ช่วงนี้ปู่ SET ของเราอาการร่อแร่สุด ๆ จนเหล่านักลงทุนและเทรดเดอร์ต่างอยากตามพยาบาลให้มาปั๊มหัวใจ หลายคนอาจคิดว่าสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่เลวร้ายมาก แต่ถ้าหากเทียบกับ “วิกฤตอาร์เจนตินา” ตลาดหุ้น Merval ของประเทศอาร์เจนตินาแล้ว การที่ดัชนีลดลงเพียงเเค่หลายสิบจุดต่อวันของเราถือว่าดูดี มีราศีมากเลยล่ะ
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม หลังจากที่ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงเเรกพลิกโผด้วยความพ่ายแพ้ของนาย Mauricio Macri ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันของอาร์เจนตินาอยู่เเล้วให้กับคู่แข่งที่มีชื่อว่า Alberto Fernández ด้วยคะแนนเสียง 32.1% ต่อ 47.7% ตลาดหุ้น Merval ของอาร์เจนติน่าก็ตอบสนองอย่างรุนแรงมาก ๆ โดยปรับตัวลงอย่างรุนเเรงและปิดติดลบถึง 38% และค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินาก็อ่อนค่าลงมากถึง 15% ภายในวันเดียว!
ทำไมการได้ประธานาธิบดีคนใหม่ถึงส่งผลกระทบรุนแรงขนาดนี้กับอาร์เจนตินา ?
พี่ทุยขอคำนวณให้เห็นภาพง่ายๆ ละกัน สมมุติว่าเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา ถ้าชาวอาร์เจนตินาคนนึงมีเงินอยู่ 1,000,000 เปโซ ก็จะเท่ากับมีเงินดอลลาร์อยู่เท่ากับ 23,618 ดอลลาร์ (อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 42.34 เปโซ/ดอลลาร์) และถ้าชาวอาร์เจนตินาไม่ทำอะไรสักอย่างเลยให้มูลค่าของเงินเปลี่ยนแปลงไป แบบเก็บใส่เอาไว้ในกระเป๋าสตางค์เฉย ๆ ในระยะเวลาเพียง 3 เดือนกว่า ๆ เงิน 1,000,000 เปโซของเขาจะสามารถแลกเป็นเงินดอลลาร์ลดลงเหลือเพียง 19,179 ดอลลาร์เท่านั้น (อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 52.149 เปโซ/ดอลลาร์) สรุปได้ว่าอยู่ดี ๆ เงินก็หายไปจากกระเป๋าเฉยเลย 4,400 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทย (ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 31 บาท/ดอลลาร์) ได้ถึง 140,000 บาททีเดียว
แล้วสำหรับ “วิกฤตอาร์เจนตินา” สึนามิตลาดหุ้นภายในวันเดียวของอาร์เจนตินาในครั้งนี้ต้องบอกว่าแรงเป็นอันดับที่ 2 ของโลกในรอบ 70 ปีที่ผ่านมา ส่วนอันดับหนึ่งที่ยังไม่มีใครโค่นแชมป์ได้ก็คือ ประเทศศรีลังกาตอนปี 1989
จากรูปจะเห็นได้ว่า นี่ไม่ใช่สึนามิครั้งเเรกของประเทศอาร์เจนตินา แต่การปรับตัวลงอย่างรุนเเรงขนาดนี้เคยเกิดขึ้นครั้งนึงเเล้วเมื่อปี 2002 เท่ากับว่าหายนะครั้งรุนแรงที่สุดในตลาดหุ้น 5 อันดับแรกมีประเทศอาร์เจนตินาติดโผอยู่ถึง 2 อันดับด้วยกัน มาดูกันสิว่าทำไมถึงเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นนะ ใครว่าประเทศไทยโหดร้ายแล้วเจออาร์เจนตินาเข้าไปมีร้องกันแน่นอน
เกิดอะไรขึ้นกับอาร์เจนติน่า ทำไมทั้งค่าเงินและตลาดหุ้นถึงเทกระจาดขนาดนี้
ต้องบอกว่าปัญหาของประเทศอาร์เจนตินาเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานมาก แล้วรอวันระเบิดเท่านั้น แล้วสาเหตุการเกิดก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกับหลาย ๆ ประเทศที่ผ่านมา
นโยบายประชานิยม
เรื่องนี้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โน่นเลย เมื่อแต่ละรัฐบาลที่ได้รับเลือกให้เข้ามาบริหารประเทศชอบใช้นโยบาย “ประชานิยม” หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำนี้แน่ ๆ เพราะมันคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เวเนซุเอลาเกิดวิกฤตินั่นเอง ถ้าใครสนใจเรื่องวิกฤตเวเนซุเอลาสามารถเข้าไปอ่านกันได้ ที่นี่
กลับมาที่เรื่องนโยบายประชานิยมของประเทศอาร์เจนตินากัน นโยบายนี้จะเน้นเอื้อประโยชน์ให้ประชาชนหรือพูดง่าย ๆ ก็คือเน้นตามใจประชาชนนั่นแหละ เช่น การอุดหนุนราคาสินค้าอุปโภคบริโภค นโยบายประชานิยมของรัฐบาลอาร์เจนตินาก็เปรียบเสมือนมะเร็งที่ลุกลามไปเรื่อย ๆ ทำให้ประเทศขาดดุลมาตลอด จนสุดท้ายเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ประเทศอาร์เจนตินาก็ขาดดุลไปถึง 589,000 ล้านบาท
