การจ้างงาน ปี 2564

สรุปทิศทาง “การจ้างงาน” ปี 2564 กับ 700,000 ตำแหน่งที่หายไป

2 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมาตำแหน่งงานของไทยหายไปกว่า 700,000 ตำแหน่งและแรงงานถูกลดชั่วโมงทำงานลง 2 – 3 ชั่วโมง โดยเฉพาะในภาคการผลิตและภาคค้าส่งค้าปลีก ขณะที่ภาคเกษตรกรรมยังดูดซับแรงงานไปได้บางส่วน
  • แม้ว่าจะฟื้นตัวกลับมาในช่วงครึ่งปีหลังด้วยตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง แต่การฟื้นตัวนี้เป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม บางธุรกิจจะได้รับผลกระทบมากกว่าและฟื้นตัวได้ช้ากว่า อย่างการให้เช่าออฟฟิศหรืออุปกรณ์สำหรับธุรกิจหรือธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยว ขณะเดียวกันธุรกิจสุขภาพและวิชาชีพเฉพาะทางกลับเติมโตขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • ขณะเดียวกันอนาคตในปีนี้ยังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การระบาดรอบใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันยังไม่แน่นอนว่าการระบาดครั้งนี้จะกระทบเศรษฐกิจไทยไปมากน้อยเพียงใด แต่ธนาคารโลกสนับสนุนให้ออกมาตรการที่สามารถรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้เป็นหลัก

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ปีที่ผ่านมา หลายคนต้องถูกเลิก “การจ้างงาน” หรือถูกหรือชั่วโมงการทำงานไป พี่ทุยเชื่อว่าเป็นปีที่สาหัสสำหรับทุกคนตั้งแต่เจ้าของกิจการจนถึงลูกจ้างมนุษย์เงินเดือน หลายคนคงคิดในใจว่าแล้วในปีนี้มันจะเป็นอย่างไรต่อไป..

“การจ้างงาน” ของไทยหายไปเกือบ 700,000 ตำแหน่งจากปีก่อน

พี่ทุยได้อ่านรายงานหนึ่งของธนาคารโลกเกี่ยวกับผลกระทบของโควิดต่อการจ้างงานของคนไทยช่วงปีที่ผ่านมาและอาจจะสะท้อนหนทางข้างหน้าในปีนี้ว่าจะออกหัวหรือก้อยอย่างไร จากรายงานหากย้อนกลับไปดูตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว การจ้างงานของไทยหายไปเกือบ 700,000 ตำแหน่งจากปีก่อน (360,000 ตำแหน่งในไตรมาสแรกและ 340,000 ตำแหน่งในไตรมาสสอง)

โดยการว่างงานเกิดขึ้นเป็นวงกว้างโดยเฉพาะในภาคการผลิตและภาคค้าส่งค้าปลีก ในทางกลับกันภาคเกษตรกรรมยังเป็นภาคที่ช่วยรองรับแรงงานที่ถูกเลิกจ้างอยู่ ขณะที่ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยลดลง 2-3 ชั่วโมง (น่าสนใจที่แรงงานที่เป็นผู้หญิงถูกลดชั่วโมงทำงานมากกว่าด้วย) นอกจากนี้ เงินเดือนค่าจ้างของธุรกิจเอกชนลดลงประมาณ 1.6% โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานในภาคเกษตรกรรม (ลดลง 5.4%)

ตลาดแรงงานกลับฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง

ตลาดแรงงานไทย

แต่พอมาครึ่งปีหลังของปี (ยกเว้นเดือนธันวาคม) ตลาดแรงงานกลับฟื้นตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนด้วยจำนวนงานที่เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง เช่นเดียวกับชั่วโมงการทำงานที่ก็เพิ่มขึ้น แต่ยังน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ดีทั้งตำแหน่งงานและชั่วโมงการทำงาน พี่ทุยมองว่าส่วนหนึ่งมาจากการระบาดที่ควบคุมได้จากมาตรการปิดเมืองในช่วงต้นของการระบาด จนทำให้ช่วงไตรมาส 3 ธุรกิจต่าง ๆ ทยอยกลับมาเปิดได้เป็นปกติอีกครั้ง

