เมื่อสายการบิน "FLYBE" ของอังกฤษ ทนพิษ Covid-19 ไม่ไหว

เมื่อสายการบิน “FLYBE” ของอังกฤษ ทนพิษ Covid-19 ไม่ไหว

4 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • เมื่อเช้าวันที่​ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา​ สายการบินยักษ์ใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษที่ชื่อว่า​ “FLYBE”​ ​ได้ประกาศหยุดให้บริการ​ ลอยคอพนักงานราว​ 2,500 ชีวิต
  • “FLYBE”​​ เป็นสายการบินยักษ์ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป​ ก่อตั้งมาตั้งเเต่ปี​ 1979 มีผู้โดยสารราว​ 10 ล้านคนต่อปี​ โดยที่เที่ยวบิน​ 40% ของสายการบินเป็นสายการบินภายในประเทศ
  • สาเหตุที่​ “FLYBE”​​​ ล้มละลายมาจากหลายปัจจัย​ เช่น​ พึ่งพารายได้จากภายในประเทศมากเกินไป​ ภาวะการเเข่งขันใน​อุตสาหกรรม​การบินสูงและเสียเปรียบด้านภาษี
  • การแพร่ระบาดของ​ Covid-19​ ส่งผลต่ออุตสาหกรรม​การบินมาก​ มีการคาดการณ์​ว่าสายการบินทั่วโลกจะสูญเสียรายได้ไปประมาณ​ 113 ​พันล้านเหรียญ​สหรัฐฯ หรือ​ 5 ล้านล้านบาท​ คิดเป็นลดลง​ 19% ของรายได้

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เป็นเรื่องฮือฮากันยกใหญ่​ในต่างประเทศ​ หลังจากที่สายการบินแห่งชาติในแถบเอเชียล้มละลายไปแล้ว​ ก็ถึงคราวของอีกซีกโลกกันบ้าง​ เมื่อสายการบินยักษ์​ใหญ่ของอังกฤษที่มีชื่อว่า​ “FLYBE”​ ปิดตัวไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้​ สาเหตุส่วนนึงก็คงมาจากเรื่องของ​ Covid-19​

เป็นที่ช็อกโลกเมื่อมีการประกาศออกมาจาก​การบินพลเรือนของประเทศอังกฤษ​ หรือ UK Civil Aviation Authority (CAA) ทาง​ Twitter ใจความว่า​ “สายการบิน​ FLYBE​ อยู่ภายใต้การควบคุมเรียบร้อยแล้ว​ ทุกเส้นทางการบินของสายการบิน​ “FLYBE”​​ จะถูกยกเลิก​ ผู้โดยสารทุกท่านที่สำรองที่นั่งของสายการบิน​​ไม่ต้องเดินทางไป​ขึ้นเครื่อง เพราะสายการบินไม่สามารถให้บริการได้แล้ว​ สำหรับผู้โดยสารที่สำรองที่นั่งในบางเส้นทางการบินที่จัดการโดยสายการบินพันธมิตร​ โปรดติดต่อสอบถามไปที่สายการบินนั้น ๆ​ โดยตรง”

เมื่อสายการบิน "FLYBE" ของอังกฤษ ทนพิษ Covid-19 ไม่ไหว

สายการบิน​ “FLYBE”​ เป็นสายการบินยักษ์​ใหญ่ที่สุดของยุโรป​  มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเอ็กซิเตอร์​ ซึ่งบริหารจัดการประมาณ​ 40% ของเส้นทางการบินภายในประเทศทั้งหมด ​และมีผู้โดยสารราว​ 10 ล้านคนต่อปี โดยถูกก่อตั้งขึ้นตั้งเเต่ปลายปี​ 1979 หรือประมาณ​ 40​ ปีที่ผ่านมา​ เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว​ เค้าถูกอีกสายการบินที่ชื่อว่า​ CONNECT AIRWAY ซื้อไป​ และที่ผ่านมาก็พยายามดิ้นรนมาตลอด​ เช่น​ ​การตัดค่าใช้จ่าย​

และก่อนหน้าที่​ CONNECT AIRWAY จะเข้ามา​เทคโอเวอร์ FLYBE ​ก็ได้รายงานผลขาดทุนออกมาประมาณ​ 20​ ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทย​ประมาณ​ 819 ล้านบาทต่อปี​ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้​ ได้พยายามขอกู้เงินจากรัฐบาลจำนวน 100 ล้านปอนด์ หรือกว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อพยุงกิจการต่อไป แต่ก็พับแผนนี้ไปเพราะเจอเรื่อง​ Covid-19​​ เนี่ยแหละ

ถ้ายังจำกันได้​ ช่วงปี​ 2560-2561​ มีเรื่องเกี่ยวกับสายการบินที่สะเทือนขวัญคนทั่วโลกไม่น้อย อย่าง​เรื่องที่เครื่องบินโบอิ้ง​ 737 ตกและคร่าชีวิตผู้โดยสารไปหลายร้อยคน​ ทำให้สายการบินต่าง ๆ​ ปลดระวางเครื่องบินรุ่นนี้ไป​ ทำให้สูญเสียรายได้พอสมควร​ เพราะเป็นเครื่องโบอิ้งรุ่นยอดนิยม​ที่ใช้กันเยอะเลย​ พอย่างเข้าปีนี้เพียงแค่​ 2 เดือนก็มาเจอแจ็คพอต​ครั้งใหม่อีก​ นอกจากจะสูญเสียรายได้จากการขายตั๋วโดยสารใหม่ ๆ​ ไม่ได้แล้ว​ ยังต้องเจอกับการขอยกเลิกเที่ยวบินของผู้โดยสารอีก ก็ต้อง​ให้ Refund ไปตามระเบียบ​ พี่ทุยเห็นรูปคนต่อแถวยาวเหยียดเพื่อขอยกเลิกเที่ยวบินที่สนามบินแล้วก็นึกปวดตับแทนจริง ๆ​ เลย​ แต่เรื่องนี้จะโทษใครก็ไม่ได้หรอกเนอะ​ เพราะไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้น​ทั้งนั้น​

มีการเตือนว่า​ อุตสาหกรรม​การบินทั่วโลกจะสูญเสียรายได้ไปราว​ 113​ พันล้านเหรีย​ญสหรัฐฯ หรือ​ประมาณ​ 3.5 ล้านล้านบาทไทย จากผลกระทบในเรื่องของ​ Covid-19

แล้วอะไรคือสาเหตุที่​ FLYBE​ ไปต่อไม่ได้

1. พึ่งพารายได้จากการบินภายในประเทศมากถึง​ 40%

เพราะฉะนั้น​รายได้ของเค้าจะค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องราวในประเทศมาก​ เช่น​ เรื่องของการ​ BREXIT​ ที่ทำให้การบริโภค​ของคนอังกฤษหดตัวลง​ ซึ่งเส้นทางการบินในประเทศอังกฤษของสายการบิน​เป็นแบบรูปข้างล่างนี้

เมื่อสายการบิน "FLYBE" ของอังกฤษ ทนพิษ Covid-19 ไม่ไหว

2. ธุรกิจการบินเป็นธุรกิจ​ที่มีการเเข่งขันสูง

นอกจากจะมีการแข่งขัน​สูง​ ทำให้ต้องเหนื่อยต่อสู้สารพัด ทั้งการเเข่งขันด้านบริการและการแข่งขันด้านราคา​ จนทุกวันนี้สายการบินจำนวนมากมักมีค่าโดยสารที่เฉลี่ยต่ำลง​ ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายคงที่​ (fixed cost) เยอะแยะ​ เช่น​ ค่าจ้างพนักงานบนเครื่องบิน​ ค่าเช่าเครื่องบิน​ ค่าเชื้อเพลิง​ ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงนั้น​จัดเป็นรายจ่าย​หนึ่งในสามส่วนของค่าใช้จ่ายสายการบินทั้งหมด

3. เสียเปรียบด้านภาษี

อย่างที่บอกไปตั้งเเต่แรกว่า​ เส้นทางการบิน​ 40% ของ FLYBE เป็นการเดินทางภายในประเทศอังกฤษ​ และการเดินทางแบบนี้สายการบินจะต้องเสียภาษีทั้งสำหรับเที่ยวบินขาเข้าเเละขาออก​ ในขณะที่​ถ้าเป็นเส้นทางนอกประเทศจะเสียภาษีครั้งเดียว​ มีผู้คาดการณ์​ว่า​ FLYBE​ ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าภาษีรายปีสูงถึง​ 130​ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ​ 4,000 ล้านบาทต่อปี

โดยนักวิเคราะห์​หลายคนได้บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น​กับ​ FLYBE​ นั้นไม่ใช่จุดจบแต่อาจเป็นเพียงเเค่จุดเริ่มต้นของวิกฤตที่ธุรกิจ​การบินต้องเผชิญ​ในปี​ 2020​ นี้

สายการบินในจีน, ฮ่องกง, ไทย, เกาหลีใต้, นอร์เวย์ และเม็กซิโก ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเจอจุดจบเหมือน​ FLYBE​ เพราะฐานกำลังเงินไม่ค่อยแข็งแรง​ เราเลยจะเห็นได้ว่าตอนนี้มีหลายสายการบินพยายามลดต้นทุน​ ​อย่างการปรับลดเงินเดือนพนักงานนั่นเอง สายการบินในไทยของเราหลายสายการบินก็ทำอย่างนี้เหมือนกันนะ​ ที่พี่ทุยรู้มาก็คือ​ การบินไทยกับแอร์​เอเชียที่ลดเงินเดือนผู้บริหาร หรือบางสายการบินก็ขอให้เหล่าลูกเรือลางานแบบไม่ได้เงินเดือนนานเป็นเดือน​ เช่น​ สายการบิน​ Emirates และสายการบิน​ Cathay Pacific เป็นต้น

สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์​ถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น​กับธุรกิจ​การบิน​ กรณีที่มีการควบคุมการแพร่เชื้อได้ ซึ่งคาดหวังให้สามารถควบคุมได้ในเร็ว ๆ นี้ ก็น่าจะมีผู้โดยสารลดลงตามตารางด้านล่าง

เมื่อสายการบิน "FLYBE" ของอังกฤษ ทนพิษ Covid-19 ไม่ไหว

แต่ถึงช่วงนี้จะมีปัจจัยที่ส่งเสริมต้นทุนของสายการบินลดต่ำลงบ้างอย่าง “สงครามราคาน้ำมัน” แต่ก็อาจจะไม่ได้ช่วยทำให้สภาวะขาดทุนของสายการบินกลับมาเป็นกำไรได้เลย หรือบางสายการบินอาจจะมีการบริหารต้นทุนด้วยการทำ Hedging เห็นทีว่าจะไม่ได้ประโยชน์จากการปรับลงครั้งนี้ด้วย พี่ทุยว่าช่วงนี้ธุรกิจการบินอยู่ลำบากจริง ๆ แหละ

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply