ธุรกิจ โรงกลั่นน้ำมัน มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตน้ำมันสำเร็จรูปมาใช้เป็นหลัก โดยนำน้ำมันดิบมาผ่านกระบวนการกลั่น จนได้เป็นน้ำมันสำเร็จรูป และยังได้ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้ม น้ำมันก๊าด น้ำมันอากาศยาน ยางมะตอย และน้ำมันเตาที่เป็นผลมาจากการกลั่นน้ำมันดิบมาใช้ประโยชน์ได้อีก
โดยบริษัทที่ประกอบธุรกิจ โรงกลั่น อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 6 บริษัท ได้แก่ PTTGC IRPC TOP BCP ESSO SPRC พอเรารู้รูปแบบธุรกิจแล้วคงจะรู้สึกว่า เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต แต่ทำไมในปัจจุบันธุรกิจนี้ถึงมีแนวโน้มที่จะถดถอย พี่ทุยจะพาไปดูสาเหตุที่แท้จริงกัน
สาเหตุที่โรงกลั่นเข้าสู่ยุคถดถอย
1. ค่าการกลั่น
ธุรกิจ โรงกลั่น จะทำกำไรได้มากหรือน้อยไม่ได้อยู่ที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับ “ค่าการกลั่น” ซึ่งก็คือ ส่วนต่างกำไรระหว่างน้ำมันสุกและน้ำมันดิบ หากค่าการกลั่นสูงธุรกิจก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ถ้าค่าการกลั่นลดลงธุรกิจก็จะมีรายได้ที่ลดลงตาม
ดังนั้นค่าการกลั่นจึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นถดถอยลง เพราะหากเราย้อนไปเมื่อต้นปี 2019 ค่าการกลั่นลงมาอยู่ที่ระดับต่ำมากประมาณ 2.75 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล จึงฉุดให้ราคาหุ้นของบรรดาธุรกิจโรงกลั่นลดลง
2. ความเสี่ยงในการลงทุนธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน
ธุรกิจนี้ขึ้นอยู่บนความเสี่ยงและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนราคาน้ำมันสำเร็จรูปจาก โรงกลั่นน้ำมัน และราคาน้ำมันดิบจากการนำเข้า เพราะเป็นราคาที่อยู่บนความเสี่ยงจากราคาตลาดโลก ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ จึงเกิดความเสี่ยงกับผลประกอบการของธุรกิจที่ไม่มีความแน่นอน
การดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ที่มีผลประกอบการทั้งขาขึ้นและขาลง แต่ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันต้องลงทุนสูงและมีความเสี่ยงสูง พูดง่าย ๆ คือ เมื่อตัดสินใจสั่งซื้อน้ำมันดิบจากต่างประเทศมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูป จะเกิดความเสี่ยงหลายอย่าง เช่น
ธุรกิจไม่สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้เอง เพราะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง จึงคาดการณ์ผลประกอบการได้ลำบาก
ความเสี่ยงด้านการจัดจำหน่าย โรงกลั่นจะมีการตกลงกับผู้ค้าน้ำมันล่วงหน้าว่าจะมีการซื้อขายในปริมาณเท่าไหร่ในเดือนถัดไป โดยมีสูตรราคาที่อิงกับตลาดซื้อขายที่สิงคโปร์ในช่วงวันส่งมอบ ซึ่งจะทําให้โรงกลั่นไม่สามารถกําหนดปริมาณการผลิตและราคาได้เอง
หากมีการทํา ธุรกิจโรงสูงขึ้น การแข่งขันก็มีมากขึ้น ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคยังเท่าเดิม ธุรกิจด้านนี้จึงประสบปัญหาด้านกําลังการกลั่นเกินความต้องการของผู้บริโภคแต่อาจมี การส่งออกด้านภาวะความเสี่ยง คือ ราคาอาจไม่คุ้มทุน จึงทําให้นักลงทุนไม่กล้าเสี่ยงลงทุนสร้างโรงกลั่นแห่งใหม่
ปัจจัยความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งไม่สามารถควบคุมหรือคาดการณ์ได้อย่างแม่นยํา อัตราแลกเปลี่ยนมีความสําคัญกับธุรกิจน้ำมัน เพราะโรงกลั่นต้องนําเข้าน้ำมันดิบเป็นเงินดอลลาร์ แต่เมื่อจําหน่ายน้ำมันสําเร็จรูปเป็นเงินบาท ดังนั้น ถ้าค่าเงินผันผวนมากอาจขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนได้
จะเห็นได้ว่าปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลประกอบการในปีนี้ของหุ้นกลุ่มธุรกิจ โรงกลั่น ติดลบ โดยผ่านมา 2 ไตรมาส
PTTGC มีกำไรติดลบ -62%
IRPC มีกำไรติดลบ -90.30%
TOP มีกำไรติดลบ -52.17%
BCP มีกำไรติดลบ -65.53%
ESSO มีกำไรติดลบ -97.39%
SPRC มีกำไรติดลบ -77.72%
และยังฉุดให้ราคาหุ้นของกลุ่มนี้ลงมาเป็น Downtrend อีกด้วย
Comment