จับตามอง "Beyond Meat" หุ้นปังแห่งปี

จับตามอง “Beyond Meat” หุ้นปังแห่งปี

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • ปัจจุบัน​กระแสรักสุขภาพกำลังเป็นเทรนด์ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจมาก​ เช่น​ การออกกำลัง​กายและการกินอาหารสุขภาพ จากสถิติจะเห็นได้ว่ามีการบริโภค​ผลิตภัณฑ์​ที่มาจากพืชมากกว่ามาจากสัตว์​หลายเท่าตัว​ และเทรนด์​อาหารที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศ​ษคือ​ อาหารวีแกน
  • เมื่อวันที่​ 2 พฤษภาคม​ที่ผ่านมา​ หุ้นของบริษัทสตาร์​ทอัพฟู้ดเทค​ Beyond Meat ในชื่อย่อ​ BYND​ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาด​ NASDAQ​ โดยมีราคาอยู่ที่​ 25$ ต่อหุ้นและปิดตลาดวันแรกที่​ 75$ คิดเป็นผล​ตอบแทน​สูงถึง​ 163% จากราคา IPO และในระยะไม่ถึง​ 3 เดือนก็สร้างผลตอบแทน​ให้ผู้ถือหุ้น​ IPO​ ได้สูงถึง​ 859%
  • เนื้อสัตว์​สังเคราะห์​ของ​ Beyond Meat มีทั้งเนื้อสเต็ก​ ไส้กรอกและเนื้อบด​ โดยหลักๆ​ แล้วตอนนี้มักถูกใช้เป็นส่วนประกอบในแฮมเบอร์เกอร์​ ถ้าเทียบกับเนื้อวัวขนาด​ 4 ออนซ์​เท่ากัน​ เนื่อสัตว์​สังเคราะห์​ Beyond Meat จะมีจำนวนแคลอรี่พอกัน แต่มีไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่น้อยกว่า​ จึงดีต่อสุขภาพมากกว่า

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ต้องยอมรับว่าเทรนด์ในโลกเราสมัยนี้มาเร็วไปเร็วมาก อะไรที่ฮิตเมื่อ​ชั่วโมงที่เเล้ว​ อาจจะดูไม่ค่อยใหม่เเล้วเมื่อผ่านไปเพียงแป๊ปเดียว​ แต่เทรนด์หนึ่งที่พี่ทุยเห็นมาพักใหญ่แล้วก็คือ​ เทรนด์การรักสุขภาพของคนรุ่นใหม่​ ทั้งรณรงค์​งดเหล้า​ บุหรี่​ ออกกำลังกาย​ วิ่ง​ หรือเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์​ อย่างเนื้อสัตว์มังสวิรัติที่มาจากจาก บริษัท “Beyond Meat” นอกจากสุขภาพภายในดีขึ้นเเล้ว​ ความแข็งแรง​นั้นก็ยังแสดงออกมาถึงภายนอกด้วย​ เช่น​ น้ำหนักลด​ ร่างกายกระชับมีกล้ามเนื้อ​ ผิวพรรณ​เปล่งปลั่ง

และหุ้นของธุรกิ​จที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ​  ​เค้านำเสนอผลิตภัณฑ์​โปรตีนทางเลือกที่เหมือนเนื้อสัตว์​สุดๆ​ นอกจากรสชาติที่คล้ายกันแล้ว​ หน้าตาของมันก็ยังเป็นฝาเเฝดกับเนื้อสัตว์​ปกติ​ด้วย นอกจากนี้​เวลาโยนลงกะทะ​ ก็ยังเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีเสียงแตกซู่ซ่าด้วยนะ​ พี่ทุยขอเกริ่นเรื่องหุ้นของบริษั​ทให้ฟังคร่าวๆ​ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อหุ้น​ BYND ของบริษั​ทฟู้ดเทคสัญชาติ​อเมริกัน​ ก่อนอื่นจะเล่า​เรื่องโลกของคนงดกินเนื้อสัตว์ให้คุ้นเคยก่อนละกันนะ

มังสวิรัติ​ หรือ​ Vegetarians ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว​ คือ​ คนกลุ่มที่งดกินเนื้อสัตว์​แต่กินผลิตภัณฑ์​ที่เกี่ยวกับ​สัตว์​ได้อยู่​ เช่น​ ไข่​ นม​ เนย​ ชีส​ เจลาติน​ ยีสต์​ ส่วนคนงดเนื้อสัตว์​อีกประเภทนึง​ คือ​ “วีแกน” คนกลุ่มนี้นอกจากจะไม่กินเนื้อสัตว์​เเล้ว​ ยังงดกินงดใช้ผลิตภัณ​ฑ์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสัตว์​ ไม่กินไข่​ เนย​ นม​ ชีสหรือเจลาติน​ และไม่ใช่สินค้าที่เกี่ยวข้องกับ​สัตว์​เลยแม้แต่นิดเดียว​ เช่น​ กระเป๋าหนัง​ เสื้อขนสัตว์​ เป็นต้น

ซึ่งกระแสวีแกนนี่ก็ค่อนข้างมาแรงมาก​จนเป็นเทรนด์​โลก​ ​ในปี2017​ มีการทำสถิติว่าผู้ค้นหาคำว่า​ “vegan dessert (ขนมหวานสำหรับชาววีแกน)”​ เพิ่มจำนวนมากขึ้น​ 329% และคำว่า​ “plant protein (โปรตีนจากพืช)​” เพิ่มขึ้นถึง​ 417% และมีหนังสือที่มีคำว่า Vegan ในชื่อเรื่องเพิ่มขึ้นมากกว่า​ 1 เท่าตัว​ จาก​ 994 เล่มในปี​ 2018​ เป็น​ 2,058 เล่มในเดือนมกราคม​ 2019​ พูดง่ายๆว่ากระแสวีแกนกำลังถูกพูดถึง และมีคนสนใจเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในแต่ละปี​ นอกจากนี้​เมื่อเทียบกันแล้วผลิตภัณฑ์​ที่ทำจากพืชได้รับความนิยมมากกว่าผลิตภัณฑ์​ที่มาจากสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย

 

และถ้าเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์​ไร้เนื้อสัตว์​ด้วยกันเองแล้ว​ อย่างอาหารมังสวิรัติ​หรืออาหารที่ปราศจากโปรตีนกลูเตน วีแกนก็ยังเป็นที่นิยมมากกว่าถึงประมาณ​ 3 เท่า​ นอกจากนี้กระแสวีแกนยังเป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายมากขึ้นถึง​ 4 เท่าตัวใน​ 5 ปีที่ผ่านมา!

 

 

เหตุผลที่วีแกนเป็นที่นิยมมาก​มาจากเหตุผลด้านสุขภาพเป็นหลัก​ เพราะมีผลวิจัยชี้ว่าการกินอาหารแบบชาววีแกนจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด​ เพิ่มการหลั่งอินซูลีน​ ทำให้อิ่มนานขึ้น​ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนักตัว​ ความดันเลือดและคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังได้วิตามินหลายอย่างและใยอาหารด้วย

ทั้ง​หมดทั้งมวลที่พี่ทุยเล่ามา​ก็เพราะอยากให้เห็นภาพกันว่า​ อาหารวีแกนคืออะไรและเทรนด์​นี้ป็อปปูลาร์​แค่ไหน​ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงถึงหุ้นของบริษัท  สตาร์​ทอัพ​ Beyond Meat เต็มๆ​ เลย​ จากที่อ่านๆ​ มาจะพบว่าจุดเด่นของอาหารแบบวีแกนคือ​ จะมอบสุขภาพที่ดีกว่าให้ผู้รับประทาน​และเป็นมิตรกับน้ำหนักตัวมากกว่า​ มาดูกันสิว่า​ คำเคลมที่ว่าเป็นเรื่องจริงมั้ย

 

 

จากตารางจะเป็นการเปรียบเทียบโภชนาการระหว่างเนื้อสังเคราะห์กับเนื้อวัวทั่วไป แต่บอกตรงนี้ก่อนว่าพี่​ทุยก็ไม่ใช่นักโภชนาการ​มืออาชีพ แต่ดูคร่าวๆ​ แล้วจะพบว่า​ แฮมเบอร์เกอร์​ที่ใช้เนื้อสัตว์​สังเคราะห์ Beyond Meat ไม่ได้มีปริมาณแคลอรี่เเละไขมันน้อยกว่าแฮมเบอร์เกอร์ปรกติ​อย่างมีนัยสำ​คัญ​ แต่เนื้อสังเคราะห์สามารถตอบโจทย์ชาววีแกนได้

เมื่อวันที่​ 2 พฤษภาคม​ที่ผ่านมา​ Beyond Meat ก็ได้จดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาด​ NASDAQ​ ด้วยราคา​ IPO​ ที่​ 25$ ต่อหุ้น​

สมมุติว่าถ้าเรากำตัง​ 100​ $ เข้าจอง​ IPO​ ของหุ้น​ BYND จะได้​ 4​ หุ้น​ (ตลาดหุ้นอเมริกาไม่มีกำหนดจำนวนขั้นต่ำเหมือนเรา​ 1 หุ้นก็ซื้อได้นะ)​ ในตอนนั้นหุ้นของเราจะมีมูลค่า​ 2,500 $

เมื่อเข้าตลาดในวันแรก​ เค้าก็มีราคาเปิดอยู่ที่​ 46$ แล้ว​ เท่ากับว่าหุ้น​ BYND ของเราจะมีมูลค่าตลาดเท่ากับ​ 4,600 $ หรือได้กำไรไป​ 84% และถ้าเราถือถึงสิ้นวัน​จนมีราคาปิดที่​ 65.75$ ผลตอบแทนจาก​ 25​$ ​ก็จะเท่ากับ​ 163% เลยล่ะ​ ​ ซึ่งนับเป็นหุ้นIPOที่สร้างผลตอบแทนให้นักลงทุน​ได้สูงสุดเป็นอันดับ​ 1 ของโลกตั้งแต่ปี​ 2019​ และในวันที่​ 26​ กรกฎาคม​ หุ้น BYND ก็ขึ้นไปทำจุดสูงสุด​ที่ราคา​ 239.71$ ต่อหุ้น​ ถ้าเราถือหุ้นราคาIPO ในระยะเวลาไม่ถึง​ 3 เดือนดีนัก​ ก็จะได้ผลตอบแทน​สูงถึง​ 859% หรือเกือบ​ 9 เด้ง !

 

 

ใครว่าตลาดหุ้นเดี๋ยวนี้หาหุ้นเด้งยาก​ ต้องมาดูหุ้นตัวนี้​ ไม่ใช่แค่เด้งเดียว​ด้วยนะจ๊ะ​ นี่นั่งคิดเลขเเล้วพี่ทุยอยากพุ่งตัวไปเปิดบัญชีเล่นหุ้นต่างประเทศ (Offshore) เลย​

แต่การที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปสูงติดเพดานขนาดนี้​ สิ่งหนึ่งที่เราต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดเลยก็คือ​ บริษัทจะทำได้ดีกว่าหรืออย่างน้อยก็เท่ากับความคาดหวังได้หรือเปล่าเพราะอย่าลืมว่าราคาของหุ้นเป็นความคาดหวังในอนาคตของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งตอนนี้ถ้าไปเปิดดูงบการเงินของบริษัท​ยังไม่สดใสนัก​ แต่ก็ต้องบอกยอดขายมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยเป็นตัวดึงดูดเหล่านักลงทุนเข้ามาให้ความสนใจ​ ประกอบกับตอนนี้ แล้วอีกอย่าง ​Beyond Meat ก็เริ่มเข้าไปบุกตลาดในอังกฤษด้วย

ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นเอาใจยากมากจริง ๆ  แค่เฮียทรัมป์แกทวีตทีเดียวตลาดลงทุนทุกตลาดก็พร้อมขยับตามการทวีตของแกเลย จริง ๆ พี่ทุยว่าน่าปิดบัญชีทวิตเตอร์ของเฮียแกมากเลย ฮ่า ๆ พอแบบนี้เลยทำให้หุ้นหลาย ๆ ตัวที่อนาคตสดใสก็ถูกแรงเทขายได้เหมือนกัน แล้วถ้าเป็นหุ้นหน้าใหม่หรือสภาพคล่องยังไม่สูงมากนักที่มีการปรับตัวขึ้นมาสูง ๆ เวลาตลาดเกิดความกังวลขึ้นมาทีไรมักจะโดนเทขายแรง ๆ กันเป็นประจำ

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply