สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” คุกรุ่นกันมาพักใหญ่แล้ว แต่ต้องเรียกว่าร้อนฉ่าเหมือนกำลังผัดผักบุ้งไฟแดงกันเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2022 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศกร้าวส่งทหารบุกภูมิภาคดอนบัสของยูเครน
โดยสิ้นเสียงคำสั่งก็ตามมาด้วยการยิงขีปนาวุธเข้าไปในหลายเมือง แถมยังออกมาขู่นานาชาติด้วยว่า ถ้ามีความพยายามแทรกแซงไหนมาจากต่างชาติ ก็จะได้เห็นผลที่ตามมาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน
น้ำมันและทองควงแขนกันพุ่งรับข่าว “รัสเซีย-ยูเครน” ส่วนหุ้นดิ่งยกแผง
เมื่อ รัสเซีย-ยูเครน ทำสงครามกันแบบนี้ ก็สร้างความหวาดวิตกให้กับตลาดการลงทุนทั่วโลก ซึ่งอย่างแรกเลยเมื่อข่าวสงครามแบบนี้มาก็คือ น้ำมันที่ราคาขยับขึ้นไปก่อนแล้วในช่วงที่ 2 ประเทศ ฮึ่มๆ ใส่กัน ก็พุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบหลายปี
เช่น ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ทะลุไป 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส ก็ขยับไปอยู่ที่ 98.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นการทำสถิติสูงสุดครั้งแรกในรอบ 8 ปี (นับจากปี 2014) เพราะรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดการกักตุนน้ำมันแล้วเกิดปัญหาน้ำมันไม่เพียงพอกับความต้องการได้
ส่วนราคาทองคำ ก็เป็นแพ็คคู่ปรับขึ้นไปตามราคาน้ำมัน ทำสถิติสูงสุดในรอบมากกว่า 1 ปี ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่ง ผลตอบแทนปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนต่างก็วิ่งเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกก็พากันร่วงยกแผง จากการที่นักลงทุนเทขาย ขอรอดูสถานการณ์ก่อน โดยดัชนี MSCI World Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดตลาดหุ้นทั่วโลก ลดลงไป 1.2% ในวันที่ 24 ก.พ. 2022 ที่มีข่าว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2021
ส่วนดัชนีหุ้นอื่น ๆ ที่ปิดตลาดปรับลดลงในวันที่ 24 ก.พ. 2022 ได้แก่
Russia | -33.28% |
Europe Stoxx 60 | -3.3% |
Hang Seng | -3.21% |
Shanghai | -1.7% |
Shenzhen | -2.2% |
Nikkei | -1.81% |
KOSPI | -2.6% |
NIFTY 50 | -4.78% |
SET | -1.99% |
มาถึงตรงนี้ พี่ทุยคิดว่า นักลงทุนไทยหลายคนคงเป็นเหมือนกัน คือ ห่วงสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครนว่าจะเดินไปยังไงต่อ แล้วจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 รึเปล่า แล้วสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่เราลงทุนอยู่จะเป็นยังไง ต้องขายทิ้งหนีก่อนเลยดีมั้ย
Fidelity มองประเด็น “รัสเซีย-ยูเครน” ทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้นแค่ระยะสั้น
Fidelity ให้มุมมองที่น่าสนใจเอาไว้ว่า ปัญหารัสเซียและยูเครนที่เกิดขึ้นจะเพิ่มความผันผวนในตลาดช่วงสั้น ๆ เท่านั้น โดยถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์ จะพบว่า วิกฤติทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่คล้ายคลึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครนนี้ ทำให้ตลาดสั่นไหวได้ชั่วคราวเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วก็ไม่ได้มีผลกระทบระยะยาวกับนักลงทุน
เศรษฐกิจรัสเซียมีขนาดใหญ่อันดับ 11 ของโลก ตามข้อมูลกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ขนาดเศรษฐกิจของรัสเซียยังมีขนาดเล็กแค่ 1/20 ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ 1/15 ของเศรษฐกิจจีนเท่านั้น
จึงไม่น่าจะใหญ่พอจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลก ถึงแม้จะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการคว่ำบาตรและมาตรการอื่น ๆ ของสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรในยุโรป
แต่สิ่งที่จะกระทบแน่นอน ก็คือ ราคาน้ำมัน เพราะรัสเซียเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ 10% ของพลังงานโลก และมีสัดส่วน 50% ของการบริโภคพลังงานในยุโรป ดังนั้นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ก็จะไปกดดันให้ราคาพลังงานสูงขึ้น แล้วก็ทำให้ตลาดการเงินผันผวนมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นข่าวล่าสุดในวันที่ 25 ก.พ. 2022 องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO และ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แม้จะยกระดับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซียมากขึ้นเพื่อตอบโต้การโจมครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยในยูเครน อย่างที่หลายฝ่ายกังวลว่าหากกองกำลัง NATO ปะทะกับรัสเซียจริง จะก่อเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ วิกฤตครั้งนี้จึงอาจไม่ยืดเยื้อนัก
สิ่งที่น่าสนใจที่ Fidelity มอง คือ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์มาสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดในระยะสั้น แต่โอกาสระยะยาวของการลงทุนในหุ้นนอกสหรัฐฯ ก็ยังมีอยู่ โดยคาดว่าหุ้นนอกสหรัฐฯ จะทำผลงานได้ดีเกินกว่าหุ้นสหรัฐฯ ในช่วง 20 ปีข้างหน้า
ท้ายที่สุดแล้วการกระจายการลงทุนและให้มืออาชีพจัดการ ก็จะช่วยบริหารความเสี่ยงระยะสั้นเพื่อหาผลตอบแทนระยะยาวได้
ตั้งสติเดี๋ยวสงครามก็จบ แล้วจะพบโอกาสเก็บของถูก
พี่ทุยอยากชวนนักลงทุนเดินถอยหลังกัน 1 ก้าว ออกมาตั้งสติกันสักนิด ถ้ามองให้ดีแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกมีสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น
โลกเราก็เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว และทุกครั้งนักลงทุนก็ตกใจเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น ในช่วงเริ่มต้นเหตุการณ์เสมอ แต่พอผ่านไปสักระยะ ก็นึกได้ว่า เดี๋ยวสุดท้ายสงครามก็จบ แล้วก็จะกลับเข้ามาซื้อ ทำให้หุ้นฟื้นคืนชีพ กลับมาทำสถิติสูงกว่าก่อนเกิดสงครามด้วยซ้ำ ซึ่งสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ก็น่าจะมีวัฎจักรไม่แตกต่างกัน
ดังนั้น ในช่วงที่สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ เช่น หุ้น ถูกเทขายออกมา มองอีกมุมหนึ่งก็อาจจะเป็นจังหวะที่ดีของคนที่ใจกล้าพอ ทนทานกับความเสี่ยงสูงได้ และมีเงินสดในมือมากพอ สามารถเข้าไปเก็บของดีราคาถูกเข้าพอร์ตได้
ในที่นี้พี่ทุยไม่ได้เชียร์ว่า ทุกคนเข้าไปซื้อหุ้นกันเถอะในเวลานี้ เพราะก่อนอื่นเลย ก็ต้องย้อนดูที่ตัวเองกันก่อนว่า เรารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน ถ้าใจไม่ไหวพอจะทนทานกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า เห็นตลาดแดงเถือกแป๊บเดียวก็จะเป็นลมแล้ว แบบนั้นกำเงินสดเก็บไว้กับมือ หรือพักเงินเอาไว้ในสินทรัพย์ปลอดภัย รอให้ใจพร้อมก่อนก็น่าจะเป็นคำตอบที่ใช่กว่า
กระจายลงทุนสินทรัพย์หลากหลาย สูตรอมตะที่ใช้ได้เสมอ
สุดท้ายแล้ว พี่ทุยก็อยากย้ำข้อคิดดี ๆ คือ จัดพอร์ตลงทุน กระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายกันเถอะ โดยดูที่ความเสี่ยงที่ตัวเองรับไหวเป็นหลัก เพราะการมีสินทรัพย์หลากหลายอยู่ในพอร์ต เป็นตัวช่วยที่ดีเลยที่จะทำให้พอร์ตลงทุนโดยรวมไม่บาดเจ็บสาหัสเวลาเจอสถานการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งก็รวมถึงการเกิดสงครามด้วย
เพราะไม่มีสินทรัพย์ตัวไหนหรอกที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดตลอดเวลา ก็เหมือนกับนักแสดงนั่นแหละ ที่อาจไม่ได้รับบทพระเอกทุกเรื่องไป บางเรื่องก็ต้องให้คนอื่นที่เหมาะสมกว่ามาเป็นพระเอก แล้วตัวเองไปเป็นพระรองหรือตัวประกอบแทน
เราอาจจะมีทั้ง ตราสารหนี้ หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ สินทรัพย์ทางเลือกอย่าง ทองคำ ไว้ในพอร์ต เวลาที่เศรษฐกิจดี หุ้นอาจจะโดดเด่นทำให้พอร์ตโดยรวมโตดีได้ แต่เวลาที่เศรษฐกิจแย่ หรือมีเหตุการณ์อย่างรัสเซียปะทะยูเครน หุ้นแย่ ก็ยังมี ทองคำ ที่ช่วยพยุงพอร์ตไม่ให้ร่วงไปแรง ๆ ได้
สิ่งสำคัญคือ เราต้องรู้ใจตัวเองก่อนว่า ถ้าเรามีสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ในพอร์ตสักกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วเรายังนอนหลับสบาย ดูการเคลื่อนไหวของพอร์ตแล้วยังรับได้ ไม่ว้าวุ่นใจ แล้วก็ลงทุนตามนั้น
อย่าไปฝืนลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูง ๆ เพื่อหวังผลตอบแทนสูง ๆ โดยที่ตัวเองไม่ได้รับความเสี่ยงได้มากขนาดนั้นจริงๆ เพราะอย่าลืมว่าสินทรัพย์เสี่ยงสูง ให้ผลตอบแทนสูงได้ ก็มีโอกาสขาดทุนสูงๆ ได้ในบางช่วงเหมือนกัน
อ่านเพิ่ม