงเริ่มหันมาคำนึงถึงความอนามัยและความปลอดภัยในแง่สุขภาพมากขึ้น ‘ระบบการรักษาความสะอาด’ ของโครงการจึงเป็นอีกประเด็นที่ไม่ควรถูกละเลย โดยเฉพาะกับการอยู่อาศัยในคอนโดที่ต้องแบ่งปัน Facilities ร่วมกัน

โดยถ้าหากเลือกโครงการที่มีมาตรฐาน และระบบการรักษาความสะอาดที่แสดงถึงความใส่ใจในเรื่องสุขภาพได้ เช่น ระบบฆ่าเชื้อโรคก่อนเข้าอาคาร หรือการออกแบบประตูหรือลิฟต์ด้วยระบบ Touchless ก็จะสามารถเอาชนะใจผู้เช่าได้มากขึ้นไปอีก

5. อย่าลืมคำนวณความคุ้มค่าของผลตอบแทน

สำหรับนักลงทุนเรื่องสุดท้ายที่ห้ามตกม้าตายเด็ดขาด คือ การคำนวณความคุ้มค่าของเงินลงทุน และด้วยอสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนที่มีสภาพคล่องค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดก่อนตัดสินใจลงทุนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

เบื้องต้นเราสามารถดูได้แบบง่าย ๆ เลยก็คือ “ราคาห้อง” เมื่อเทียบกับ “ค่าเช่า” ได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่ สมมติว่าราคาห้องอยู่ที่ 3 ล้านบาท แล้วห้องนี้สามารถปล่อยเช่าได้ 11,000 บาทต่อเดือน หรือปีละ 121,000 บาท แปลว่าถ้าหากเทียบเป็นผลตอบแทนจะเท่ากับ 121,000 / 3,000,000 = 4.03% ต่อปี

ซึ่งส่วนตัวพี่ทุยจะมีตัวเลขในใจสำหรับการลงทุนคอนโดอยู่ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างน้อยอยู่ที่ระดับ 6% ขึ้นไปเพราะในความเป็นจริงแล้วนอกจากราคาค่าห้องแล้วก็ยังมีเรื่องการตกแต่ง รวมถึงงบการรีโนเวทห้องต่าง ๆ เพื่อให้ห้องอยู่ในสภาพที่พร้อมปล่อยเช่าเสมอด้วย

แล้วสำหรับใครที่ไม่ได้ลงทุนเป็นเงินสดทั้งหมด และใช้บริการสินเชื่อด้วยอย่างน้อยที่สุดค่าเช่าที่ได้รับในแต่ละเดือนควร “เงินงวด” ที่ผ่อนกับทางธนาคารเพื่อให้กระแสเงินสดเป็นบวกในแต่ละช่วงเวลา เพื่อลดความเสี่ยงและไม่ให้การลงทุนเป็นภาระสภาพคล่องในแต่ละเดือน 

และอีกเกร็ดหนึ่งที่คนมักจะมองข้ามไป คือ ระยะเวลาในการรับประกัน เพราะบางครั้งการเข้าอยู่จริงเท่านั้นถึงจะทำให้เจอกับปัญหา ถ้าเจอตอนแรก ๆ ก็ดีไป แต่ถ้าอยู่ไป 4-5 ปีแล้ว เพิ่งจะมาพบว่าระบบน้ำ ระบบไฟมีปัญหาล่ะก็ รับรองว่าแก้กันจนปวดหัวแน่ ๆ

ดังนั้นโดยเฉพาะกับคอนโดที่ตั้งใจจะปล่อยเช่าทำกำไรแล้ว การเลือกโครงการที่มีระยะเวลาในการรับประกันนานหน่อย จึงสามารถช่วยลดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ด้วย

Whizdom COEX พื้นที่เจนใหม่ที่ตอบสนองทุกด้านของชีวิตให้อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว

Whizdom COEX Pinklao (วิสซ์ดอม โคเอ็กซ์ ปิ่นเกล้า)

Whizdom COEX (วิสซ์ดอม โคเอ็กซ์) จาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC มุ่งสร้างสรรค์และพัฒนาอีโคซิสเต็มเพื่อเต็มเติมเต็มวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ (Next Generation Living) อย่างครบวงจร ที่จะใช้บ้านทำกิจกรรมทุกอย่าง เพื่อเติมเต็มทุกด้านของชีวิตให้อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัย การทำงาน การเรียน และความสนุกในชีวิต ผ่านแนวคิดการออกแบบ 4 ด้าน

Digitalization – ผสานเทคโนโลยีดิจิทัล  

โครงการ Whizdom COEX มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเพื่อเข้าสู่ Smart Living ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้ง Smart Locker , Smart Storage , Automated Parking และ Home Automation 

Digitalization – ผสานเทคโนโลยีดิจิทัล  

นอกจากนี้ ยังมีการนำนวัตกรรม Central Utilities Plant (CUP) ระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ผ่านระบบท่อน้ำเย็นเข้ามาใช้ จึงไม่มีเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์ตามห้องแบบทั่วไป ซึ่งนอกจากจะเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องแล้ว ยังประหยัดพลังงานกว่า สามารถลดค่าไฟจากปกติเฉลี่ย 15% และช่วยลดอุณหภูมิของทั้งโครงการ ส่งผลให้ชุมชนรอบคอนโดมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

