เป็นเรื่องฮือฮากันยกใหญ่ในต่างประเทศ หลังจากที่สายการบินแห่งชาติในแถบเอเชียล้มละลายไปแล้ว ก็ถึงคราวของอีกซีกโลกกันบ้าง เมื่อสายการบินยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่มีชื่อว่า “FLYBE” ปิดตัวไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้ สาเหตุส่วนนึงก็คงมาจากเรื่องของ Covid-19
เป็นที่ช็อกโลกเมื่อมีการประกาศออกมาจากการบินพลเรือนของประเทศอังกฤษ หรือ UK Civil Aviation Authority (CAA) ทาง Twitter ใจความว่า “สายการบิน FLYBE อยู่ภายใต้การควบคุมเรียบร้อยแล้ว ทุกเส้นทางการบินของสายการบิน “FLYBE” จะถูกยกเลิก ผู้โดยสารทุกท่านที่สำรองที่นั่งของสายการบินไม่ต้องเดินทางไปขึ้นเครื่อง เพราะสายการบินไม่สามารถให้บริการได้แล้ว สำหรับผู้โดยสารที่สำรองที่นั่งในบางเส้นทางการบินที่จัดการโดยสายการบินพันธมิตร โปรดติดต่อสอบถามไปที่สายการบินนั้น ๆ โดยตรง”
สายการบิน “FLYBE” เป็นสายการบินยักษ์ใหญ่ที่สุดของยุโรป มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเอ็กซิเตอร์ ซึ่งบริหารจัดการประมาณ 40% ของเส้นทางการบินภายในประเทศทั้งหมด และมีผู้โดยสารราว 10 ล้านคนต่อปี โดยถูกก่อตั้งขึ้นตั้งเเต่ปลายปี 1979 หรือประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว เค้าถูกอีกสายการบินที่ชื่อว่า CONNECT AIRWAY ซื้อไป และที่ผ่านมาก็พยายามดิ้นรนมาตลอด เช่น การตัดค่าใช้จ่าย
และก่อนหน้าที่ CONNECT AIRWAY จะเข้ามาเทคโอเวอร์ FLYBE ก็ได้รายงานผลขาดทุนออกมาประมาณ 20 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 819 ล้านบาทต่อปี ในเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ ได้พยายามขอกู้เงินจากรัฐบาลจำนวน 100 ล้านปอนด์ หรือกว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อพยุงกิจการต่อไป แต่ก็พับแผนนี้ไปเพราะเจอเรื่อง Covid-19 เนี่ยแหละ
ถ้ายังจำกันได้ ช่วงปี 2560-2561 มีเรื่องเกี่ยวกับสายการบินที่สะเทือนขวัญคนทั่วโลกไม่น้อย อย่างเรื่องที่เครื่องบินโบอิ้ง 737 ตกและคร่าชีวิตผู้โดยสารไปหลายร้อยคน ทำให้สายการบินต่าง ๆ ปลดระวางเครื่องบินรุ่นนี้ไป ทำให้สูญเสียรายได้พอสมควร เพราะเป็นเครื่องโบอิ้งรุ่นยอดนิยมที่ใช้กันเยอะเลย พอย่างเข้าปีนี้เพียงแค่ 2 เดือนก็มาเจอแจ็คพอตครั้งใหม่อีก นอกจากจะสูญเสียรายได้จากการขายตั๋วโดยสารใหม่ ๆ ไม่ได้แล้ว ยังต้องเจอกับการขอยกเลิกเที่ยวบินของผู้โดยสารอีก ก็ต้องให้ Refund ไปตามระเบียบ พี่ทุยเห็นรูปคนต่อแถวยาวเหยียดเพื่อขอยกเลิกเที่ยวบินที่สนามบินแล้วก็นึกปวดตับแทนจริง ๆ เลย แต่เรื่องนี้จะโทษใครก็ไม่ได้หรอกเนอะ เพราะไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้น
มีการเตือนว่า อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกจะสูญเสียรายได้ไปราว 113 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3.5 ล้านล้านบาทไทย จากผลกระทบในเรื่องของ Covid-19
