ปีใหม่ทั้งที หลายคนก็คงตั้ง “เป้าหมาย” ของตัวเองต่าง ๆ กันไป แต่เป้าหมายที่หลายคนอยากจะทำให้ได้มากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เพราะเงินเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ในหลาย ๆ ด้าน แล้วใครกันล่ะที่จะไม่อยากมีฐานะที่ดีขึ้น แล้วถ้าเรามองกันจริงๆ เป้าหมายชีวิตแทบจะทุกเป้าหมายก็ต้องใช้เงินเป็นตัวประกอบด้วยกันทั้งนั้น
“ปีที่ผ่านมาหลายคนอาจจะเคยเจ็บกับเป้าหมายที่ไม่สำเร็จ หรือมีสิ่งเสียดายที่พลาดไป”
พี่ทุยว่าถ้าเรามีอะไรไม่สมหวังดั่งใจก็ต้องเป็นเพราะตัวเราเองเนี้ยแหละ จะไปโทษใครก็ไม่ได้ เป้าหมายที่จะมีเงินเก็บในปลายปีหายวับไปตอนไหนเมื่อไหร่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ
แต่ก็ผ่านไปแล้ว เริ่มต้นปีใหม่ฤกษ์งามยามดีแบบนี้พี่ทุยว่าเราน่าจะลองสร้างนิสัยการเงินใหม่กัน วางแผนการเงินกันใหม่ พอถึงปลายปีนี้ก็น่าจะช่วยทำให้เรามีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น ถึงแม้อาจจะรวยขึ้นไม่ได้มาก แต่ถ้าทำตามพี่ทุยได้อย่างน้อยทุกคนจะต้องมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
หรือใครที่มีเป้าหมายทางการเงินก้อนใหญ่ ๆ อย่างเช่น การซื้อรถหรือคอนโด ที่ผ่านมาหลายปีก็ดูเหมือนยังเอื้อมไม่ถึงสักที ก็ลองตั้งใจกันใหม่ ปีนี้จะต้องไม่เหมือนเดิม ปีนี้เราต้องเขยิบเข้าไปใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้มากขึ้น !
ตั้ง “เป้าหมาย” ยังไง ให้รวยกว่าเดิม ?
เริ่มแรก สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน” การตั้งเป้าหมายที่ดีและเหมาะสมนั้นสามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้ง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยแหละ ลองคิดเล่น ๆ เวลาที่เรากำลังจะออกจากบ้าน แล้วเรารู้ว่าเราจะไปที่ไหนกับไม่รู้จะไปไหนดี แบบไหนจะช่วยทำให้เราเดินทางได้ดีมากกว่ากัน ?
แน่นอนว่าก็ต้องเป็นแบบที่เรารู้เส้นทางการเดินทางอยู่แล้วล่ะ ทีนี้เราไปดูกันดีกว่าว่าเป้าหมายที่ดีนั้นควรประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
1. ตั้งเป้าหมายแบบมีกรอบเวลาที่ชัดเจน
กรอบเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการตั้งเป้าหมาย หลายคนใช้หนึ่งปีเป็นกรอบเวลา พี่ทุยก็ว่าเป็นสิ่งที่ดีเหมือนกันนะ เพราะกรอบเวลาในหนึ่งปีนั้นก็เป็นระยะเวลาที่ไม่สั้นไปและก็ไม่ยาวจนเกินไป เหมาะสมสำหรับตั้งเป้าหมายระยะกลางได้ดีเลยทีเดียว
การตั้งเป้าหมายแบบไม่มีเวลากำหนดชัดเจน อาจจะทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้เลื่อนลอยไปเรื่อย ๆ ได้ เช่น น้องเอี้ยงบอกพี่ทุยว่าอยากมีเงินเก็บสัก 1 แสนบาท มาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ปีนี้พี่ทุยก็เห็นสเตตัสในเฟซบุ๊ก ว่าอยากเก็บเงินแสนเหมือนเดิม แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่จะได้เงินเก็บตามเป้าหมายล่ะเนี้ย
หรือลองนึกถึงเวลาที่เราโดนสั่งงานมาแล้วมีเส้นตายหรือที่เราเรียกว่า Deadline เนี้ยแหละ ไม่ว่างานจะยากหรือเยอะแค่ไหน ส่วนใหญ่แล้วเราก็จะทำได้สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว หรือการอ่านหนังสือก่อนสอบไม่จบ แต่สุดท้ายก็พร้อมก่อนสอบกันทุกที เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมกรอบเวลาถึงมีความสำคัญอย่างมากเลย
2. เป้าหมายที่ดีต้องมีตัวเลขที่แน่นอน