แล้วรู้มั้ยว่ารัฐบาลชุดก่อนแก้ปัญหาการขาดดุลนี้ยังไง ? ก็ในเมื่อประเทศมีเงินน้อยก็ “พิมพ์เงิน” เองเลยสิ จะยากอะไร ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่มักง่ายและไม่คำนึงถึงผลกระทบระยะยาวเลย
ปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง
หลังจากที่รัฐบาลพิมพ์เงินออกมาเพื่อพยายามลดการขาดดุลของประเทศ แต่เมื่อมีปริมาณเงินในระบบมาก ๆ ก็จะนำมาซึ่ง “ภาวะเงินเฟ้อ” จริง ๆ ต้องบอกว่าค่าเงินเปโซ “เสื่อมค่า” มากกว่าที่จะเรียกว่าเงินเฟ้อ เพราะแค่ใน 1 ปีที่ผ่านมา เงินเฟ้อของประเทศอาร์เจนตินาก็เพิ่มขึ้นจาก 30.9% เป็น 55.8% เมื่อเทียบกับประเทศไทยของเราซึ่งมีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.98% เท่านั้น
อัตราเงินเฟ้อของประเทศอาร์เจนตินาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาตลอด 10 ปีตามรูปนี้
นายมาครี ประธานาธิบดีคนปัจจุบันก็ได้พยายามแก้ปัญหานี้แล้วโดยการลดการอุดหนุนราคาสินค้าของภาครัฐแต่กลับทำให้เงินเฟ้อรุนเเรงขึ้นไปอีก และเมื่อเกิดเงินเฟ้อ ธนาคารกลางก็เลยจำเป็นต้องเพิ่มดอกเบี้ยเป็น 45-60% เพื่อดึงเงินเข้าสู่ระบบ คนกู้เงินก็อ่วมเลยทีนี้
เงินอ่อนค่ามาก
สิ่งที่ตามมาหลังจากเกิดสภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงแล้ว ก็จะยิ่งทำให้รัฐบาลต้องดำเนินนโยบายแบบขาดดุลหรือพูดให้เห็นภาพง่าย ๆ คือประเทศมีเงินเก็บน้อยจะส่งผลให้เงินอ่อนค่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ค่าเงินเปโซอ่อนค่าลงเรื่อย ๆ และอ่อนค่าลงมากถึง 6 เท่า และเมื่อค่าเงินอ่อนลงมากเช่นนี้ รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่รีบเข้ามาแก้ปัญหา โดยการเทขายเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในรูปแบบดอลลาร์ออกมาหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อปกป้องค่าเงินไม่ให้อ่อนลงไปมากกว่านี้
ทุนสำรองระหว่างประเทศน้อยจนต้องขอกู้เงินจาก IMF (โครงสร้างคล้าย ๆ กับประเทศไทยตอนปี 2540)
หลังจากที่มีการเทขายทุนสำรองออกมาประเทศอาร์เจนตินาต้องขอกู้ยืมเงินจาก IMF เป็นจำนวน 1.7 ล้านล้านบาทเพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับประเทศ การแก้ปัญหาคล้าย ๆ กับตอนที่ประเทศไทยเจอวิกฤตต้มยำกุ้งเลยล่ะ แต่บอกได้เลยว่าประเทศไทยปัญหาน้อยกว่ามาก
ทั้งหมดนี้คือสาเหตุที่ว่า ทำไมตลาดหุ้นอาร์เจนตินาและค่าเงินเปโซถึงปรับลดลงรุนแรงขนาดนี้ แล้วการได้ประธานาธิบดีที่เอียงซ้ายสุด ทำให้ดูมีแนวโน้มที่อาร์เจนตินากลับมาวนลูปอยู่ในปัญหาเดิม ๆ ไม่มีทางออก นอกจากปัญหาเงินเฟ้อและค่าเงินที่อ่อนตัวอย่างมากของประเทศอาร์เจนตินาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ซ้ำเติมเศรษฐกิจอย่างมากก็คือ อัตราการว่างงานที่สูงถึง 10.1%
นอกจากนี้ GDP ของอาร์เจนตินาก็ยังลดลงทุกปีอีก ก็ได้แต่หวังว่าโลกของเราคงไม่มี “เวเนซุเอลา 2” นะ พี่ทุยว่าปัญหาอย่างเวเนซุเอลามีแค่ที่เดียวในโลกก็เกินพอแล้ว เพราะเป็นเหมือนกับการล้างระบบแล้วเริ่มต้นกันใหม่เลย และประเทศจะล้าหลังไปอีกหลายสิบปีเลยกว่าจะกลับมาได้
สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นได้เมื่อเกิด “วิกฤต” คือ สาเหตุมักจะมาจากเรื่องเดียวกัน และลำดับการเกิดวิกฤตมักจะคล้าย ๆ กัน เวลาที่เราเรียนรู้เรื่องวิกฤตก็จะช่วยทำให้เราเห็นภาพใหญ่ เห็นโครงสร้างว่าที่มาที่ไป มาจากไหนอย่างไร เราจะเตรียมตัวและป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตเช่นนี้เหมือนในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั่นเอง
Comment