หลังจากกระแส Bitcoin เงียบหายไปช่วงนึง พี่ทุยจะมาพามารู้จักว่า “Libra คืออะไร” เพราะตอนนี้ Facebook ได้ประกาศจะสร้างเหรียญ “Libra” ขึ้นมาเพื่อเป็น Global Currency หรือสกุลเงินที่ใช้ร่วมกันทั่วโลก เพื่อทำลายข้อจำกัดในการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศและลดค่าธรรมเนียมจากการแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้น เป็นสกุลเงินใหม่ที่ใช้เป็นตัวแทนการของโลก ไม่ต่างจากการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารข้ามประเทศเลยทีเดียว
สถานการณ์ Bitcoin ในปัจจุบันและข้อจำกัด
หลังจากเป็นกระแสอยู่พักใหญ่ Bitcoin ที่สร้างเศรษฐีหน้าใหม่เป็นจำนวนมาก จนคนต่างแห่กันเข้าไปเกร็งกำไรจนราคาไปไกลจากมูลค่าไปมาก ก็เกิดการแห่ขายทำกำไรจนมูลค่าหายไปเกินครึ่งจากราคาสูงสุด และถึงแม้จะเป็น Crypto currency สกุลเงินหลักแต่ก็มีข้อจำกัดอยู่มาก ทั้งราคาที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทำให้เมื่อเราอยากนำมาใช้เมื่อแลกเปลี่ยนก็จะไม่ทราบว่าราคา ณ ปัจจุบันนั้นอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ การนำ Bitcoin มาแลกเปลี่ยนซื้อขายกันจึงเป็นเรื่องยาก และเหมาะในการลงทุนในการสะสมมูลค่ามากกว่านำมาเพื่อซื้อขาย
อีกทั้งข้อจำกัดในด้านเวลาในการทำธุรกรรม 1 ธุรกรรมต้องใช้เวลาในการยืนยันนานและหากต้องการความเร็วก็อาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูง ทำให้ปัญหาเหล่านี้เหมือนเป็นเพดานที่ทำให้ Bitcoin ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านและสามารถนำมาใช้จริงได้อย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน
“Libra คืออะไร” แล้วปัจจัยไหนที่ทำให้เป็นเหรียญที่ประสบความสำเร็จ
Libra นั้นถูกออกแบบมาให้เป็น Stable Coin หรือเหรียญที่มีมูลค่าไม่ผันผวน ดังนั้น เหรียญ “Libra” ไม่ได้เกิดมาเพื่อซื้อเก็งกำไร จะไม่ได้มีราคาขึ้นลงหรือเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตเหมือนรถๆไฟเหาะแน่นอน ทำให้การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น และการแลกเหรียญกลับเป็นเงินสดหรือสกุลที่เราใช้ในชีวิตประจำวันก็ง่ายเล่นเดียวกัน โดยการที่จะทำให้เหรียญนั้นราคาไม่ผันผวน จะทำการดยึดกับสินทรัพย์ที่มีมูลค่า (Multi-assets back) ซึ่งรายละเอียดนั้นในปัจจุบันยังไม่ได้มีข้อมูลที่ชัดเจน
Libra เป็นการจับมือของยักษ์ใหญ่ทางด้านการเงินและเทคโนโลยี 28 องค์กร นำโดย Facebook และยังมีบริษัทธุรกรรมการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Visa, Paypal, Mastercard, Stripe ผู้ให้บริการผ่านระบบออนไลน์อย่าง Uber, Spotify, Booking, eBay และอีกหลายบริษัท โดยที่ในทุกวันนั้นแทบทุกคนจะต้องใช้บริการผ่านบริษัทเหล่านี้อยู่แล้ว การเข้ามาของ Libra ที่จะเป็นค่าเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันจึงยิ่งเป็นเรื่องที่ง่ายและใกล้ตัวมาก
รายชื่อบริษัทที่เป็นพันธมิตรกับ Libra
Investment
- Andreessen Hotowitz
- Creative Destruction Lab
- Thrive Capital
- Rabbit Capital
- Union Square Ventures
Blockchain
- Coinbase
- Xapo
- Anchorage
- BisonTrails
Social Media
- Calibra
Telecommunication
- Iliad
- Vodafone
e-Commerce
- Farfetch
- Ebay
- Mercado libre
Non-Profits
- Women/s World Banking
