ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่อารมณ์มักจะนำเหตุผลเสมอ หลาย ๆ ช่วงเวลาจะเห็นได้ว่ามีหุ้นหลาย ๆ ตัวที่ราคาตกลงมาแบบไม่มีเหตุผลหรือตกลงมามากกว่าความเป็นจริง แบบนี้แหละที่เค้าเรียกว่า “Panic Sell”
เวลาที่เราลงทุนโดยเฉพาะตลาดหุ้นที่เราคุ้นเคยที่สุด เราอาจจะเจอจังหวะที่เรียกว่า “Panic Sell” บ่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง ๆ จากข่าวอะไรบางอย่าง โดยที่คนส่วนใหญ่ในตลาดรุมขายหุ้นตัวใดตัวนึงออกมาหรือว่าอาจจะเป็นทั้งอุตสาหกรรมหรือว่าอาจจะเป็นหุ้นทุกตัวในตลาดเลยก็ได้
ถ้าถามพี่ทุยว่าเวลาเราเจอเหตุการณ์แบบนีเราควรทำยังไง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วแหละว่าจะเห็นเป็น “โอกาส” หรือ “วิกฤติ” เมื่อก่อนตอนที่พี่ทุยเล่นหุ้นแรกๆ เห็นตลาดแดงแปร๊ดที่ไรนะ…บอกตรง ๆ ว่า “ล้างพอร์ต” อย่างเดียว ฮ่าๆๆ แล้วที่สำคัญพอเวลาเราขายทิ้งทีไรหุ้นที่เราเพิ่งขาย มันก็เด้งกลับทุกทีหรือถ้าหุ้นตัวไหนที่เราไม่ขาย ก็ดันลงต่อ โธ้ เอาเรื่องจริงมาพูดเล่นเฉยยยย
แล้วพี่ทุยว่า “มนุษย์เงินเดือน” แบบเรา ๆ บางทีก็ไม่มีเวลามาข่าวตลอดเวลาหรอกเน้าะ พี่ทุยแนะนำว่าเวลาที่เกิด Panic Sell อย่างแรกต้องตั้ง “สติ” ก่อน อย่าร้อนรนไปตามตลาด ตั้งสติสำคัญเสมอ
จากนั้นเราต้องเข้าใจก่อนว่าเวลาหุ้นลงหนักๆ มักจะมี “ข่าว” อะไรบางอย่างออกมา ก่อนอื่นเราก็ดูก่อนว่าข่าวนั้น มีผลกับหุ้นเรามั้ย ? ถ้าไม่มีผลอะไร พี่ทุยว่าก็เป็นโอกาสที่เราจะเข้าเพิ่มนะ เพราะเวลาที่คนในตลาดหายมึนแล้ว “ราคา” มักจะวิ่งกลับมาแถวๆเดิม
หรือถ้าเราดู “ข่าว” แล้ว น่าจะกระทบกับหุ้นเราหรือว่ายังไม่แน่ใจว่าเกี่ยวมั้ย ? พี่ทุยแนะนำว่า การขายออกไปก่อน ก็เป็นทางเลือกเหมือนกัน เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงไปด้วยในตัว การที่เราขายหุ้นทิ้งก็เป็นการการันตีว่าเราจะไม่ขาดทุนมากกว่านี้
แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า.. ถ้าเราวิเคราะห์แล้วไม่น่าจะเกี่ยวกับหุ้นเรา เราต้องกล้าเข้าไปซื้อกลับที่ราคาสูงกว่าเราขายไปให้ได้นะเพราะการลงทุนวัดกันตรงนี้เลยนะ ส่วนใหญ่เวลาที่หุ้นตกจาก 3 บาท เหลือ 2.5 บาท แล้วเราขายทิ้งไปก่อน แล้วพอหุ้นกลับไปที่ 2.8 บาทดันไม่กล้าซื้อคืน เนี้ยแหละปัญหาของคนส่วนใหญ่เลย
สุดท้ายเก็บข้อผิดพลาดในการซื้อ-ขายหุ้นทุกครั้งให้เป็น “บทเรียน” สำหรับครั้งต่อ ๆไปเสมอ อยู่ในตลาดหุ้น เราพลาดได้เรื่อย ๆ แต่ห้ามพลาดเรื่องเดิม ๆ เป็นอันขาด !! ทำการบ้านเยอะ ๆ ก็จะทำให้เราเห็นว่าข่าวอะไรที่น่าจะกระทบกับพอร์ตของเราบ้าง
แต่สำคัญที่สุดอย่าลืมตั้งจุด Stop Loss ของพอร์ตเสมอ หลยาๆครั้งเราก็วิเคราะห์ผิดได้การมีจุดหยุดขาดทุนแล้วกลับมาตั้งสติก็เป็นเรื่องที่ต้องมี สำหรับพี่ทุยแล้วจุดที่ดีที่สุดก็คือ “ต้นทุน” ของเรา ไว้ฝุ่นหายตลบเมื่อไหร่ค่อยกลับไปซื้อก็ยังไม่สายนะจ้ะ