ปีที่ผ่านมา หลายคนต้องถูกเลิก “การจ้างงาน” หรือถูกหรือชั่วโมงการทำงานไป พี่ทุยเชื่อว่าเป็นปีที่สาหัสสำหรับทุกคนตั้งแต่เจ้าของกิจการจนถึงลูกจ้างมนุษย์เงินเดือน หลายคนคงคิดในใจว่าแล้วในปีนี้มันจะเป็นอย่างไรต่อไป..
“การจ้างงาน” ของไทยหายไปเกือบ 700,000 ตำแหน่งจากปีก่อน
พี่ทุยได้อ่านรายงานหนึ่งของธนาคารโลกเกี่ยวกับผลกระทบของโควิดต่อการจ้างงานของคนไทยช่วงปีที่ผ่านมาและอาจจะสะท้อนหนทางข้างหน้าในปีนี้ว่าจะออกหัวหรือก้อยอย่างไร จากรายงานหากย้อนกลับไปดูตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว การจ้างงานของไทยหายไปเกือบ 700,000 ตำแหน่งจากปีก่อน (360,000 ตำแหน่งในไตรมาสแรกและ 340,000 ตำแหน่งในไตรมาสสอง)
โดยการว่างงานเกิดขึ้นเป็นวงกว้างโดยเฉพาะในภาคการผลิตและภาคค้าส่งค้าปลีก ในทางกลับกันภาคเกษตรกรรมยังเป็นภาคที่ช่วยรองรับแรงงานที่ถูกเลิกจ้างอยู่ ขณะที่ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยลดลง 2-3 ชั่วโมง (น่าสนใจที่แรงงานที่เป็นผู้หญิงถูกลดชั่วโมงทำงานมากกว่าด้วย) นอกจากนี้ เงินเดือนค่าจ้างของธุรกิจเอกชนลดลงประมาณ 1.6% โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานในภาคเกษตรกรรม (ลดลง 5.4%)
ตลาดแรงงานกลับฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง
แต่พอมาครึ่งปีหลังของปี (ยกเว้นเดือนธันวาคม) ตลาดแรงงานกลับฟื้นตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนด้วยจำนวนงานที่เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง เช่นเดียวกับชั่วโมงการทำงานที่ก็เพิ่มขึ้น แต่ยังน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ดีทั้งตำแหน่งงานและชั่วโมงการทำงาน พี่ทุยมองว่าส่วนหนึ่งมาจากการระบาดที่ควบคุมได้จากมาตรการปิดเมืองในช่วงต้นของการระบาด จนทำให้ช่วงไตรมาส 3 ธุรกิจต่าง ๆ ทยอยกลับมาเปิดได้เป็นปกติอีกครั้ง
แต่อีกเรื่องสำคัญในมุมของพี่ทุยและคิดว่าหลายคนอาจจะรู้สึกขัดกับความรู้สึกเช่นกันว่าตำแหน่งงานจริง ๆ ดูเหมือนจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาขนาดนั้น นั้นเป็นเพราะว่าการฟื้นตัวครั้งนี้ไม่ได้เท่ากันและแตกต่างไปในแต่ละภาคเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ยังไม่นับรวมว่าการจ้างงานมากกว่าครึ่งหนึ่งของไทยเป็นการจ้างงานนอกระบบและการเติบโตของงานค่อนข้างต่ำหรือติดลบมาตลอดหลายปีจากรายงานของธนาคาร ทำให้ข้อมูลที่ออกมาสามารถสะท้อนความจริงไปเพียงครึ่งเดียวตามไปด้วย
กลุ่มกิจกรรมการบริหารและการบริการสนับสนุนได้รับผลกระทบมากที่สุด
ภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจนการจ้างงานติดลบเกือบ 20% คือกลุ่มกิจกรรมการบริหารและการบริการสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งรถยนต์ สำนักงาน หรือเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ทำธุรกิจ ธุรกิจการจัดหางาน ธุรกิจทัวร์นำเที่ยว ธุรกิจรักษาคาวมปลอดภัย สอดคล้องกับมาตรการปิดเมืองของรัฐบาล,ฃ รองลงมาคือภาคการผลิตที่ติดลบประมาณ 5%
ในทางตรงกันข้าม ภาคกิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์และภาคกิจกรรมทางวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคนิค การจ้างงานกลับเติบโตขึ้นสูงสุดที่ประมาณ 15% โดยภาคเศรษฐกิจแรกจะประกอบไปด้วยงานในโรงพยาบาลหรืองานบริการเกี่ยวกับที่อยู่เพื่อการรักษาพยายาล ขณะที่งานในภาคเศรษฐกิจทางวิชาชีพจะมีงาน อย่างเช่นงานทางด้านกฎหมาย บัญชี วิศวกรรม การวิจัยตลาด การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
กลุ่มที่การจ้างงานเติบโตรองลงมาคือกลุ่มกิจกรรมโรงแรมและการบริการด้านอาหารและการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าที่เติบโตได้ประมาณ 10%
แน่นอนว่าภาพเศรษฐกิจนี้เป็นภาพตั้งแต่ก่อนการระบาดรอบใหม่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาและในปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนไปค่อนข้างมากแล้ว แต่พี่ทุยว่าอย่างน้อยก็พอทำให้เห็นว่ามาตรการปิดเมืองอย่างเข้มงวดในรอบที่แล้วส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร และในรอบนี้ที่ดูเหมือนว่ามาตรการปิดเมืองจะเข้มงวดน้อยลงอาจจะให้ภาพผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาจจะแตกต่างออกไปไม่น้อย
รัฐบาลว่าควรจะมีนโยบายรักษาการจ้างงานในระยะสั้น
ตรงนี้ธนาคารโลกเองมีข้อเสนอกับรัฐบาลว่าควรจะมีนโยบายรักษาการจ้างงานในระยะสั้น รวมไปถึงพยายามสร้างทักษะของแรงงานและผู้ประกอบการให้เพิ่มขึ้น โดยอาจจะให้แรงจูงใจเป็นการช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติม
ขณะที่ในระยะยาวอาจจะพิจารณาเพิ่มระยะเวลาเกษียณออกไปหรือส่งเสริมความยืดหยุ่นของการจ้างงานให้คนทุกอายุสามารถทำงานได้ตามความเหมาะสม รวมไปถึงการสนับสนุนให้ผู้หญิงเข้าสู่กำลังแรงงานมากขึ้น เช่น ส่งเสริมบริการดูแลเด็กเล็ก เพื่อให้เหล่าแม่ ๆ มีเวลาไปทำงานได้มากขึ้น เป็นต้น
Sourc: World Bank Document