- Kiva
- MercyCorps
Ride-Share
- Uber
- Lyft
Music
- Spotify
Travel
- Booking
Payment
- Mastercard
- PayU
- Paypal
- Stripe
- Visa
สิ่งที่หลายคนกังวลเกี่ยวกับเหรียญ Libra
เนื่องจาก Libra นี้มีแม่งานเป็น Facebook และจากประวัติย้อนหลังของการเก็บข้อมูลลูกค้าและการนำข้อมูลไปใช้ของ Facebook ทำให้หลายๆคนกังวลว่าการทำธุรกรรมผ่านเหรียญ Libra ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะส่งผลต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ และถึงแม้จะมีการประกาศการร่วมมือของหลายๆบริษัทเพื่อมาแทรกแซงการทำงานของ Facebook ก็ยังมีหลายๆคนไม่สบายใจเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของตนอยู่ดี
อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนกังวลของเหรียญ Libra นี้เกิดจากความสะดวกสบายในการแลกเปลี่ยน การแลกเปลี่ยนจึงเกิดขึ้นง่ายและยากที่จะทำการตรวจสอบ อาจเป็นการเปิดทางให้เหล่าธุรกิจมืดในการใช้ประโยชน์จากส่วนนี้ในการฟอกเงินให้เงินที่ผิดกฏหมายกลายเป็นเงินสะอาดได้ง่ายและใช้เวลาที่สั้นมาก
Libra จะมากระทบอุตสาหกรรมไหนบ้าง
ในด้านที่ดีเลย Libra กระทบธุรกิจเป็นวงกว้างมากในส่วนของธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์ตรงๆคือธุรกิจออนไลน์ทั้งสินค้าและบริการสื่อหรือการค้าขายออนไลน์จะเปิดกว้างและสะดวกสบายมากขึ้น เพราะกำแพงของการแลกเงินข้ามประเทศนั้นจะน้อยลงและทุกอย่างง่ายขึ้น โอกาสในการเกิดธุรกรรมซื้อขายต่างประเทศก็จะเกิดมากขึ้นอย่างชัดเจน
ในอีกด้านหนึ่งธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับ Exchange rate อย่าง Western Union ที่ทำระบบรับส่งเงินข้ามประเทศ จะถูกกระทบอย่างรุนแรง ถ้าใครเคยสั่งของจากต่างประเทศหรือทำงานที่ต่างประเทศจะรู้ว่าบริการของ Western Union สะดวกรวดเร็วแต่ก็มีค่าธรรมเนียมที่ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งเม็ดเงินที่แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศทั่วโลกต่อปีมีจำนวนมหาศาลมาก หาก Libra สามารถทำลายกำแพงการแลกเปลี่ยนและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการแลกเงินลงไปได้ ก็จะกระทบธุรกิจ Exchange Rate อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
นอกจากธุรกิจแล้วก็ยังอาจจะกระทบต่อระบบของรัฐหรือธนาคารกลางอีกด้วย เพราะด้วยระบบที่ทันสมัยและง่ายขึ้น คุณค่าของสกุลเงินที่ใช้อยู่ในแต่ละประเทศก็อาจถูกกระทบได้เช่นกัน อีกทั้งประชากรใน Facebook เองนั้นมีมากกว่า 2 พันล้านคน ยังไม่รวมผู้ใช้งานจากธุรกิจพันธมิตรต่างๆอีกด้วย
แต่ล่าสุดรัฐสภาสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ให้ Facebook เลื่อนการพัฒนาโครงการ เพราะถึงแม้จะเป็นการเปลียนโลกครั้งใหญ่และบริษัทยักษ์ใหญ่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก แต่เข้ามาของ Libra อาจจะกระทบทั้งระบบธุรกิจการเงินและระบบของรัฐในหลายๆประเทศ ซึ่งอาจขัดผลประโยชน์หรืออาจจะผิดกฏหมายในหลายๆประเทศอีกทั้งกฏหมายในปัจจุบันยังไม่ครอบครุมและสามารถคุ้มครองผู้บริโภคและความเสี่ยงด้าน Cyber Security อีกด้วย เป็นให้ทางรัฐสภาสหรัฐฯต้องการให้หยุดการพัฒนา Libra ก่อนจนกว่าจะสามารถตั้งหน่วยกำกับและร่างกฏหมายที่เกี่ยวข้องเสร็จ และ ผู้บริหาร Facebook ต้องเข้ามาให้การประเด็นเหล่านี้ต่อคณะกรรมการ
Comment