“เซินเจิ้น” ในยุคหนึ่งของคนไทย คือ คำที่ใช้เปรียบเปรยถึงของปลอมทำเหมือน แต่ทุกวันนี้เซินเจิ้น คือเมืองที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น ซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) แห่งเมืองจีนเลยก็ว่าได้ พี่ทุยจะพามาดูการพัฒนาของประเทศจีนกัน ว่าอดีตจนถึงปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนกันเชียว
อดีตของเซินเจิ้นคือหมู่บ้านชาวประมง พัฒนาเป็นเมือง “นักก๊อป” และยกระดับสู่เมืองที่อุดมไปด้วยนวัตกรรม ในปี 1980 เซินเจิ้นมีประชากรราว 8 แสนคน ผ่านไป 39 ปี เซินเจิ้นมีประชากรกว่า 12 ล้านคนแล้ว แม้จีนจะสามารถรวมชาติได้เป็นปึกแผ่นในยุคของ “เหมา เจ๋อตุง” แต่ปัญหาใหญ่คือ ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยากจนทั่วทั้งประเทศ
หลังจาก “เติ้ง เสี่ยวผิง” ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ จึงได้ตัดสินใจปลุกปั้นให้ เซินเจิ้น กลายมาเป็นเมืองต้นแบบสำหรับการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งปัจจุบัน GDP ของเซินเจิ้นพุ่งขึ้นไปถึง 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แซงหน้า GDP ของซิลิคอน วัลเลย์ ซึ่งอยู่ที่ 2.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจุบันเซินเจิ้นเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีนหลายแห่ง อาทิ Tencent เจ้าของแอปพลิเคชัน WeChat หรือว่าจะเป็น Huawei แบรนด์สมาร์ทโฟน รวมถึง DJI ผู้ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งของโดรนทั่วโลก ไม่เพียงเท่านั้น เซินเจิ้นยังเต็มไปด้วยบริษัทที่เติบโตจนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้กว่า 360 แห่ง
สิ่งที่ทำให้เซินเจิ้นและทั้งประเทศจีน เติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในเวลา 20 – 30 ปี คือ วิสัยทัศน์ของผู้นำอย่าง เติ้ง เสี่ยวผิง การทำแบบเดิม ผลลัพธ์ย่อมเหมือนเดิม นั่นจึงทำให้ประเทศจีนเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เข้าสู่ยุคของ “สี จิ้นผิง” ประเทศจีนไม่ได้จะหยุดอยู่แค่ “เซินเจิ้น” อีกต่อไป
สงอัน คือ เมืองต้นแบบแห่งใหม่ที่จีนกำลังเร่งพัฒนา โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างให้เป็นเมืองแห่งโลกอนาคต และจะเป็นต้นแบบของ Smart City ที่สมบูรณ์แบบที่สุดเมืองหนึ่งของโลก ล่าสุดรัฐบาลจีนได้ทุ่มเงินลงทุนเพิ่มเติมอีก 1.12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม จากที่คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนตลอดทั้งโปรเจกต์ถึง 3.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากเทียบกันแล้ว เซินเจิ้นคือประตูที่ดึงให้นักลงทุนต่างชาติรู้จักประเทศจีนมากขึ้น และยังเป็นประตูให้คนจีนก้าวออกไปเติบโตในระดับโลก ขณะที่เมืองใหญ่อื่น ๆ ก็สามารถทำหน้าที่ทางด้านเศรษฐกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หรือกวางโจว
เพราะฉะนั้น สงอัน ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะเป็นเมืองเศรษฐกิจแห่งใหม่เท่านั้น แต่ว่ากันว่า จะเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัยมากที่สุด ทั้งจากพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ถนนที่แคบลง รวมทั้งการออกแบบผังเมืองเพื่อรองรับกับการอยู่อาศัย รวมทั้งการนำเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตเข้ามาร่วมสร้างเมืองแห่งนี้ อย่าง รถยนต์ไร้คนขับ บริการสาธารณะผ่าน AI รวมทั้งการพยายามสร้างเมืองที่ปราศจากสัญญาณไฟแดง และปราศจากปัญหารถติดอย่างสิ้นเชิง
จากเซินเจิ้นสู่สงอัน จะเห็นว่า จีนไม่ได้เพียงแค่ต้องการจะก้าวไปเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลก โดยที่ไม่สนใจบริบทอื่น ๆ ของสังคม เพราะสุดท้ายแล้วสังคมใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะถูกปกครองด้วยระบบหรือระบอบใด องค์ประกอบพื้นฐานก็คือประชาชน จุดเริ่มต้นของการพัฒนาเซินเจิ้น ก็เพราะการเล็งเห็นถึงปัญหาความยากจน การพัฒนาสงอันก็ได้รับบทเรียนจากปัญหาของการอยู่อาศัยในเมืองใหญ่ สุดท้ายแล้วหากถามว่าประเทศจีนพัฒนาก้าวกระโดดได้อย่างไร คำตอบที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็น วิสัยทัศน์ของผู้นำ
Comment