มนุษย์เงินเดือนบางคนทำงานหรือใช้ชีวิตเพื่อความสนุกสนานไปวันๆโดยที่ไม่ได้วางแผนอะไรมากนัก แต่ก็มีคนก็เริ่มคิดได้ว่าควรจะสนใจเรื่อง “การลงทุน” โดยการเริ่มออมเงินเพื่อเป้าหมายบางอย่างในชีวิต เช่น เรียนต่อ แต่งงาน รวมถึงเพื่อเกษียณอายุ หรือสนใจนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ บ้างแล้ว
แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยมีความมุ่งมั่นและอยากจะลงทุนเพียงเพราะคิดว่ามันเป็นช่องทางทางการเงินอย่างหนึ่งเท่านั้น และคิดว่าถ้านำเงินมาลงทุนก็มีแต่จะทำให้เงินก้อนนั้นงอกเงยขึ้น ซึ่งพี่ทุยก็เห็นอยู่ไม่น้อยเลยที่ลงทุนแล้วล้มเหลว และไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างที่เค้าอยากให้มันเป็น ซึ่งมักอาจจะโทษว่าเป็นเพราะโชคชะตา หรือแม้แต่เศรษฐกิจไม่เป็นใจบ้าง การลงทุนมีความเสี่ยงอยู่แล้วบ้าง แต่พี่ทุยว่าถ้าลองทบทวนดูดีๆ แล้วจะพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อความล้มเหลวนั้นมันเกิดจากตัวเราเอง ซึ่งพฤติกรรมบางอย่างของตัวเราเองนั้นแหละที่ไปเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนและมักจะเป็นหลุมพรางที่ทำให้ตัวเองมักพลาดท่าเดินตกลงไปซ้ำแล้วซ้ำอีกจนทำให้การลงทุนล้มเหลวและไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่มันควรจะเป็นสักที
และพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ “การลงทุน” ไม่ประสบความสำเร็จ นั่นคือ
ไม่มีเป้าหมายและแผน “การลงทุน” ที่ชัดเจน
ข้อผิดพลาดอันดับแรกๆ และเป็นสิ่งที่พี่ทุยเห็นหลาย ๆ คนมักจะละเลยไปโดยหารู้ไม่ว่ามันเป็นอันตรายต่อการลงทุนอย่างมากนั่นคือ การลงทุนอย่างไม่มีเป้าหมาย และไม่มีแผนการลงทุนชัดเจน โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ที่พี่ทุยมักจะเจอคนที่ชอบลงทุนตามเพื่อนบอก หรือลงทุนตามๆ กระแสที่คนอื่นบอกต่อกันว่าดี รับฟังข้อมูลมาแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจและขาดการติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างเป็นประจำซึ่งเป็นอาจจะทำให้การลงทุนล้มเหลวได้
พี่ทุยเจอว่าบางคนมีความเคยชินกับการแค่จ่ายเงินซื้อหุ้น หรือกองทุนไปแล้วก็จบไม่จัดการอะไรต่อแล้วเพราะไม่รู้ว่าควรซื้อควรขายตอนไหนดี แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเวลาลงทุนมันต้องมีการวางแผนและการบริหารจัดการด้วย
ซึ่งพี่ทุยว่าการวางแผนการลงทุนนั้นสำคัญมากนะ…เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เป้าหมายของการวางแผนการเงินหลาย ๆ อย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ การวางแผนทางการลงทุนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพช่วยให้บรรลุถึงเป้าหมายทางการเงินนั้น ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่ต้องการใช้เงินเป็นจำนวนมากและเป็นเป้าหมายระยะยาวที่ต้องการวางแผนการลงทุนให้เหมาะสม เพื่อให้มีเงินเพียงพอกับการบรรลุเป้าหมายที่วางไว้เช่น เพื่อการศึกษาลูกหรือเพื่อการเกษียณ
ไม่มองอนาคต เอาแต่มองอดีต
บางคนตัดสินใจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น กองทุนบางกอง หุ้นบางตัว โดยเชื่อมั่นในผลลัพธ์หรือผลงานในอดีตที่ผ่านมา มากกว่าพิจารณาโอกาสของความก้าวหน้าหรือแม้แต่ความล้มเหลวอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต หลายคนมักจะลงทุนโดยสนใจแต่อดีต เช่น กองทุนเคยทำผลงานมาดี หุ้นตัวนี้ราคาขึ้นมาโดยตลอดและมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอแต่ไม่มองถึงโอกาสขอธุรกิจนั้นๆ อนาคตเลย ซึ่งจริงๆ พี่ทุยอยากจะเตือนนะว่าผลงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวชี้วัดว่า จะไม่ล้มเหลวในอนาคตหรือการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้