Hybrid Air Purifier Tower

Naturalization – โอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว

ให้ผู้อยู่อาศัยได้สูดอากาศอย่างสดชื่นปลอดภัยด้วย Hybrid Air Purifier Tower หอฟอกอากาศระดับเมือง ให้อากาศใสสะอาดปลอดฝุ่น PM 2.5 ให้กับตัวโครงการและชุมชนโดยรอบ

Well-being Park

พร้อมเชื่อมต่อเข้ากับพื้นที่สีเขียวอย่างเต็มที่ ด้วยพื้นที่ชั้นบนสุดกับ Well-being Park ที่ออกแบบมาให้ได้ผ่อนคลายไปกับความร่มรื่นของธรรมชาติ และเพลิดเพลินไปกับสายน้ำ

Pocket Garden

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี Pocket Garden ที่กระจายตัวอยู่ทุกที่ ทั้งบริเวณที่พักอาศัย พื้นที่ส่วนกลาง และภายนอกอาคาร รวมถึงการตอกย้ำ ‘มาตรฐานวิสซ์ดอม’ ด้วยการออกแบบที่ใส่ใจต่อสุขภาพของผู้พักอาศัยตั้งแต่เดินเข้าโครงการทั้งเรื่อง  Sound Absorption ช่วยลดมลภาวะทางเสียง และ Disinfection Chamber ซึ่งเป็นห้องฆ่าเชื้อด้วยประจุไอออน

และยังรวมไปถึงการใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและลดปริมาณการใช้น้ำของทั้งโครงการด้วย

Experience – เชื่อมต่อประสบการณ์ทุกด้าน

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ COEX Space พื้นที่ไลฟ์สไตล์และคอมมูนิตี้ 4 ชั้น ของอาคารทั้ง 2 ฝั่ง สามารถตอบโจทย์ได้ทุกรูปแบบกิจกรรมอย่างครบรส เข้าใช้งานได้ทั้งลูกบ้าน Whizdom COEX และเพื่อนบ้าน ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้เชื่อมต่อประสบการณ์ชีวิตอย่างไร้รอยต่อ ‘Seamless Life Experience’ ด้วยสารพัดพื้นที่ ได้แก่

COEX Space

CO-Café คาเฟ่และร้านอาหาร 

CO-Play & Creation Space

CO-Play & Creation Space หรือ Smart Co-working Space ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายได้

CO-Kitchen & Dining

CO-Kitchen & Dining ซึ่งเป็นโซนที่รวบรวมร้านอาหารต่าง ๆ เอาไว้ สามารถใช้พบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนในบรรยากาศที่เป็นกันเองและผ่อนคลายได้

CO-Active & Digital Lifestyle

CO-Active & Digital Lifestyle หรือพื้นที่สำหรับการออกกำลังกายพร้อมกิจกรรมและอุปกรณ์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Whizdom COEX

Adaptability – พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง

Whizdom COEX ได้ออกแบบในรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต เช่น การออกแบบป้องกันน้ำท่วม (Flood Prevention) , การติดตั้งระบบฆ่าเชื้อโรคก่อนเข้าอาคารและจุดบริการแบบไร้สัมผัส (Touchless) , การออกแบบระบบท่อน้ำที่คำนึงถึงขั้นตอนการบำรุงรักษาที่สะดวก โดยระบบท่อน้ำจะถูกติดตั้งอยู่นอกห้องทำให้ช่างสามารถเข้าซ่อมได้แม้เจ้าของห้องไม่อยู่ และไม่รบกวนผู้ที่พักอาศัยห้องอื่น

Whizdom COEX Pinklao (วิสซ์ดอม โคเอ็กซ์ ปิ่นเกล้า)

ไปจนถึงการออกแบบพื้นที่แบบ Universal Design ที่เอื้อต่อการใช้งานของคนทุกกลุ่ม ทุกวัย พร้อมรองรับทุกสถานการณ์ เช่น การจัดวางพื้นที่ภายในห้องให้รองรับการใช้วีลแชร์หากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน

พร้อมรับประกันโครงการยาวนานถึง 30 ปี สำหรับทุกโครงการของ MQDC จะอยู่เองก็อุ่นใจ จะปล่อยเช่าก็หายห่วง ทั้งระบบน้ำ ระบบไฟ ก็มีคนคอยดูแลไม่ทอดทิ้ง

MQDC เปิดตัวโครงการ Whizdom COEX Pinklao (วิสซ์ดอม โคเอ็กซ์ ปิ่นเกล้า) โครงการแรกภายใต้แบรนด์ Whizdom COEX ในรูปแบบคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูส ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ประกอบไปด้วย 2 ทาวเวอร์ ตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางยี่ขัน พร้อมทางเชื่อมเข้าสู่โครงการ

ผู้ที่สนใจเข้าชมตัวอย่างโครงการ พร้อมลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ : Whizdom COEX Pinklao

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1265 หรือ Add Line: @whizdomcoexpinklao

🌍GPS >>  https://goo.gl/maps/LvsBQuHAy9bVVpSU9

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
บทความนี้เป็นบทความ Advertorial