เมื่อเป็นเรื่องการเงิน ตัวเลขราคาของเป้าหมายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยแหละ หลายคนอาจจะกลัวว่าการกำหนดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นจะเป็นการกดดันตัวเองหรือเปล่า ไม่ต้องกลัวไป เพราะจริงๆ แล้วเป้าหมายที่เราตั้งไว้นั้นก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการวัดผลต่างหาก ถ้าเราไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน เราก็จะไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เราเดินทางมาได้ไกลแค่ไหนแล้ว ใกล้เป้าหมายแล้วหรือยัง
เมื่อเป้าหมายมีตัวเลขที่ชัดเจน เมื่อเราเดินทางไปช้ากว่าที่ตั้งเป้าไว้ ก็จะได้เร่งเครื่องปรับแผนการใช้เงินให้รัดกุมกว่าเดิมได้ หรือถ้าเราเดินไปได้ไกลกว่าที่วางแผนไว้ ก็สามารถผ่อนแผนการเงิน ให้ชีวิตได้สนุกระหว่างทางเพิ่มขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องกังวลถึงเป้าหมายใหญ่ในอนาคตเลย
ถ้าเรามีเป้าหมาย คือ การมีคอนโดเป็นของตัวเองให้ได้ ก็ควรมีการประมาณราคาตั้งไว้ให้พอเห็นภาพ เช่น อยากมีคอนโด 2 ล้านบาท อนาคตถ้ามีเงินเก็บเพิ่มขึ้น ก็อาจจะอยู่คอนโดที่แพงขึ้นได้ แต่ยังไงซะอย่างน้อยเราก็จะสบายใจว่ามีเงินไม่น้อยกว่าที่ตั้งไว้หรอก
3. ตั้งเป้าหมายแล้วก็ต้องคำนวณความเป็นไปได้ไว้สักหน่อย
ถ้าเงินเดือน 20,000 บาท แต่เป้าหมายยิ่งใหญ่อยากได้แลมโบกินิราคา 20 ล้านสักคัน แบบนี้ต้องเก็บเงินกันเกือบร้อยปีเลยทีเดียว เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ไม่ดีหรอกนะ แต่พี่ทุยอยากให้ลองคำนวณดูก่อนว่าความสามารถในการเก็บเงินของเรามีมากแค่ไหน ต้องเบียดเบียนชีวิตประจำวันหรือเปล่า มันจะนานเกินไปมั้ยที่เป้าหมายถึงจะสำเร็จ
ถ้าปีที่แล้วมีเงินเก็บ 2,000 บาท ต่อเดือน ปีนี้จะต้องมีสัก 2,500 หรือ 3,000 บาท
เป้าหมายเล็ก ๆ ที่เราไม่ควรละเลย อย่างเงินออมในแต่ละเดือน พี่ทุยมองว่ามันสำคัญมากเลยนะ เพราะทุกเป้าหมายทางการเงินในชีวิตของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ต้องเริ่มต้นจากเงินเก็บในแต่ละเดือนนี่แหละ
ถ้าปีที่แล้วสามารถเก็บเงินได้ 2,000 บาท ปีนี้ก็ยังเก็บเงินได้แค่เดือนละ 2,000 บาท แสดงว่าเราไม่ได้มีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้นเลย
ปีใหม่ปีนี้ พี่ทุยก็อยากชวนทุกคนมาตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ อย่างการเพิ่มเงินเก็บกันดู ถ้าปลายปีนี้ใครสามารถเพิ่มเงินเก็บต่อเดือนได้ อย่าลืมเอามาอวดพี่ทุยด้วยล่ะ
ส่วนหนทางสู่การที่จะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นนั้นก็ง่าย ๆ แค่สองข้อ “คือลดรายจ่าย” และ “หาทางเพิ่มรายรับ”
การลดรายจ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นอาจจะทำให้เรามีเงินเก็บเพิ่มขึ้นก็ได้ พี่ทุยว่าปีนี้ลองทำงบค่าใช้จ่ายในแต่ละวันดู เพื่อที่จะได้รู้ว่าเงินจำนวนเท่าไหร่ถูกใช้ไปกับอะไรบ้าง และหมั่นจดลงบันทึกรายรับรายจ่าย แค่นี้ก็ช่วยให้เงินเก็บเพิ่มขึ้นได้แล้วล่ะ (แนะนำ Application จัดการรายรับรายจ่าย อ่านบทความต่อ คลิกที่นี่)
และสุดท้ายนี้การมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการเพิ่มรายรับ อาจจะลองเพิ่มความสามารถพิเศษ อย่างเช่น ภาษาอังกฤษ เพื่อโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง ถ้าเรามีความสามารถหลาย ๆ ด้านไม่แน่เจ้านายอาจจะเพิ่มเงินเดือนให้ก็ได้ หรือลองเพิ่มรายรับหลาย ๆ ช่องทาง อย่างการหารายได้เสริมจากสิ่งที่เราถนัด เช่น การเปิดร้านขายของออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ทำได้ง่ายขึ้น ต้นทุนไม่ได้สูงมากนัก
ปีใหม่ปีนี้เราจะต้องรวยขึ้นกว่าเดิม ลองเอาวิธีของพี่ทุยไปใช้กันดูนะ ทั้งหมดนี่ดูเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ แต่ต้องทำให้ได้อย่างสม่ำเสมอ จะได้ผลดีมาก ๆ เลยทีเดียว
พี่ทุยขอเอาใจช่วยให้มีสุขภาพการเงินที่ดีขึ้นต้อนรับปีใหม่กันทุกคนเลยเน้อออ