วงการ Cryptocurrency ยังคงมีเรื่องให้แปลกใจได้อย่างไม่หยุดหย่อน หลังจากพี่ทุยกำลังอ่านข่าวเกี่ยวกับ Cryptocurrency เพลิน ๆ ก็ไปสะดุดกับประเด็นหนึ่งเข้า ก็คือทางบริษัท Visa ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในด้านของการให้บริการการชำระเงิน กำลังจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ก็คือ “Crypto-Linked Card”
การลงมามีส่วนร่วมกับตลาด Cryptocurrency ครั้งนี้ Visa จะวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้ให้บริการด้านการชำระเงินเช่นเคย แต่ที่เปลี่ยนไปคือทาง Visa มีความพยายามที่จะทำให้สกุลเงินดิจิทัล สามารถนำมาจับจ่ายใช้สอยกับร้านค้าต่าง ๆ ได้กว่า 80 ล้านร้านค้าทั่วโลก !
ซึ่งนั่นอาจจะเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของการชำระเงินเลยก็ว่าได้ เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้น จะช่วยขยายข้อจำกัดของสกุลเงินดิจิทัล ที่ก่อนหน้าสามารถนำไปแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าชนิดที่จับต้องได้ (Tangible Asset) ไม่มากเท่าที่ควร
วันนี้พี่ทุยจึงจะมาเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่ “Visa” กำลังที่จะทำ รวมถึงความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ จะมีแรงกระเพื่อมต่อตลาด Cryptocurrency ที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคตหรือไม่ อย่างไร ?
“Visa” ลุยตลาดชำระเงินด้วย “Cryptocurrency”
ผ่านการจับมือกับ 60 Cryptocurrency Platform อย่าง Binance, Coinbase และ Crypto.com เป็นต้น
โดยในการร่วมมือกันในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งทำให้ผู้บริโภค สามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลในการซื้อสินค้าได้กว่า 80 ล้านร้านค้าทั่วโลก โดยทาง “Visa” ได้เรียกบัตรดังกล่าวว่า “Crypto-Linked Card”
ซึ่งตัว “Crypto-Linked Card” ตัวนี้ก็จะมีขั้นตอนการทำงานเปรียบเสมือนกับ Hardware Wallet ของเราไปในตัว โดยคาดว่าอาจจะเป็นการเชื่อมกับ Digital Wallet ของเราเข้าไป และในกรณีที่จะมีการชำระเงินค่าสินค้าและบริการให้กับร้านค้า ก็จะทำการแปลงสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าว ให้เป็นสกุลเงินแบบ “Fiat Currency” ซึ่งจะทำให้ร้านค้าเกิดความสบายใจเมื่อได้รับการชำระเงินที่ใช้ในปัจจุบัน มากกว่าการรับชำระเป็นสกุลเงินดิจิทัล
ผู้คนจะหันมาถือสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นหรือไม่ ตลาด “Crypto” จะเป็นอย่างไรหลังจากนี้ ?
พี่ทุยมองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลสำหรับการซื้อขายสินค้าและบริการทั่วไปในโลกแห่งความเป็นจริงเท่านั้น
แม้ประเด็นนี้จะดูเหมือนเป็นแรงกระเพื่อม ที่จะทำให้ผู้คนเริ่มมองว่า Cryptocurrency นั้น มีความน่ากลัวลดลงเนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ง่าย ใช้จับจ่ายใช้สอยได้จริง และที่สำคัญคือทำให้สามารถมองได้ว่าจริง ๆ แล้วสกุลเงินเหล่านั้นไม่ได้มีไว้สำหรับเก็งกำไรหรือแลกเปลี่ยนซื้อขายเฉพาะ NFT เท่านั้น แต่ยังใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดายแถมมีความปลอดภัยสูง
อย่างไรก็ตามมีประเด็นที่พี่ทุยมองว่าอาจจะทำให้เรื่องราวเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย
- อย่างแรกก็คือ เทคโนโลยีใหม่ ๆ มักจะมากับความเสี่ยงที่ท้าทาย เรายังไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า “Visa” จะนำเทคโนโลยีใดมาใช้ในการทำธุรกรรม มีเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้จ่ายเบื้องหลังหรือไม่ หรือแม้กระทั่งมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่สามารถเข้าถึงได้จากการเชื่อมต่อกับ Digital Wallet ไปได้หรือเปล่า ดังนั้นในประเด็นนี้ยังถือเป็นประเด็นที่พวกเราจะยังคงต้องติดตามกันต่อไป
- อย่างที่สองคือเรื่องของความเสี่ยงของกฏเกณฑ์และข้อบังคับของแต่ละประเทศ (Regulation Risk) ประเด็นนี้อาจไม่ใช่ประเด็นที่เราควรต้องกังวลเป็นหลัก แต่สิ่งเหล่านี้ก็อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในบางประเทศที่ไม่มีระบบการเงินที่พร้อม และกฎหมายที่สามารถเปิดให้ใช้จ่ายด้วยวิธีการนี้ได้
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า แม้ไอเดียในการนำสกุลเงินจิทัลมาปลี่ยนเป็นเงิน Fiat จะน่าสนใจและน่าดึงดูดให้ทุกคนเข้ามาสะสมมากเพียงใด แต่เรายังคงต้องดูทีท่าต่อไปว่า ในอนาคตสิ่งเหล่านี้จะสามารถเป็นไปได้ในแง่ของการใช้งานจริง ๆ หรือไม่
แต่อย่างไรก็ตาม พี่ทุยเชื่อว่า หากตลาด Cryptocurrency ยังคงดึงดูดผู้คนได้มากขึ้นในอนาคตต่อไปเรื่อย ๆ ประเด็นในส่วนของกฎเกณฑ์และข้อกฎหมายของหลาย ๆ ประเทศ ก็อาจจะพัฒนาตามให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาได้ในอนาคต และเราอาจจะได้เห็นภาพของสังคมไร้เงินสดที่แท้จริงในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้านี้ก็ได้