แล้วอะไรคือสาเหตุที่ FLYBE ไปต่อไม่ได้
1. พึ่งพารายได้จากการบินภายในประเทศมากถึง 40%
เพราะฉะนั้นรายได้ของเค้าจะค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องราวในประเทศมาก เช่น เรื่องของการ BREXIT ที่ทำให้การบริโภคของคนอังกฤษหดตัวลง ซึ่งเส้นทางการบินในประเทศอังกฤษของสายการบินเป็นแบบรูปข้างล่างนี้
2. ธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีการเเข่งขันสูง
นอกจากจะมีการแข่งขันสูง ทำให้ต้องเหนื่อยต่อสู้สารพัด ทั้งการเเข่งขันด้านบริการและการแข่งขันด้านราคา จนทุกวันนี้สายการบินจำนวนมากมักมีค่าโดยสารที่เฉลี่ยต่ำลง ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายคงที่ (fixed cost) เยอะแยะ เช่น ค่าจ้างพนักงานบนเครื่องบิน ค่าเช่าเครื่องบิน ค่าเชื้อเพลิง ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงนั้นจัดเป็นรายจ่ายหนึ่งในสามส่วนของค่าใช้จ่ายสายการบินทั้งหมด
3. เสียเปรียบด้านภาษี
อย่างที่บอกไปตั้งเเต่แรกว่า เส้นทางการบิน 40% ของ FLYBE เป็นการเดินทางภายในประเทศอังกฤษ และการเดินทางแบบนี้สายการบินจะต้องเสียภาษีทั้งสำหรับเที่ยวบินขาเข้าเเละขาออก ในขณะที่ถ้าเป็นเส้นทางนอกประเทศจะเสียภาษีครั้งเดียว มีผู้คาดการณ์ว่า FLYBE ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าภาษีรายปีสูงถึง 130 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี
โดยนักวิเคราะห์หลายคนได้บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ FLYBE นั้นไม่ใช่จุดจบแต่อาจเป็นเพียงเเค่จุดเริ่มต้นของวิกฤตที่ธุรกิจการบินต้องเผชิญในปี 2020 นี้
สายการบินในจีน, ฮ่องกง, ไทย, เกาหลีใต้, นอร์เวย์ และเม็กซิโก ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเจอจุดจบเหมือน FLYBE เพราะฐานกำลังเงินไม่ค่อยแข็งแรง เราเลยจะเห็นได้ว่าตอนนี้มีหลายสายการบินพยายามลดต้นทุน อย่างการปรับลดเงินเดือนพนักงานนั่นเอง สายการบินในไทยของเราหลายสายการบินก็ทำอย่างนี้เหมือนกันนะ ที่พี่ทุยรู้มาก็คือ การบินไทยกับแอร์เอเชียที่ลดเงินเดือนผู้บริหาร หรือบางสายการบินก็ขอให้เหล่าลูกเรือลางานแบบไม่ได้เงินเดือนนานเป็นเดือน เช่น สายการบิน Emirates และสายการบิน Cathay Pacific เป็นต้น
สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจการบิน กรณีที่มีการควบคุมการแพร่เชื้อได้ ซึ่งคาดหวังให้สามารถควบคุมได้ในเร็ว ๆ นี้ ก็น่าจะมีผู้โดยสารลดลงตามตารางด้านล่าง
แต่ถึงช่วงนี้จะมีปัจจัยที่ส่งเสริมต้นทุนของสายการบินลดต่ำลงบ้างอย่าง “สงครามราคาน้ำมัน” แต่ก็อาจจะไม่ได้ช่วยทำให้สภาวะขาดทุนของสายการบินกลับมาเป็นกำไรได้เลย หรือบางสายการบินอาจจะมีการบริหารต้นทุนด้วยการทำ Hedging เห็นทีว่าจะไม่ได้ประโยชน์จากการปรับลงครั้งนี้ด้วย พี่ทุยว่าช่วงนี้ธุรกิจการบินอยู่ลำบากจริง ๆ แหละ
Comment