แต่อีกเรื่องสำคัญในมุมของพี่ทุยและคิดว่าหลายคนอาจจะรู้สึกขัดกับความรู้สึกเช่นกันว่าตำแหน่งงานจริง ๆ ดูเหมือนจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาขนาดนั้น นั้นเป็นเพราะว่าการฟื้นตัวครั้งนี้ไม่ได้เท่ากันและแตกต่างไปในแต่ละภาคเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ยังไม่นับรวมว่าการจ้างงานมากกว่าครึ่งหนึ่งของไทยเป็นการจ้างงานนอกระบบและการเติบโตของงานค่อนข้างต่ำหรือติดลบมาตลอดหลายปีจากรายงานของธนาคาร ทำให้ข้อมูลที่ออกมาสามารถสะท้อนความจริงไปเพียงครึ่งเดียวตามไปด้วย

กลุ่มกิจกรรมการบริหารและการบริการสนับสนุนได้รับผลกระทบมากที่สุด

ผลกระทบจากการจ้างงาน

ภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจนการจ้างงานติดลบเกือบ 20% คือกลุ่มกิจกรรมการบริหารและการบริการสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งรถยนต์ สำนักงาน หรือเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ทำธุรกิจ ธุรกิจการจัดหางาน ธุรกิจทัวร์นำเที่ยว ธุรกิจรักษาคาวมปลอดภัย สอดคล้องกับมาตรการปิดเมืองของรัฐบาล,ฃ รองลงมาคือภาคการผลิตที่ติดลบประมาณ 5% 

ในทางตรงกันข้าม ภาคกิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์และภาคกิจกรรมทางวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคนิค การจ้างงานกลับเติบโตขึ้นสูงสุดที่ประมาณ 15% โดยภาคเศรษฐกิจแรกจะประกอบไปด้วยงานในโรงพยาบาลหรืองานบริการเกี่ยวกับที่อยู่เพื่อการรักษาพยายาล ขณะที่งานในภาคเศรษฐกิจทางวิชาชีพจะมีงาน อย่างเช่นงานทางด้านกฎหมาย บัญชี วิศวกรรม การวิจัยตลาด การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

กลุ่มที่การจ้างงานเติบโตรองลงมาคือกลุ่มกิจกรรมโรงแรมและการบริการด้านอาหารและการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าที่เติบโตได้ประมาณ 10%

แน่นอนว่าภาพเศรษฐกิจนี้เป็นภาพตั้งแต่ก่อนการระบาดรอบใหม่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาและในปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนไปค่อนข้างมากแล้ว แต่พี่ทุยว่าอย่างน้อยก็พอทำให้เห็นว่ามาตรการปิดเมืองอย่างเข้มงวดในรอบที่แล้วส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร และในรอบนี้ที่ดูเหมือนว่ามาตรการปิดเมืองจะเข้มงวดน้อยลงอาจจะให้ภาพผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาจจะแตกต่างออกไปไม่น้อย

รัฐบาลว่าควรจะมีนโยบายรักษาการจ้างงานในระยะสั้น

ตรงนี้ธนาคารโลกเองมีข้อเสนอกับรัฐบาลว่าควรจะมีนโยบายรักษาการจ้างงานในระยะสั้น รวมไปถึงพยายามสร้างทักษะของแรงงานและผู้ประกอบการให้เพิ่มขึ้น โดยอาจจะให้แรงจูงใจเป็นการช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติม

ขณะที่ในระยะยาวอาจจะพิจารณาเพิ่มระยะเวลาเกษียณออกไปหรือส่งเสริมความยืดหยุ่นของการจ้างงานให้คนทุกอายุสามารถทำงานได้ตามความเหมาะสม รวมไปถึงการสนับสนุนให้ผู้หญิงเข้าสู่กำลังแรงงานมากขึ้น เช่น ส่งเสริมบริการดูแลเด็กเล็ก เพื่อให้เหล่าแม่ ๆ มีเวลาไปทำงานได้มากขึ้น เป็นต้น

Sourc: World Bank Document

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile