คู่แข่งใหม่ของ "Netflix" มีใครบ้าง ?

คู่แข่งใหม่ของ “Netflix” มีใครบ้าง ?

3 min read  

ฉบับย่อ

  • Netflix ที่มียอดผู้ใช้งาน​ 150​ ล้านคนทั่วโลกในวันนี้​ ครั้งนึงเคยถูกเมินจากร้านเช่าวีดีโอ​ที่มีอยู่กว่า​ 9,400 สาขาอย่าง​ Blockbuster และปัจจุบัน Blockbuster เหลืออยู่เพียงสาขาเดียวที่รัฐโอราก้อน​เท่านั้น
  • Netflix ประสบความสําเร็จ​เพราะสามารถเข้าถึงปัญหาของผู้เช่าวีดีโอที่ไม่อยากเสียค่าปรับ​และมีหน้าแรกของแอปพลิเคชันเฉพาะ โดยวัดจากข้อมูลความสนใจที่ผ่านมาของผู้ใช้​ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า​กำลังอยู่ในร้านวีดีโอที่มีแต่หนังแนวที่ตัวเองชอบ
  • ความสำเร็จ​ของ Netflix ดึงดูด​คู่เเข่งมาลงสนามเพิ่มหลายเจ้า​ เช่น​ Disney+, Apple TV+ และ​ HBO MAX โดยจะรวมเอาข้อดีของ Netflix อย่างการมี​ Original Series ร่วมกับ​การที่มีราคาถูกกว่าเข้าสู้​ รวมถึงจะถอนหนังของค่ายตัวเองออกจาก​ Netflix ด้วย
  • ในวันที่​ 10 กันยายน​มีการประกาศเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่​ พร้อมบริการ Streaming Apple​ TV+ ส่งผลให้ราคาหุ้น NFLX ของ Netflix ลดลง 2.16% ส่วนหุ้น​ AAPL​ ของ Apple​ เพิ่มขึ้น​ 1.18%

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ถ้าหาก​ “iPhone” ถือเป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์​ที่โค่นผู้นำวงการมือถือคนเดิมและเปลี่ยนโลกเข้าสู่ยุคสมาร์ทโฟน​แล้ว พี่ทุยก็ขอมอบฉายา​ทานอสแห่งวงการ Entertainment ให้กับ “Netflix” ที่เปลี่ยนโลกการดูหนังผ่านทีวี​ วีดีโอหรือวีซีดีให้กลายเป็นการดูหนังผ่านบริการสตรีมมิ่งแทน

เรื่องราวจุดเริ่มต้นของ​ “Netflix” ที่เหมือนนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า

ถ้าใครเป็นเด็กยุค 90’ เหมือนพี่ทุยคงจำกันได้ว่าเวลาไปที่ไหน​ โดยเฉพาะ​ย่านชุมชน​ เรามักเห็นร้านเช่าวีดีโออยู่เสมอ​ ต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป​ จากวีดีโอม้วนหนาก็บางลงเหลือความหนาแค่แผ่นกระดาษอย่างวีซีดี​ และสุดท้ายก็เปลี่ยนรูปแบบจากสิ่งที่จับต้องได้เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างบริการสตรีมมิ่ง

ในช่วงก่อนปี 2000​ ร้านเช่าวีดีโอที่มีชื่อว่า​ “Blockbuster” นั้นโด่งดังมากจนมีจำนวนสาขามากมายกว่า​ 9,400 สาขา​ทั่วอเมริกา​ ถ้าใครเคยสังเกตจะเคยเห็นร้านนี้ปรากฏ​เป็นฉากในหนังดังหลายเรื่อง​ เช่น​ ในหนังเรื่อง​ Captain Marvel นางเอกตกลงมาที่ร้าน​ Blockbuster สาขานึง​ แต่ปัจจุบัน​ร้าน​ Blockbuster เหลืออยู่เพียงสาขาเดียวทั้งโลกที่รัฐโอราก้อน​ ประเทศ​สหรัฐอเมริกา​เท่านั้น​และกลายเป็น Landmark ที่คนจะไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกถึงความรุ่งเรืองในอดีตมากกว่าจะไปเช่าวีซีดีมาดูด้วย

แต่รู้กันมั้ยว่า​ครั้งนึงตอนช่วงปี​ 2000​ Blockbuster เคยติดต่อขอซื้อ​ เน็ตฟลิกซ์ ด้วยเงิน​ 50​ ล้านเหรียญสหรัฐ​​ แต่สุดท้ายคุยกันไม่ลงตัวหรือยังไงก็ไม่รู้​ เค้าก็เลยไม่ได้ดีลกัน​ ในตอนนั้น เน็ตฟลิกซ์ ยังดูร่อแร่​ งบการเงินบริษัทขาดทุนมากจนตอนนั้น​ Blockbuster เคยออกมาพูดทำนองว่า​ เน็ตฟลิกซ์ ไม่ใช่คู่แข่งที่เค้าให้ความสำคัญ​ พูดง่าย ๆ​ คือ​ เค้ามองว่า เน็ตฟลิกซ์ เป็นม้านอกสายตานั่นแหละ​ แต่ในวันนี้ม้านอกสายตาที่ว่ากลับใช้ขาหลังดีด​ Blockbuster ซะแรงจนแทบหายไปจากแผนที่โลกเลย

คู่แข่งใหม่ของ "Netflix" มีใครบ้าง ?

พี่ทุยขอสรุปง่าย ๆ​ ว่าสาเหตุ​สำคัญ​ที่​เน็ตฟลิกซ์ก้าวเข้ามาเปลี่ยนโฉมโลกของการดูหนังได้นี้​มาจากการที่เค้าสามารถจับ​ “ปัญหาหรืออุปสรรคของลูกค้า (Pain Point)” สำหรับร้านเช่าวีดีโอได้แล้ว​ สิ่งที่เป็น Pain point ของลูกค้าก็คือการต้องเสียค่าปรับเมื่อเช่าหนังไปเกินจำนวนวันที่กำหนด​ส่วน Netflix เริ่มต้นจากการให้จองวีดีโอแล้วส่งทางไปรษณีย์​โดยไม่มีค่าปรับ​ หลังจากนั้น​ก็พัฒนามาเป็นระบบสตรีมมิ่งอย่างทุกวันนี้

ส่วน Blockbuster ที่ยึดติดกับความสำเร็จ​ในอดีต​ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง​ก็ถูก Disrupt ไปในที่สุด​ ในเมื่อโลกหมุนเร็วอย่างทุกวันนี้​ ท่องไว้เสมอว่า​ “What​ got you here, won’t get you there” หรือ​ “สิ่งที่เคยทำให้เราประสบความสำเร็จ​ได้อย่างทุกวันนี้​ ไม่ใช่สิ่งที่จะพาเราไปได้ไกลเท่าเดิมในเส้นทางข้างหน้า”

สาเหตุที่ทำให้เน็ตฟลิกซ์ประสบความสำเร็จ

นอกจากจะสามารถตอบโจทย์เรื่องค่าปรับแล้ว​ สิ่งหนึ่งที่เน็ตฟลิกซ์โดดเด่นก็คือ​ ระบบปฏิบัติการ​ของแอปพลิเคชันเค้าที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ากำลังอยู่ในร้านวีดีโอของเรา​ ที่มีแต่หนังที่เราชอบ​ ด้วยการใช้การเก็บฐานข้อมูลของลูกค้า​ ว่ามีพฤติกรรมการดูหนังแบบไหน​และนำเสนอ​ “หนังที่คุณน่าจะชอบ” เหมือนมีพนักงานร้านวีดีโอที่รู้ใจเราสุด ๆ​ มาคอยแนะนำอยู่ตลอดเวลา​ ใครจะไม่ชอบล่ะ​ จริงมั้ย? ปัจจุบันเค้ามีผู้ติดตาม (subscriber) อยู่ราว 150 ล้านคนทั่วโลก และคงเป็นสัจธรรมของโลกใบนี้​ เมื่อ Netflix เป็นที่นิยมขนาดนี้ก็ย่อมดึงดูดคู่แข่งใหม่ ๆ​ ให้เข้ามาร่วมแข่งขันและคู่แข่งแต่ละรายก็มีไม้เด็ดมาตั้งใจเผด็จศึกซะด้วย

พี่ทุยขอเกริ่นก่อนว่า​ ก่อนหน้านี้ ​เน็ตฟลิกซ์ มีหนัง​ ซีรี่ย์ ​และสารคดีมากมายหลายค่ายเลย​ ทั้งหนังของค่าย​ Marvel เช่น​ Avengers, Guardians of the galaxy หรือหนังจากค่าย​ HBO เช่น​ ซีรี่ย์​เรื่อง​ Friends เป็นต้น​ แต่พอค่ายต่าง ๆ​ จะเปิดสตรีมมิ่งของตัวเอง​ เค้าก็จะขอถอนหนังของค่ายตัวเองออกจากเน็ตฟลิกซ์

คู่เเข่งใหม่ของ​ เน็ตฟลิกซ์

คู่แข่งใหม่ของ "Netflix" มีใครบ้าง ?

จริง ๆ​ เน็ตฟลิกซ์ มีข้อดีมากมายอย่างที่พี่ทุยได้เล่าไปแล้วตอนแรก​ แต่เมื่อมีสตรีมมิ่งคู่แข่งตามมาเปิดแข่ง​ ข้อดีเหล่านั้นกลับกลายเป็นเพียงเเค่บรรทัดฐานที่สตรีมมิ่งน้องใหม่เหล่านั้นต้องมีเหมือนกัน​เป็นอย่างน้อย เช่น​ Original Series ซึ่งเป็นจุดเด่น​ แต่ทุกสตรีมมิ่งที่จะมาเป็นคู่แข่งใหม่ก็ต่างมี​ Original Series ของตัวเองทั้งนั้น

ราคาหุ้น NFLX ของ Netflix

และแล้วขาเตียงของ เน็ตฟลิกซ์ ถึงกลับสั่น​ เมื่อวันที่​ 10 กันยายน​ที่ผ่านมา​ Apple​ ได้เปิดตัว ​iPhone ​รุ่นใหม่​ พร้อมกับบริการสตรีมมิ่งของตัวเองในชื่อ​ Apple TV+ มาดูผลกระทบ​ที่มีต่อหุ้นของเค้ากัน

ราคาหุ้น NFLX ของเน็ตฟลิกซ์ลดลงจากวันก่อนหน้า​ 2.16% หลังจากการเปิดตัวสตรีมมิ่งคู่แข่ง​ ส่วนหุ้น​ AAPL ของ Apple​ เพิ่มขึ้น​ 1.18%

คู่แข่งใหม่ของ "Netflix" มีใครบ้าง ?

คู่แข่งใหม่ของ "Netflix" มีใครบ้าง ?

นอกจากคู่เเข่งในอุตสาหกรรม​เดียวกันอย่างบริการสตรีมมิ่งต่าง ๆ​ เเล้ว​ ก็ยังมีคู่แข่งอื่น ๆ​ นอกอุตสาหกรรม​ด้วย​ เช่น​ รองเท้ากีฬาอย่าง​ Nike​ เพราะยอดขายที่มากขึ้นของเค้าจะทำให้คนออกไปใช้เวลานอกบ้านมากกว่านั่งดูทีวี​ หรือแม้แต่สิ่งที่ไม่มีตัวตนอย่าง​ความง่วง​ สรุปง่าย ๆ​ คือคู่เเข่งของ เน็ตฟลิกซ์ คือ​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ที่แย่งเวลาของผู้ชมไป

เรื่องราวของเน็ตฟลิกซ์และการล่มสลายของ Blockbuster สอนให้เรารู้ว่า​ เมื่อไรที่เราหยุดวิ่ง​เพราะความประมาท​ ก็อาจจะเผลอพลาดท่าให้คู่แข่งแซงได้ง่าย ๆ​ เหมือนนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าเลย​ คงต้องดูกันต่อไปว่าเมื่อคู่เเข่งทุกรายของ​เน็ตฟลิกซ์ลงสนามแล้ว​ ทิศทางจะเป็นยังไงต่อไป​ พวกเราในฐานะผู้ชมก็ได้แต่ตีตั๋วรอชมข้างสนาม​ ซื้อป๊อปคอร์นมากินกันเพลิน ๆ​ ด้วยก็ได้นะจ๊ะ​ เพราะเกมนี้ถ้าจะนานเลย​ คงเเข่งกันลดแลกแจกแถมอย่างดุเดือด​ ประโยชน์​ก็จะตกที่ผู้บริโภค​อย่างเรา ๆ​ นี่แหละ​ แค่คิดพี่ทุยก็ฟินแล้ว

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply