ช่วงนี้เราได้ยินโลกพูดถึงสกุลเงินดิจิทัลว่า จะมาแทนที่เงินที่เราจับต้องได้อย่างทุกวันนี้ รวมถึงเงินหยวนที่ได้รับการยอมรับให้ใช้ซื้อขายสินค้าจากประเทศคู่ค้าได้ ไม่ต้องใช้เงิน ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วจะมีสกุลเงินอื่น ๆ มาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ มั้ย วันนี้พี่ทุยเลยอยากชวนมาคิดไปด้วยกันว่า “จะเป็นไปได้มั้ย ที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะเสียตำแหน่งสกุลเงินหลักของโลกให้เงินสกุลอื่นไป ?”
พี่ทุยขอเล่าก่อนว่า จริง ๆ แล้วเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นสกุลเงินหลักของโลกตั้งแต่แรก ก่อนหน้าที่ดอลลาร์สหรัฐฯ จะยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ ปอนด์สเตอลิงของอังกฤษ ก็เป็นที่หนึ่งมาก่อน
สกุลเงินในทุนสำรองระหว่างประเทศช่วง 120 ปีที่ผ่านมา
จุดเปลี่ยนสกุลเงินหลักของโลกเกิดขึ้นเมื่อตัวแทน 44 ประเทศพันธมิตร ไปทำข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement) ในการประชุมที่เมืองเบรตตันวูดส์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ของสหรัฐฯ เมื่อปี 1944
ทั้งหมดร่วมกันก่อตั้งระบบจัดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่จะทำให้ไม่มีประเทศไหนต้องเสียเปรียบกัน และล้มเลิกการผูกสกุลเงินกับทองคำ แต่ให้ผูกโยงกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แทน ด้วยเหตุผลในเวลานั้นว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯ หนุนหลังด้วยทองคำอยู่แล้ว
ในการประชุมนั้นเป็นต้นกำหนดการก่อตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) ด้วย เพื่อทำหน้าที่รักษาอัตราแลกเปลี่ยนให้คงที่ ระหว่างการแลกเปลี่ยนสกุลเงินของประเทศพันธมิตรในกลุ่มกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนสหรัฐฯ ก็สามารถนำเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำได้ตามความต้องการ
ด้วยจุดเปลี่ยนนี้ หลายประเทศเลยเปลี่ยนจากสะสมทองคำเป็นทุนสำรอง ไปสะสมเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แทน และเมื่อความต้องการมีดอลลาร์สหรัฐฯ ไว้ครอบครองมากขึ้น หลายประเทศก็เริ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพราะมองว่าเป็นที่เก็บเงินที่ปลอดภัยจนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก้าวขึ้นเป็นสกุลเงินหลักของโลกได้ในที่สุด จากการยอมรับของนานาประเทศ
แต่ก็ใช่ว่าระหว่างทางการเป็นที่หนึ่ง ดอลลาร์สหรัฐฯ จะไม่เคยก้าวพลาดเลย เพราะสหรัฐฯ เคยใช้จ่ายแบบขาดดุลมาก มีการออกพันธบัตรจำนวนมาก รวมทั้งพิมพ์เงินออกมาโดยไม่มีทองคำหนุนหลัง เพื่อหาเงินไปใช้จ่ายในสงครามเวียดนาม รวมทั้งโครงการทางสังคมในประเทศต่าง ๆ เป็นเหตุให้เกิดปัญหาเงินท่วมตลาด สั่นคลอนเสถียรภาพเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
ประเทศต่างๆ เริ่มย้ายกลับจากถือดอลลาร์สหรัฐฯ มาสำรองทองคำ และเกิดจุดเปลี่ยนต่อมา คือ ในปี 1971 ช่วงประธานาธิบดี Richard Nixon ของสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจยกเลิกเชื่อมโยงเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กับทองคำ นำไปสู่การใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวถึงทุกวันนี้
เหตุผลที่ ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินหลักของโลก
ถ้าจะมาดูเหตุผลว่า อะไรที่ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินสกุลหลักของโลก ที่ประเทศต่างๆ เชื่อถือ และเก็บไว้เป็นทุนสำรองมากที่สุดจนถึงทุกวันนี้ ก็มาจาก 4 ประเด็นหลัก ๆ เลย คือ
1) ค่าเงินเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาล
2) ตลาดตราสารหนี้มีขนาดใหญ่มากและมีสภาพคล่องมากพอที่นักลงทุนต่างชาติเข้าถึงได้
3) ธนาคารกลางมีความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบาย
4) ถูกใช้ในการค้าเป็นวงกว้างและในการทำธุรกรรมทั่วโลก
แล้วถ้านำเอาเหตุผลพวกนี้ ไปใช้ดูค่าเงินอื่น ๆ ที่จะถูกพูดถึงว่าจะเป็นคู่แข่งของดอลลาร์สหรัฐฯ ในการก้าวขึ้นมาเป็นสกุลเงินหลักของโลก พี่ทุยก็ขอวิเคราะห์ ดังนี้
เงินยูโร
เป็นสกุลเงินที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่สุดแล้ว และปัจจุบันเงินยูโรเป็นเป็นสกุลเงินอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะเงินที่อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศ ในตลาดตราสารหนี้ระหว่างประเทศ ในการปล่อยสินเชื่อ การแลกเปลี่ยนเงิน และการชำระเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่พบว่าการชำระเงินด้วยสกุลเงินยูโรนั้นเพิ่มขึ้นมาก จนส่วนต่างระหว่างการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ กับการใช้เงินยูโรชำระเงินเริ่มเข้าใกล้กันมากขึ้น
ความสำคัญของเงินยูโรในระบบการเงินระหว่างประเทศ
สัดส่วนธุรกรรมเงิน ดอลลาร์สหรัฐฯ และ เงินยูโร
แม้เงินยูโรจะมีโอกาสที่จะเทียบชั้นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากที่สุด แต่ก็ยังต้องใช้ความพยายามอีกมากที่จะทำให้เข้าใกล้อันดับหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้พี่ทุยมองว่าต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของยุโรปด้วยว่าจะดันเศรษฐกิจการค้าขายกับต่างประเทศให้โตได้แค่ไหน ทำให้ตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ได้รับความนิยมได้มากเท่ากับฝั่งสหรัฐฯ รึเปล่า เพราะทุกส่วนนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับค่าเงินทั้งนั้น
เงินหยวน
แน่นอนว่าเศรษฐกิจจีนมีความสำคัญกับโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ การค้าขาย ทำธุรกรรมด้วยเงินหยวนเพิ่มขึ้น แต่เงินหยวนก็ยังขาดคุณสมบัติสำคัญอื่น ๆ ของการเป็นสกุลเงินหลักของโลก คือ เงินหยวนยังถูกควบคุมโดยรัฐบาล ธนาคารกลางก็ไม่ได้ดำเนินนโยบายการเงินแบบอิสระ และตลาดตราสารหนี้ของจีนที่แม้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่นักลงทุนต่างชาติก็ยังเข้าถึงตลาดได้ค่อนข้างจำกัด
พี่ทุยมองว่า ถ้าดูแค่ประเด็นเรื่องการควบคุมเงินหยวนนี้ คงจะอีกยาวไกลมากที่เงินหยวนจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ เอาแค่แซงเงินยูโรที่ตอนนี้เป็นอันดับสองของโลกอยู่ ก็ยังยากเลย
ยกเว้นว่า แนวทางของโลกเราจะถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่สนใจแล้วว่า ค่าเงินนั้นต้องเคลื่อนไหวโดยอิสระ เอาที่ความสำคัญของใช้เพื่อการค้า การทำธุรกรรมเท่านั้น
อ่านเพิ่ม
คริปโตเคอร์เรนซี กับสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง จะเป็นคู่แข่ง ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้มั้ย
พี่ทุยมองว่าคริปโทเคอร์เรนซีก็น่าสนใจ แต่จะให้ขึ้นมาแทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินหลักของโลกเลย ยังเป็นไปได้ยาก เพราะไม่ใช่สกุลเงินที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก หลาย ๆ เหรียญก็ยังมีความผันผวนสูง แถมบางประเทศยังกีดกันด้วยซ้ำ เพราะมองว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือในตลาดมืด การฟอกเงินได้
แต่ถ้าเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง ตรงนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ในอนาคต ซึ่งพี่ทุยมองว่า สกุลเงินดิจิทัลที่จะขึ้นมาได้ ก็คงหนีไม่พ้นสกุลเงินจากประเทศมหาอำนาจที่กำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง
เผลอ ๆ แล้ว ตัวที่จะมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็คงจะเป็นสกุลเงินดอลลาร์ดิจิทัลที่สหรัฐฯ กำลังพัฒนานั่นแหละ เรียกง่าย ๆ ก็แค่แปลงร่างจากสกุลเงินปกติที่จับต้องได้ มาเป็นสกุลเงินดิจิทัล เข้ากับยุคสมัย เท่านั้นเอง แต่ตัวประเทศแกนหลักที่เป็นผู้สร้างค่าเงิน และเป็นใหญ่ในเวลาค่าเงินโลก ก็ยังเป็นประเทศเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง
โดยรวมแล้ว พี่ทุยมองว่า ถ้ามองระยะใกล้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็จะยังรักษาตำแหน่งสกุลเงินหลักของโลกเอาไว้ได้ แต่ความสำคัญในเวทีโลกอาจจะลดลงบ้าง เพราะคู่แข่งที่มาแรงแซงโค้งค่อย ๆ จะก้าวเข้ามามีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น ซึ่งสหรัฐฯ ในฐานะมหาอำนาสจประเทศหนึ่งในโลก ก็คงจะไม่ยอมให้ตัวเองเสียแชมป์นี้ไปได้ และต้องพยายามหาทุกทางมาเพิ่มขีดความสามารถเพื่อยังคงรักษาที่หนึ่งเอาไว้ได้ในที่สุด
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ประมาทคู่แข่งที่น่าจับตาทั้งหลายไม่ได้ เพราะขนาดเงินปอนด์สเตอลิงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในโลกได้ สุดท้ายก็ยังพ่ายแชมป์ให้ดอลลาร์สหรัฐฯ ไป ฉะนั้น อะไรก็ไม่แน่นอน ถ้าในอนาคตมีมหาอำนาจอื่นที่สามารถสร้างพลังยิ่งใหญ่ทำให้ค่าเงินของตัวเองมีความสำคัญในเวทีโลก ได้รับการยอมรับจนนานาประเทศต้องเก็บไปไว้ในทุนสำรองมาก