เพราะความเชื่อในในผลงานเก่าๆ ที่ผ่านมาเป็นตัวตัดสินทั้งหมด พี่ทุยก็เห็นว่ามันทำให้หลายคนลงทุนผิดพลาดมานักต่อนักแล้ว หลายครั้งที่กองทุน หรือหุ้นที่บางคนมั่นใจว่ามันดีมาโดยตลอดเพราะโนวโน้มราคาขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆ วันนึงก็ดันมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ทำให้ราคาตกลงหนักมาก ซึ่งเกิดจากที่เราไม่ได้มองสถานการณ์ที่เป็นอยู่ไม่มากพอ ด้วยความไม่รู้เรื่องรู้ราวกะชาวบ้านเค้าทำให้บางคนขายไม่ทันก็ติดดอยกันไป(ฮือ)
ฉะนั้น พี่ทุยว่าอย่าเสี่ยงโดยการยึดติดกับเรื่องราวหรือคุณงามความดีในอดีตมากเกินไป เราควรจะสนใจเหตุการณ์ปัจจุบันและความเป็นไปได้ในอนาคตมากกว่าจะช่วยลดความผิดพลาดในการลงทุนได้นะ
ไม่บริหารความเสี่ยง
บางคนคิดว่าการลงทุน คือ การเอาเงินซื้อสินทรัพย์ทางการเงินทิ้งไว้ อันไหนที่ใครเขาว่าดีก็ซื้อ และพี่ทุยเห็นว่าก็จะซื้อๆๆๆ แต่อันเดิมๆ ซ้ำๆ บางอย่างไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันดียังไง แค่เขาว่าดีก็เอาด้วยแล้วซะงั้นอ่ะ และที่สำคัญคือไม่รู้จักการบริหารความเสี่ยง หรือการกระจายลงทุนให้เหมาะสมกับนโยบายการลงทุนและความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้เลย และเมื่อเกิดความผิดพลาดหรือสิ่งไม่คาดฝันกับสิ่งที่ลงทุนไว้ คือ พังหมดหน้าตัก (TT)
อย่าลืมนะว่าไม่มีอะไรแน่นอนในโลกของการลงทุน ยิ่งคาดหวังผลตอบแทนหรือกำไรมากเท่าไหร่ก็ย่อมต้องกล้าเผชิญหน้าหรือยอมรับกับความเสี่ยงมากด้วยเช่นกัน พี่ทุยอยากให้ทุกคนรู้ว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ และก็ต้องรู้จักประเมินความเสี่ยงที่อาจจะได้รับจากการลงทุนแต่ละอย่างด้วย ถึงแม้จะเป็นกองทุนหรือหุ้นที่ใครบอกว่าดีแค่ไหนก็ตาม และที่เราคิดว่ารู้จักและได้ทำการศึกษามาอย่างดีแล้ว พี่ทุยว่าก็อาจจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ เพราะว่าเราควบคุมอะไรไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถควบคุมได้นั่นคือ “การจำกัดความเสี่ยง” โดยการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนอย่างเหมาะสมนะ ไม่ซื้อเฉพาะกองทุนใดกองทุนหนึ่งด้วยเงินทั้งหมด หรือถือหุ้นบางตัวเป็นสัดส่วนที่มากเกินไป
พี่ทุยว่าถ้าเรามีการบริหารความเสี่ยงที่ดี และสนใจผลตอบแทนของการลงทุนโดยรวมเป็นหลัก ก็จะช่วยให้ลดโอกาสเกิดความผิดพลาดในการลงทุนได้นะ
มาถึงตรงนี้บางคนอาจจะอ้าว! ตรูเองก็มีพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่พี่ทุยได้บอกไปแล้วทั้ง 3 แบบ (ฮ่า) แต่ไม่เป็นไรนะ คนเรามันก็พลาดกันได้ แต่เพื่อลดโอกาสไม่ให้เกิดความล้มเหลวในการลงทุน สิ่งที่ต้องทำนั่นคือ เรียนรู้และแก้ไขมันซะ เพื่อที่วันนึงเราจะเป็นหนึ่งในคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนนั่นเอง พี่ทุยอยากเห็นทุกคนลองสู้ดูอีกสักตั้ง ครั้งก่อนอาจจะพลาดหรือล้มเหลวไปบ้าง แต่ถ้าเราลองหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงพวกนี้ พี่ทุยเชื่อเหลือเกินว่า.. ยังไงวันนึงก็ต้องประสบความสำเร็จ
Comment